บริบท & ความเชื่อมโยง- การรวบรวม – 9/11 ระเบียบโลกใหม่ (2023)

Crestone / Baca เป็น "นครรัฐวาติกันแห่งระเบียบโลกใหม่หรือไม่" การเปิดเผยของ "ศาสนาโลกใหม่"

ส่วน X. Crestone/Baca, Colorado’s UN-New Age-Earth Worship-Religious Syncretism-NWO-Luciferian Con: Context & Connections- Compilation

Maurice Strong, “Global Governance Agenda,” United Nations as “World Instrument,” New Age Religion, Gaia madura, “Spirit of Rio,” Manitou Foundation, climate Change, “new planetaryฏีกา”, Aspen Institute, Lindesfarne Foundation, United Religions Initiative (URI), Religious Syncretism, Shamballa, the Avatar of Synthesis, chanelling, The Great Invocation, the World Core Curriculum, School of Ageless Wisdom, Council of 12, Solar Logos, Lucis Trust, Arcane School, Goodwill, Triangles , ชุมชน Aquarian Age, แท่นบูชาแห่งทุกสิ่ง, “ดวงตาที่มองเห็นได้ทุกสิ่ง”, แวดวงความร่วมมือ, ลัทธิวิคคา ฯลฯ

รวบรวมโดย Dr. Eric Karlstrom, Emeritus Professor of Geography, ธันวาคม 2014 (แก้ไข, กุมภาพันธ์ 2023)

Epigraph/บทสรุปจากส่วนที่ IX และโพสต์นี้:

1) Lucis Trust (แต่เดิมก่อตั้งเป็น Lucifer Trust โดย Alice Bailey ในปี 1922) ประกาศใช้ผลงานของ "Ascended Master" ซึ่งทำงาน 'ผ่าน' Alice Bailey เป็นเวลาประมาณ 30 ปี บริษัท สำนักพิมพ์ Lucis Trust และแนวหน้าและองค์กรมากมายของพวกเขาบูชา "ลำดับชั้นภายนอก" ของ "ปรมาจารย์ที่ขึ้นไป" ซึ่งดำเนินงานของ "แผนแม่บท" ของลูซิเฟอร์เพื่อการจัดตั้ง "Age of Aquarius" อย่างถาวรซึ่งปกครองโดย " Sanat Kumara”, “พระเจ้าของโลก.” นี่ไม่ใช่องค์กรลึกลับอัตราที่สามทั่วไป Lucis Trust เป็นสถาบันที่ทรงพลังซึ่งมี "สถานะที่ปรึกษา" กับสหประชาชาติ ซึ่งอนุญาตให้มีความสัมพันธ์ในการทำงานที่ใกล้ชิดกับสหประชาชาติ รวมถึงที่นั่งในการประชุมประจำสัปดาห์ แต่ที่สำคัญที่สุดคือมีอิทธิพลต่อธุรกิจที่มีอำนาจและผู้นำระดับประเทศทั่วทั้ง โลก. Lucis Trust เป็นองค์กรทางการเมืองมากพอๆ กับองค์กรทางศาสนาที่ลึกลับ Lucis Trust ส่งเสริมอุดมการณ์โลกาภิวัตน์อย่างแข็งขัน ก่อตั้ง World Goodwill ซึ่งเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับแวดวงชนชั้นสูงระหว่างประเทศ ผู้เขียนและผู้เข้าร่วมในการประชุมต่าง ๆ อ่านเหมือนใครเป็นใครของคนวงในระดับโลก

World Goodwill (บริษัทในเครือของ Lucis Trust) สนับสนุนการปฏิบัติสมาธิของพวกนีโอนอกรีตอย่างหน้าไม่อาย (และ) ส่งเสริม "แผน" ลึกลับอย่างเปิดเผยสำหรับการปกครองจักรวาล….. โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันเป็นแผนทางจิตวิญญาณ - แผนที่หากให้ประเมินอย่างละเอียดจากงานเขียนของพวกเขาเอง จะเห็นได้ว่าเป็นความพยายามของซาตานที่จะใช้บัลลังก์ปีศาจเผด็จการบนโลกและการบูชาบังคับของมนุษยชาติผ่านพิธีกรรมของลูซิเฟอร์ริก

วัตถุประสงค์คือ "การช่วยเหลือจากผู้ยิ่งใหญ่และการให้ความช่วยเหลืออันชาญฉลาดแก่พวกเขาซึ่งจะทำให้แผนการของพวกเขาเพื่อมนุษยชาติเป็นจริง" (ibid. 516) วิธีหนึ่งในการ "ทำให้เป็นจริง" แผนของลำดับชั้นสำหรับมนุษยชาติคือผ่านเครือข่าย Triangle ของ Lucis Trust เป้าหมายของพวกเขาคือการฝึกสมาธิแบบลึกลับ“ศาสตร์แห่งการไหลของพลังงานและความสัมพันธ์ของพลังงาน” ลูซิส ทรัสต์กล่าวว่า “การทำสมาธิแบบไสยศาสตร์เป็นวิธีการนำพลังงานอย่างมีสติและตั้งใจจากแหล่งที่รู้จักไปสู่การสร้างผลเฉพาะบางอย่าง”

ผู้เข้าร่วมนานาชาติ “นั่งเงียบๆ สักสองสามนาทีแล้วเชื่อมโยงจิตใจกับสมาชิกคนอื่นๆ ของสามเหลี่ยมหรือสามเหลี่ยมของตน พวกเขาเรียกพลังงานแสงและความปรารถนาดี จินตนาการว่าพลังงานเหล่านี้ไหลเวียนผ่านจุดโฟกัสสามจุดของรูปสามเหลี่ยมแต่ละรูป และไหลผ่านเครือข่ายรูปสามเหลี่ยมรอบโลก ในขณะเดียวกันพวกเขาก็กล่าวคำวิงวอนอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง”

การเชื่อมต่อกระแสจิต 30 ปีของเธอกับ Master DK คือสิ่งที่บางคนเรียกว่าการครอบครองโดยปีศาจอย่างไม่ลังเล

ฟอสเตอร์ เบลีย์ สามีของเธอกล่าวว่า "ในระหว่าง "การทำงาน" ที่ยาวนาน จิตใจของชาวทิเบตและ A.A.B [อลิซ แอน เบลีย์] ได้รับการประสานอย่างใกล้ชิดมากจนมีผล - ตราบใดที่การผลิตส่วนใหญ่ของการสอนยังเป็น ที่เกี่ยวข้อง – กลไกการฉายเดี่ยวร่วมกัน”

(บทนำของ Cosmic Fire) เทคนิคนี้เรียกในทางไสยศาสตร์ว่า "การบดบัง" ซึ่งเป็นคำสละสลวยสำหรับการครอบครองโดยปีศาจ หรือที่ Bailey ชอบเรียกมันว่า "ศาสตร์แห่งความประทับใจ"

ยิ่งกว่านั้น ลำดับชั้นได้ "บดบัง" หลายสิ่งหลายอย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงช่วงปลายศตวรรษ - แนวปฏิบัติสมัยใหม่ที่เพิ่มขึ้นของการส่งสัญญาณและการฉายภาพดวงดาวทางกายสิทธิ์แสดงถึงการทำนายเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว:

“วิธีการบดบังเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีที่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และอาจารย์ของเขาใช้ในตอนท้ายของศตวรรษ และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงส่งพวกเขาไปจุติ ในทุกประเทศ สาวกที่มีโอกาสเสนอให้พวกเขาตอบสนองต่อ ความจำเป็นในการฝึกอบรมชายและหญิงให้รับรู้ถึงพลังจิตที่สูงขึ้น และแรงบันดาลใจที่แท้จริงและเป็นสื่อกลาง และต้องทำสิ่งนี้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์

ในอีกห้าสิบปีข้างหน้า ความต้องการพลังจิตที่แท้จริงและสื่อที่มีสติสัมปชัญญะจะยิ่งใหญ่มากหากแผนของปรมาจารย์จะต้องดำเนินไปจนบรรลุผล และการเคลื่อนไหวจะต้องเริ่มต้นขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระองค์ซึ่งทุกประเทศรอคอย ”

– สนธิสัญญาเกี่ยวกับ Cosmic Fire, หน้า 757-758

จาก:Lucis Trust, Alice Bailey, World Goodwill and the False Light of the Worldโดยเทอร์รี่ เมแลนสัน 2544

2)สหประชาชาติเป็นหลักการจัดตั้งที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาลโลก ใครคือผู้มีอำนาจเบื้องหลัง UN? หลังจากหลายปีของการวิจัย Joan Veon นักเขียน/นักเคลื่อนไหว ได้สรุปว่ารัฐบาลโลกดำเนินการโดยพันธมิตรทางการเงินและเศรษฐกิจระหว่างราชวงศ์อังกฤษและราชวงศ์ Rothschild ราชวงศ์อังกฤษส่วนใหญ่ปกครองโลกที่ "ศิวิไลซ์" มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 800 เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (เช่น ลัทธิฟาสซิสต์) ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนวาระด้านสิ่งแวดล้อมและ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” Chatham House ของอังกฤษ (ราชบัณฑิตยสถานเพื่อกิจการระหว่างประเทศ) เผยแพร่รายงานย้อนหลัง 14 ปีเกี่ยวกับการประชุมสุดยอด Rio Earth โดยเน้นที่ "วิธีสร้างทองคำจากสีเขียว"

ในการประชุม Cancun World Trade Organisation Veon ได้เรียนรู้วิธีที่อังกฤษควบคุม UN และหน่วยงานดาวเทียมจำนวนมากผ่านอดีตอาณานิคม: ปัจจุบันมีอาณานิคมอดีตอังกฤษประมาณ 53 แห่งในเครือจักรภพอังกฤษ แต่ละคนได้รับหนึ่งเสียงในสหประชาชาติ ดังนั้นอังกฤษจึงสามารถนับได้ว่ามี 54 เสียงจากทั้งหมด 191 เสียงที่เป็นไปได้ ดังนั้น จึงมีคะแนนเสียงข้างมากในสหประชาชาติเสมอ

ในปี พ.ศ. 2543 องค์การสหประชาชาติได้ประกาศ “การเป็นผู้ดูแล” ของตนเหนือ “ส่วนรวมของโลก” กล่าวคือ อำนาจอธิปไตยเหนือมหาสมุทร ชั้นบรรยากาศ และอวกาศทั้งหมด วันหนึ่งกฎของทะเล (LOST) จะถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมมหาสมุทรทั้งหมด การเติบโตอย่างชาญฉลาดนั้นเหมือนกับสนธิสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของสหประชาชาติ กล่าวว่ารัฐจะเป็นผู้ตัดสินว่าผู้คนอาศัยอยู่ที่ไหน ประเด็นคือการย้ายผู้คนออกจาก "พื้นที่หลัก" และ "เขตกันชน" และไปยังพื้นที่เล็กๆ (การตั้งถิ่นฐานของมนุษย์) ซึ่งสามารถควบคุมได้ง่าย สิ่งนี้อาจอธิบายส่วนหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้นใน Crestone / Baca ได้หรือไม่

เมื่อถามถึง Maurice Strong เจ้าสัวแห่งสหประชาชาติ Joan Veon ตอบว่า Strong เป็นตัวละครหลักที่อยู่เบื้องหลังการขายออกจากการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม เขาเป็นเลขาธิการของการประชุมสุดยอดโลกของสหประชาชาติครั้งที่ 1 ในกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน (พ.ศ. 2515) และเลขาธิการการประชุมสุดยอดโลกของริโอ (พ.ศ. 2535) เขาก่อตั้ง UNEP (โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ) สตรองมาจากความยากจน ไม่เคยได้รับการศึกษาระดับวิทยาลัย และเป็นหุ่นเชิดของชนชั้นปกครอง เขาเป็นเพื่อนของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และเจ้าฟ้าชายฟิลลิป ซึ่งพระองค์ได้ตั้งสหพันธ์สัตว์ป่าโลกขึ้น ป้าของสตรองเป็นคอมมิวนิสต์ที่มีอิทธิพลมากทั้งในคอมมิวนิสต์รัสเซียและจีนคอมมิวนิสต์ ทุกวันนี้ เขาก็อาศัยอยู่ในประเทศจีนคอมมิวนิสต์เช่นกัน พยายามสร้างรายได้หลายพันล้านโดยการทำตลาดรถยนต์จีนไปยังประเทศตะวันตก

(จาก: บันทึกของ Dr. Eric Karlstrom ในการสัมภาษณ์ Joan Veon ใน UN/Agenda 21 (Joan Veon สหประชาชาติ / วาระที่ 21)

3) … การประชุมสุดยอด (UN) Rio (1992) เป็นส่วนหนึ่งของวาระการประชุมธรรมาภิบาลโลกที่ Rockefeller คาดการณ์ไว้ซึ่งย้อนกลับไปก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง (และ) มันเชื่อมโยงกับข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาคที่เพิ่งมีการเจรจา - ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ และสนธิสัญญามาสทริชต์ เช่นเดียวกับการประชุมสตอกโฮล์ม (1972) ทุกอย่างเกี่ยวกับการบูรณาการตะวันออกและตะวันตก เขา (มอริซ สตรอง เลขาธิการทั่วไปของการประชุมสุดยอดโลกริโอ) เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ยูเอ็นสร้างตัวเองใหม่ให้เป็นโลกขั้วเดียวที่กล้าหาญ (แข็งแกร่ง) หวังว่าจะได้รัฐบาลแห่งชาติดำเนินการขั้นตอนที่หนึ่งและสองและสามในการลดอำนาจของตนเองที่ริโอ การประชุมสุดยอดที่ริโอ เช่นเดียวกับการประชุมสตอกโฮล์ม มีเป้าหมายเพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ให้เป็นหน่วยการบริหารที่ใหญ่ขึ้นมาก โดยมีการกระจายอำนาจที่แท้จริงจากรัฐบาลระดับชาติไปยังองค์กรระดับภูมิภาคที่กว้างใหญ่….

มีคนได้ยินอยู่เสมอเกี่ยวกับการสูญเสียโอโซนของโลก การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ความตายของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในป่าที่ห่างไกล สวนสาธารณะที่รกร้างว่างเปล่า… .. ผู้คนที่ฉันพูดคุยด้วยดูเหมือนจะกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ว่าราชการมากกว่าสิ่งที่ถูกทิ้งในท่อระบายน้ำของพวกเขาเอง ผู้เชื่อในวิกฤตสภาพอากาศทั้งรุ่นได้รับการดูแลอย่างดีในโรงเรียน ลูก ๆ ของฉันกลับมาบ้านโดยแน่ใจว่าสภาพอากาศเปลี่ยนจากดีเป็นร้าย ดวงอาทิตย์ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้บอกว่าพวกเขากำลังตั้งสมมุติฐานซ้ำๆ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง สมมติฐานเหล่านี้ได้มาจากแบบจำลองที่เกิดจากการสังเกตที่ไม่เพียงพอ แบบจำลองบางอย่างอาจไม่เพียงพอในตัวมันเอง หรือถูกพบว่าไม่เพียงพอ...

การผสมผสานที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ของจิตวิญญาณที่ไม่จีรังยั่งยืนซึ่งมักถูกหยิบยืมมาจากชนพื้นเมืองอย่างเร่งรีบ และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมก็รบกวนจิตใจฉันเช่นกัน สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าจุดประสงค์ของการหลอมรวมนี้คือเพื่อปิดปากการอภิปราย

… มันกลายเป็นเกมชนิดหนึ่งสำหรับฉัน (Dewar) ในการสืบหาความเชื่อมโยงของ PGO (องค์กรภาครัฐเอกชน) ที่พยายามขาย Global Governance Agenda ให้กับ Maurice Strong ฉันไม่แปลกใจเลยที่รู้ว่าเขาและภรรยาของเขา Hanne Marstrand มีองค์กรดังกล่าวเป็นของตัวเอง มูลนิธิ Manitou Hanne Marstrand (ภรรยาของ Strong) เป็นประธาน เหรัญญิกที่แข็งแกร่ง เขาทำให้แน่ใจว่า Manitou Foundation ได้รับการรับรองให้เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนในการประชุมสุดยอดที่ริโอ จากนั้น Manitou ได้รับการขอร้องให้จัดการประชุมทางจิตวิญญาณสำหรับการประชุมสุดยอดที่ริโอ แบบฝึกหัดการให้ทุนต่างๆ ของมูลนิธิ Manitou ได้แก่ การให้ที่ดินแก่กลุ่มที่ชื่นชอบที่ฟาร์มปศุสัตว์ Baca ศาสนจักรต่างๆ เช่น คณะคาร์เมไลต์และพระทิเบตก็มีสถานที่พักผ่อนที่ฟาร์มเช่นกัน วัสดุชีวภาพบางอย่างจะถูกเก็บไว้ที่นั่นเพื่อป้องกันการพร่องของยีนพูลในอนาคต เดิมทีมูลนิธิ Manitou ได้รับเงินทุน 100,000 ดอลลาร์จาก Laurence Rockefeller และ 20,000 ดอลลาร์จาก Robert O. Anderson อดีตหัวหน้าของ Arco นอกจากนี้ยังได้รับเงิน 1.2 ล้านดอลลาร์จากการขายหุ้นของ Strong ใน American Water Development Inc. (บริษัททำท่อส่งน้ำจากชั้นน้ำแข็งของ Baca Grande ให้กับหุ้นส่วนของเขาใน First Colorado Corporation) ต่อมา Manitou ยังได้รับเงิน 21,500 ดอลลาร์จากองค์กรการกุศลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนสำนักงาน Strong's Summit

Elaine Dewar, Cloak of Green: The Links between Key Environmental Groups, Government, and Big Business (1995)

และผู้อ่านที่รัก โปรดระลึกถึงข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญนี้จากบล็อกของ McClaughry จากส่วนที่ IXที่ช่วยเชื่อมต่อองค์ประกอบหลักเหล่านี้ของระบบระเบียบโลกใหม่:

4) แผนนายทาสเป็นรัฐตำรวจ (“รัฐทหารรักษาการณ์”) ที่ใช้อำนาจอธิปไตยเหนือทุกคนในโลก นั่นคือความคิดที่แท้จริงของพวกเขาสำหรับรัฐบาลโลกของพวกเขาใครก็ตามที่ไม่ยอมจำนนต่อการปกครองของนายทาสจะถูกกำจัดอย่างไร้ความปรานี ไม่มีสิทธิหรือเสรีภาพ ไม่มีแม้แต่เสรีภาพทางความคิด พวกทาสจะกำหนดสิ่งที่คุณได้รับอนุญาตให้คิดและใช้ชีวิตอย่างไร พวกเขากำลังได้รับกฎหมายให้จำคุกใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์พวกเขา พวกเขากำลังทำงานบนระบบเฝ้าระวังเพื่อตรวจจับความคิดที่สวนทางกัน พวกเขากำลังเคลื่อนโลกไปทีละขั้น การเป็นทาสอย่างแท้จริง

… ไซเอนโทโลจีดึงดูดผู้คนที่ฉลาด เอาใจใส่ และมีความสามารถมากที่สุดในโลก นั่นคือประเด็นแล้วใช่ไหม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (ควบคุมจิตใจ) คนเหล่านั้น เนื่องจากพวกเขาเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อวาระทางการเมืองของนายทาส ให้พวกเขาสนับสนุนวาระนั้นอย่างลับๆ

จิตเวชศาสตร์สังคมเป็นคำสละสลวยสำหรับวิศวกรรมสังคม หรือที่เรียกว่าวิศวกรรมความเป็นจริง วิศวกรรมสังคมเป็นคำสละสลวยสำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

….แอล. รอน ฮับบาร์ด ผู้ก่อตั้งไซเอนโทโลจี คาดหวังให้ไซเอนโทโลจีสนับสนุนทุกเป้าหมายของระเบียบโลกใหม่...1)การขจัดเขตแดนระหว่างประเทศ 2)รัฐบาลโลกเดียว 3)วันธนาคารโลก, 4)สกุลเงินโลกเดียว 5)กองทัพโลกเดียว

ความคิดเห็น ebmaster (2023):สิ่งนี้อธิบายถึงจุดประสงค์ทางการเมืองของ New Age Movement, ลัทธินับไม่ถ้วน, ลัทธิ UFO เช่น Scientology (อันที่จริงคือหน่วยข่าวกรองของอังกฤษและอเมริกา), "New Religious Movements" และโดยเฉพาะ“ปฏิบัติการครีสโตน/บาคา”

“ผู้คัดค้าน” หรือ “ผู้ที่ปฏิเสธที่จะวิวัฒนาการ” จะต้องมี “การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” ที่เข้มงวดมากขึ้น และ/หรือกำจัดออกด้วยการลงโทษอย่างต่อเนื่อง-การลดระดับผ่านการข่มเหงรังแก-การทารุณกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และการทรมาน เห็นได้ชัดว่า Alice Bailey และ Dwhal Khul อสูรร้ายของเธออาจเรียกกระบวนการนี้ว่า: “การปิดประตูที่ซึ่งความชั่วร้ายอาศัยอยู่” ซึ่งแท้จริงแล้วหมายถึงความรุนแรง หากจำเป็น การกำจัดผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาออร์โธดอกซ์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน

ดูหน้าเว็บของ Ph.D. Robert A Herrmann A Modern Manifestation of Absolute Evil สำหรับบทความของเขาที่ชื่อว่า A Scientific Analysis of the Writings of Alice A. Bailey and their Applications for a treatment in DK's (Bailey's) deception.)

จากบล็อกของ McClaughry (รากเหง้าของไซเอนทิโลจี) และบทนำสู่ส่วนที่ IX

I. บทนำเว็บมาสเตอร์:ฉันเริ่มชุดสืบสวนนี้ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2011 เพื่อพยายามพิจารณาว่า “Crestone/Baca คือ “นครรัฐวาติกันแห่งระเบียบโลกใหม่” ตามที่ Tom DeWeese แห่ง American Policy Center กล่าวในปี 1996 สุนทรพจน์เรื่อง “The Most Dangerous Man in the โลก." เพื่อให้เข้าใจหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคำถามนี้ได้ดียิ่งขึ้น ฉันได้ขยายวงกว้างของประวัติศาสตร์และค้นพบทางเลือกอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบลับๆ และเก็บกดของประวัติศาสตร์ การเมือง และศาสนา ในฐานะอาจารย์วิชาภูมิศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ฉันรับรู้มานานแล้วเกี่ยวกับรัฐบาล "ลับ"/"เงา"/"สองเท่า" ที่กำหนดนโยบายในประเทศและต่างประเทศของอเมริกาผ่านหน่วยงานกึ่งเอกชน มูลนิธิ คลังความคิด ฯลฯ

ซีรีส์สืบสวนเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักสืบเป็นหลัก ในเชิงเปรียบเทียบ มันเกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้ตรรกะและข้อเท็จจริงเพื่อพยายามประกอบจิ๊กซอว์ขนาดมหึมาซึ่งดูเหมือนว่าจะขาดชิ้นส่วนที่สำคัญไปหลายชิ้น ก่อนที่เราจะเห็นภาพปริศนาทั้งหมด เราต้องค้นหาชิ้นส่วนที่หายไปจำนวนมากก่อน ดังนั้น สำหรับฉันแล้ว นี่เป็นการเดินทางที่ยาวนานขึ้นในการค้นพบซึ่งเผยให้เห็นมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในโลกสมัยใหม่ของเรา มันพาฉันไปไกลกว่าเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบอย่าง Crestone/Baca มันยังพาฉันลงไปไกลกว่า "โพรงกระต่าย" มากกว่าที่ฉันเคยลองมาก่อน ฉันไม่ได้ทำการวิจัยนี้เพื่อความพึงพอใจ ผลกำไร หรือความสนุกของฉันเอง แต่ความหวังและศรัทธาของฉันคือการให้ความรู้แก่ตนเองและผู้อื่นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ "ซ่อนเร้น" และประวัติศาสตร์ "ที่ซ่อนอยู่" นี้ พลเมืองอเมริกันและพลเมืองของประเทศอื่นๆ จะได้รับประโยชน์ ผมเชื่อว่าเมื่อประชาชนจำนวนร้อยละที่สำคัญเข้าใจว่าโครงการ "โลกาภิวัตน์" เช่น สหประชาชาติ ขบวนการยุคใหม่ การบูชาไกอา วาระที่ 21 ของสหประชาชาติ (ปัจจุบันคือวาระที่ 2030) ฯลฯ จะทำลายชาติ ศาสนาของพวกเขาในที่สุด ครอบครัวและชีวิต การสนับสนุนจากสาธารณะสำหรับสถาบันและโครงการเหล่านี้จะหายไป

ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงได้พยายามใช้เครื่องมือทางวิชาการมาตรฐานของเหตุผลและการวิจัย เพื่อระบุและแก้ไขปัญหาสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบ และเปิดโปงและอธิบายการหลอกลวงที่ประดิษฐ์ขึ้นมากมาย ซึ่งในปัจจุบันได้ชักนำพลเมืองที่ไร้เดียงสาและมีเจตนาดีจำนวนมากให้เข้าใจผิด ฉันไม่อ้างสิทธิ์ใน "สถานะวงใน" หรือการเข้าถึง "ข้อมูลวงใน" ยกเว้นประสบการณ์ชีวิตของฉัน ซึ่งรวมถึง 30 ปีในฐานะอาจารย์ภูมิศาสตร์มหาวิทยาลัย และสองทศวรรษที่ฉันทำงานพาร์ทไทม์และเต็มเวลา ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ Crestone/Baca

ซีรีส์แนวสืบสวนนี้เป็นการรวบรวมและสังเคราะห์งานของผู้อื่นเป็นหลัก ข้อเท็จจริงและข้อค้นพบที่นำเสนอในที่นี้ได้รับการบันทึกไว้อย่างดีจนไม่สามารถถือเป็นข้อขัดแย้งได้ แท้จริงแล้วพวกมันไม่สามารถโต้แย้งได้ ตอนนี้ฉันเชื่อว่าการทำความเข้าใจข้อมูลสำคัญนี้มีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจแนวโน้มสำคัญในประวัติศาสตร์ การเมือง และศาสนาโดยทั่วไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ปฏิบัติการครีสโตน/บาคา" ข้อค้นพบ/ข้อค้นพบที่นำเสนอในที่นี้ แม้ว่าบ่อยครั้งจะมีความแปรปรวนกับประวัติศาสตร์ "อย่างเป็นทางการ" แต่ก็อธิบายเหตุการณ์และแง่มุมของประวัติศาสตร์ที่อธิบายไม่ได้หลายอย่าง: เห็นได้ชัดว่าปฏิบัติการ 9/11, การฉ้อฉลภาวะโลกร้อน, การลอบสังหาร JFK, RFK, MLK และโฮสต์ของการฆ่าต่อเนื่องที่มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง ฯลฯ คือปฏิบัติการข่าวกรองทางทหารและตัวอย่างที่ประดิษฐ์ขึ้นของ "การควบคุมจิตใจที่มีบาดแผลจำนวนมาก" ซึ่งออกแบบมาเพื่อข่มขวัญประชาชนให้สับสนและยอมจำนน หลักฐานบ่งชี้ว่าโครงการเหล่านี้และโครงการล้างสมอง/วิศวกรรมสังคมอื่นๆ ถูกคิดค้นขึ้นที่สถาบันความสัมพันธ์ของมนุษย์ทาวิสต็อกในลอนดอน ประเทศอังกฤษ และคลังสมองในเครือมากมายในอเมริกาและที่อื่น ๆ ปฏิบัติการดังกล่าวมักดำเนินการโดยหน่วยข่าวกรอง หน่วยงานภาคเอกชนจำนวนนับไม่ถ้วน และ/หรือหน่วยปฏิบัติการพิเศษ

ซีรี่ส์นี้ยังสรุปโดยสรุปถึงผู้ควบคุมที่ได้รับการแต่งตั้งด้วยตนเองและจะเป็นผู้ควบคุมของโลก มันพยายามที่จะอธิบายถึง "ตรรกะ" ที่อยู่เบื้องหลังแรงผลักดันทำลายล้างที่ยาวนานกว่าสามพันปีของพวกเขาที่มีต่อการครอบครองโลก และรูปแบบการดำเนินการที่กลุ่มนี้แทรกซึม ล้มล้าง และทำลายชาติ สังคม ศาสนา ฯลฯ ข้อเท็จจริงที่นำเสนอในที่นี้แสดงให้เห็นอย่างเด็ดขาดว่า แผนพันปีสำหรับการพิชิตโลกคือแผนของ “ยิว” (ยิว-อิฐ-ซาตาน) กรณีของข้อเสนอนี้จัดทำขึ้นในชุดนี้โดยอ้างข้อความของชาวยิวจำนวนนับไม่ถ้วนและบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่มีตำแหน่งสูง (ส่วนที่สี่และภาคผนวก 6) และได้รับการยืนยันอย่างมากมายในส่วนที่ V,ภาคผนวก 8, และคำคม Zionism. Douglas Reed นักข่าวชาวอังกฤษเสนอข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญนี้ในหนังสือปี 1956 ของเขาที่ชื่อ “The Controversy of Zion:”

ยูดายเป็นโครงการทางการเมืองที่ปลอมตัวเป็นศาสนา

ในทำนองเดียวกัน ขบวนการยุคใหม่และลัทธิอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน การฉ้อฉล การสมรู้ร่วมคิด จนถึงและรวมถึงสงครามและเหตุการณ์ก่อการร้ายที่รัฐสนับสนุน ได้ถูกปรุงแต่งขึ้นโดยกลุ่มระหว่างประเทศนี้ เพื่อให้ “ผู้ที่ถูกเลือก” ที่อธิบายตนเองอาจเป็นผู้นำในพวกเขา “Jewish Universal State” ที่รอคอยมานาน (“Jewish Utopia”) รัฐบาลเผด็จการโลกเดียวที่ปกครองโดยชาวยิว พระเยซูคริสต์เองเรียกกลุ่มนี้ว่า "ธรรมศาลาของซาตาน" และฉันรู้ว่าไม่มีคำอธิบายใดที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว

ภาพรวมของสารบัญชุดนี้บ่งบอกถึงขอบเขตที่กว้างขวาง ความเกี่ยวข้องสากล และความสำคัญที่สำคัญสำหรับพวกเราทุกคน:

ส่วนที่ 1:Crestone / Baca, Maurice Strong และ "ศาสนาโลกใหม่? “
ส่วนที่ 2Rockefeller และ Rothschild Empires, Freemasons และกำเนิดของ Illuminati
ส่วนที่ 3:โครงสร้างอิลลูมินาติ/อิฐ การเชื่อมต่อกับศาสนายุคใหม่ และจุดกำเนิดของอิลลูมินาติและความสามัคคี
ส่วนที่สี่:“ผู้ควบคุม” และภารกิจทำลายล้างของพวกเขา
ตอนที่ 5:ผู้ควบคุมควบคุมเราอย่างไร: ทางเลือกร่วมกันและการทุจริตของวัฒนธรรมและสถาบัน
ส่วนที่หก:การควบคุมจิตใจ: ประวัติและการประยุกต์ใช้
ส่วนที่เจ็ด:การควบคุมจิตใจและอาวุธอิเล็กทรอนิกส์
ส่วนที่ 8:การเชื่อมต่อลัทธิ
ส่วนที่ IX:ลัทธิและเส้นเวลา: จาก Cabala ถึง John Dee ไปจนถึง Freemasonry ไปจนถึงจิตเวชศาสตร์และหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษไปจนถึง Church of Scientology; จาก Urantia สู่ "Voices of God" และการปกปิดเหตุการณ์ 9/11
ส่วนที่ Xบริบทและการเชื่อมโยงของ Crestone/Baca: Maurice Strong, “Global Governance Agenda,” United Nations as “World Instrument,” New Age Religion, Gaia madura, “Spirit of Rio,” “new planetaryฏีกา”, Aspen Institute, Lindesfarne Foundation, United Religions Initiative (URI), Syncretism ทางศาสนา, Shamballa, อวตารของการสังเคราะห์, แชแนลลิ่ง, การวิงวอนอันยิ่งใหญ่, หลักสูตรหลักของโลก, โรงเรียนแห่งภูมิปัญญาอมตะ, สภา 12, โลโก้สุริยะ, Lucis Trust, โรงเรียน Arcane, ค่าความนิยม, สามเหลี่ยม, ชุมชน Aquarian Age, แท่นบูชาของทุกสิ่ง, “ดวงตาที่มองเห็นได้ทุกอย่าง”, วงกลมแห่งความร่วมมือ, Wicca ฯลฯ
ส่วน X-b:บริบท Crestone / Baca และการเชื่อมต่อต่อ (ส่วน B)
ส่วนที่สิบเอ็ด:สมมติฐานและข้อสรุป: เกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้ใน Crestone/Baca? ส่วน ก
ส่วนที่สิบสอง:สมมติฐานและข้อสรุป: เกิดอะไรขึ้นบนโลกนี้ใน Crestone/Baca? ส่วน ข
ภาคผนวก 1.การสู้รบทางบก/น้ำบนครีสโตน/บาคาล่าสุด: คุณภาพน้ำ ภัยแล้ง การเข้าถึงที่ดินสาธารณะ การโกงการเลือกตั้ง ฯลฯ
ภาคผนวก 3Theocracy ใหม่ของ Crestone / Baca: ความคิดเห็นจาก Cyberspace
ภาคผนวก 4เกราะวิญญาณ
ภาคผนวก 5:ประวัติศาสตร์อันยาวนานของการทดลองในมนุษย์ของอเมริกา (รายการบางส่วน)
ภาคผนวก 6:คำคมเกี่ยวกับศาสนายูดายและลัทธิไซออนิสต์
ภาคผนวก 7:พลังงานที่มองไม่เห็น และ Nicola Tesla
ภาคผนวก 8:คำคมจาก The Trail of the Serpent (1936) โดย Inquire Inside
ภาคผนวก 9.“การสะกดรอยตามแก๊ง:” การกำหนดเป้าหมายแบบเป็นระบบและทางอิเล็กทรอนิกส์ของ “ศัตรูในประเทศ” บันทึกจากหนังสือ งานนำเสนอ YouTube และบล็อก
ภาคผนวก 10:ความจริง การโกหก การผูกมัดสองครั้ง และ Crestone/Baca
ภาคผนวก 11:ในเงื่อนไข “ทฤษฎีสมคบคิด” และ “การต่อต้านชาวยิว”
ภาคผนวก 12:“Black Awakening” “Nephilim Project” และอาณาจักรเหนือธรรมชาติจากมุมมองของคริสเตียน
ภาคผนวก 13:แบบอย่างและสคริปต์ในพระคัมภีร์ไบเบิล

เมื่อเราเข้าใกล้บทสรุปของซีรี่ส์ที่มีความยาวนี้ ในที่สุด หัวข้อต่อไปนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสอบสวนนี้: 1) ระเบียบโลกใหม่/ระเบียบธรรมาภิบาลโลก 2) ขบวนการยุคใหม่ และ 3) ศาสนาโลกใหม่ และ 4) สหประชาชาติในฐานะ "ตราสารของโลก" ในส่วนนี้ ฉันให้บริบทเพิ่มเติมและการเชื่อมโยงสำหรับหัวข้อเหล่านี้โดยการอ้างอิงโดยตรงจากงานของผู้อื่น มีการซ้อนทับและซ้ำซ้อนที่จำเป็นของข้อมูลที่นำเสนอไปแล้วในส่วนอื่นๆ ของซีรี่ส์นี้ ข้อความที่ตัดตอนมาจากหนังสือและบทความต่อไปนี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติม/ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญต่อการทำความเข้าใจวาระการประชุมสหประชาชาติ/ธรรมาภิบาลโลก/ขบวนการยุคใหม่ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับ Crestone/Baca และศาสนาโลกใหม่ ดังนั้นฉันจึงอ้างอิงเนื้อหาเหล่านี้ที่นี่เพื่อเสริมฐานข้อมูลที่กว้างขวางในชุดข้อมูลนี้

ครั้งที่สอง การหลอกลวงที่ยอดเยี่ยม: ข้อมูลเชิงลึกของ Elaine Dewar เกี่ยวกับ Crestone/Baca, Maurice Strong, ขุนพลโจรสมัยใหม่, Ludlow, การประชุมสุดยอด Rio Earth ของสหประชาชาติ, รัฐบาล/ธุรกิจ/การทหาร/ข่าวกรอง, “เครือข่ายข้อมูลขั้นสูงสุด” ขบวนการด้านสิ่งแวดล้อมที่ถูกขโมย , ศาสนาโลกใหม่, มูลนิธิ Manitou และ "วาระธรรมาภิบาลโลก:"

(จาก “Cloak of Green: The Links Between Key Environmental Groups, Government, and Big Business” (1995) โดย Elaine Dewar):

จอห์น ดี. และเดวิด รอกกีเฟลเลอร์ และมอริส สตรอง

“คุณปู่ของ David Rockefeller, John D. Rockefeller ได้สร้างธุรกิจระดับโลกที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลกโดยอาศัยความสัมพันธ์ในการทำงานที่แน่นแฟ้นมากมาย ตามรายละเอียดโดย Daniel Yergin ใน The Prize; มหากาพย์การแสวงหาน้ำมัน เงิน และอำนาจ รวมถึงเครื่องมือต่างๆ เช่น การลอบเร้น การหลอกลวง สายลับ ความรุนแรง และการยึดครองอย่างลับๆ ของศัตรูที่กลายมาเป็นเพื่อนกัน กลุ่ม Standard Oil ที่เขาเป็นหัวหน้าประสบความสำเร็จในการกำมือในการสำรวจและแจกจ่าย น้ำมันและผลิตภัณฑ์ทั่วโลกก่อนช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ (20)

ในปี พ.ศ. 2456 บริษัทที่จอห์น ดี. ร็อกกี้เฟลเลอร์ จูเนียร์ มีอำนาจควบคุม คือ บริษัทเชื้อเพลิงและเหล็กโคโลราโด ได้เข้ามาพัวพันกับการนัดหยุดงานที่เผยแพร่อย่างกว้างขวางในเมืองลุดโลว์ รัฐโคโลราโด ลุดโลว์เป็นเมืองบริษัท สภาพการทำงานและความเป็นอยู่แย่มาก บริษัทปฏิเสธที่จะรับรองสหภาพแรงงาน มีการนัดหยุดงาน กองทหารรักษาการณ์ถูกนำเข้ามาเพื่อทำลายการนัดหยุดงาน ผู้หญิงและเด็กเจ็ดสิบสองคนถูกฆ่าตายในกองเพลิงที่จุดโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท เมื่อพวกเขาโจมตีค่ายเต็นท์ของผู้ประท้วง มีเสียงโวยวายจากสาธารณชน: มีการสอบสวนของสภาคองเกรสแล้ว และในไม่ช้าก็มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน จอห์น ดี. รอกกีเฟลเลอร์ จูเนียร์ ผ่านมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ ทำสัญญากับแมคเคนซี คิง ซึ่งเดิมเป็นรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน (แคนาดา) ในสังกัดของลอริเอร์ เพื่อให้คำแนะนำเขาเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำในลุดโลว์ ในช่วงเวลาที่เหมาะสม Mackenzie King ได้นำเสนอวิธีแก้ปัญหาแก่เขา ซึ่งต่อมาได้แพร่กระจายไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา นั่นคือการจัดตั้งสหภาพแรงงานของบริษัท แนวคิดการประชาสัมพันธ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจนี้ เพื่อควบคุมสหภาพแรงงานโดยที่ดูเหมือนไม่ใช่ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวจากแนวคิดขององค์กรพัฒนาเอกชนที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาล

เมื่อ (ชาวแคนาดา) Maurice Strong พบกับ David Rockefeller ในปี 1947… เขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับอาณาจักรหลังสงครามที่กำลังขยายตัว ขณะที่มันถูกสร้างขึ้นโดยผู้นำ "งาน" ซึ่งเป็นอาณาจักรที่รวมนายกรัฐมนตรีของแคนาดามายาวนานซึ่งกำลังจะ เกษียณ Strong เริ่มงานที่ U.N. โดยเตรียมบัตรรับรองและผ่านเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2490 (ตอนอายุ 18 ปี)….

(พูดโดย Elaine DeWar): เจ้าหน้าที่ของ Strong ได้ส่งประวัติส่วนตัวของเขามาให้ฉัน หอคอยหมวกของเขาทำให้เอลิซาเบธ เมย์ดูน่าสมเพช เขาระบุธุรกิจ เกียรติยศ และการมีส่วนร่วมของ NGO ไว้มากมาย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าใจว่าผู้ชายคนเดียวสามารถทำอะไรได้มากขนาดนี้ ในตอนแรก ประวัติย่อของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่ามันแปลก ราวกับว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อขายชีวิต ไม่ใช่ราวกับว่าชีวิตได้ผลิตเอกสารขึ้นมา เมื่อฉันตรวจสอบและทบทวนแล้ว ดูเหมือนว่าจะสะท้อนรูปแบบของวาระธรรมาภิบาลโลกด้วย…. องค์กรพัฒนาเอกชน รัฐบาล นักการเมือง ชนพื้นเมือง มาร์กซิสต์ ลัทธิเหมา และนักประชาธิปไตยผูกปมกับบริษัทพลังงานและอาณาจักรการค้าที่ยิ่งใหญ่อื่น ๆ ประวัติย่อของเขา (ประวัติย่อ) เป็นบันทึกของการเตรียมการตลอดชีวิต

เขาเกิดที่เมืองโอ๊คเลค รัฐแมนิโทบา ในปี พ.ศ. 2472 จบการศึกษาอย่างเป็นทางการเพียงเกรด 11 แต่ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ 27 ใบจากมหาวิทยาลัยทั่วโลก (จำนวนครั้งล่าสุด ณ ปี 1995 คือ 35) เขาได้รวมกิจการส่วนตัว สาธารณะ และไม่แสวงหากำไรในหลายจุดในอาชีพของเขา ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนของเขา นักเขียน John Ralston Saul ชอบที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้ ไม่มีอะไรในเรื่องนี้ นั่นจะทำให้ทุกคนในสถานประกอบการของสหรัฐฯตกใจ ปรมาจารย์ผมเปียสีทองคนนั้น จอห์น เจ. แมคลอย นักเขียนชีวประวัติชาย ไค เบิร์ด ซึ่งให้เครดิตกับการสร้างเครื่องมือรักษาความปลอดภัยแห่งชาติของสหรัฐฯ ได้ทำสิ่งเหล่านี้มาเกือบหนึ่งศตวรรษ

ในปี 1951 สตรองแต่งงาน ซื้อบ้านและไปทำงานที่ Dome Petroleum ในตำแหน่งผู้ช่วยของ (แจ็ค) กัลลาเกอร์ ในความทรงจำของกัลลาเกอร์ สตรองไม่ใช่อัจฉริยะ ลักษณะที่สำคัญที่สุดของเขาคือเขามีจิตใจที่ยืดหยุ่น ในปี 1952 Strong ขายบ้านหลังใหม่ ลาออกจากงานใหม่ และเดินทางไปกับภรรยาใหม่ทั่วโลก เพื่อนของเขาคิดว่าเขาต้องร่ำรวยแน่ ๆ เพราะคนในทุ่งหญ้าซึ่งป่วยด้วยโรคซึมเศร้า มักไม่สามารถพาตัวเองออกจากงานใดๆ ได้ เพื่อนๆ ของเขารู้ว่าเขามีความสุขมากที่ได้ค้นพบคุณธรรมหลายอย่างและนำไปใช้กับทุกวิถีทางที่เขาทำ ไม่มีอะไรทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง สิ่งหนึ่งที่น่าประหลาดใจคือยูทิลิตี้หลายอย่างที่พบในการเดินทางเหล่านี้คืออะไร? มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเดินเตร่ สงครามเกาหลีเริ่มขึ้นและเครื่องมือของเจ. เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ วุฒิสมาชิกโจเซฟ แม็กคาร์ธี กำลังโจมตีซีไอเอในฐานะสถาบันที่แฝงตัวอยู่กับพวกคอมมิวนิสต์ (เอ่อ ยิว- ETK note) ฝ่ายบริหารของไอเซนฮาวร์ได้กำหนดให้ปฏิบัติการลับเป็นเสาหลักของนโยบายต่างประเทศ…. ในฤดูใบไม้ผลิปี 1953 เขาอนุญาตให้มีการทบทวนยุทธศาสตร์สงครามเย็นของประเทศครั้งใหญ่ในชุดสัมมนาที่มีชื่อรหัสว่า Project Solarium ผลการศึกษากระตุ้นให้ประธานาธิบดีดำเนินคดีกับ “สงครามเย็นที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างลับ ๆ โดยใช้โครงการหลอกลวงและปกปิดระดับชาติจากการเปิดเผยต่อสาธารณะและการแยกแยะของโซเวียต”

…. ในยุคแรก ๆ ของสงครามเย็น เอฟบีไอระบุว่า (จอห์น เจ.) แมคลอยและคนอื่น ๆ เป็นสมาชิกของสายลับคอมมิวนิสต์ขนาดใหญ่…. McCloy (ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงสงครามระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองและ "ผู้นำในการจัดตั้งธุรกิจ/การทหาร/ข่าวกรองของสหรัฐฯ หลังสงคราม") นั่งอยู่ในคณะกรรมการของทั้งมูลนิธิ Rockefeller และ Ford ซึ่งให้เงินทุนสำหรับนักคิด นักเขียน นักวิทยาศาสตร์ นักคิดทางการเมืองบางคนที่มีอุดมการณ์ขวาจัด (ETK- เช่น ยิว/อิลลูมินาติ) เช่น Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ได้ก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงในแวดวงเหล่านี้และกลายเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ McCloy และเพื่อนร่วมงานของเขาที่ Rockefeller Foundation และ Ford Foundation ยังมีเงินทุนจำนวนมากในการจัดหาเพื่อเป็นเงินทุนแก่องค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานที่เหมาะสมในการสร้างการอภิปรายสาธารณะ องค์กรดังกล่าวหลายแห่งได้รับเงินสนับสนุน: McCloy เข้าร่วมในคณะกรรมการหลายแห่ง สถาบัน Aspen (แห่งโคโลราโด) เป็นสถานที่ที่มีการถกเถียงกัน ในปี พ.ศ. 2535 มีบุคคลจากสำนักงานกฎหมายของ Milbank, Tweek, Hadley และ McCloy อยู่ในคณะกรรมาธิการ Maurice Strong (ชาวยิวอีกคน) เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์

ตามที่ Kai Bird (ประธาน: John J. McCloy: การสร้างสถานประกอบการของอเมริกา) หลังจากที่เขาเป็นประธาน Chase Bank ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2495 McCloy ยังอนุญาตให้ใช้ Chase เพื่อเคลื่อนย้ายเงินทุนในต่างประเทศสำหรับเจ้าหน้าที่ CIA เมื่อ McCloy ทำหน้าที่เป็นสมาชิกของคณะกรรมการของมูลนิธิ Rockefeller และนั่งเป็นประธานของมูลนิธิฟอร์ด มีการสื่อสารกันเป็นประจำระหว่างผู้นำของมูลนิธิฟอร์ดและผู้นำของซีไอเอ…. ด้วยวิธีการเหล่านี้และวิธีอื่นๆ McCloy และกลุ่มของเขา ซึ่งทำหน้าที่ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ในบางวัน และสำหรับลูกค้าเช่น Rockefellers ที่ทำกับ CIA บางครั้งทำหน้าที่ร่วมกับ CIA และบางครั้งก็ทำเพื่อการกุศลอื่นๆ และ NGOs อื่นๆ ได้กำหนดพารามิเตอร์ของวาทกรรมทางการเมืองที่สมเหตุสมผลทั้งสองอย่าง ในและต่างประเทศ

…. ข้อตกลง (รัฐบาล/ธุรกิจ) แปลกๆ (ของ Strong) ระหว่างความช่วยเหลือจากภายนอก (ของแคนาดา) กับ SNC (บริษัทวิศวกรรมในควิเบก) เป็นรากฐานสำหรับหน่วยงานรัฐบาล CIDA ซึ่งเป็นสำนักงานพัฒนาระหว่างประเทศของแคนาดา ซึ่ง Strong สร้างขึ้นในปี 1968 เพื่อแทนที่หน่วยงานภายนอก Aid….. Strong ใช้ SNC เป็นแนวหน้าส่วนตัวสำหรับการขุดกะโหลกของรัฐบาลกลางในแอฟริกาและควิเบก… เขาช่วยสร้างเครือข่ายข่าวกรอง/อิทธิพลที่ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลกลางแต่กึ่งเอกชนซึ่งอาจมีผลกระทบทั้งในแคนาดาและต่างประเทศ…. ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่าเครือข่ายนี้ยังไม่ได้ดำเนินการผ่าน CIDA และลูกพี่ลูกน้อง IDRC (ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ) ฉันมีเหตุผลที่จะเชื่อว่ามันเป็น สำหรับฉันแล้ว ดูเหมือนว่าสตรองและคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลกลางจะหนีไปได้ด้วยระบบข่าวกรอง/อิทธิพลกึ่งเอกชนนี้ เพราะเขาซ่อนสิ่งที่เขากำลังทำในที่ลับตา…. Strong ดำเนินการกองทุนของรัฐบาลกลางผ่านบริษัทวิศวกรรมในควิเบก ซึ่งทำให้กลุ่มดังกล่าวมีความสามารถในการธนาคารและยังผูกมัดกับอำนาจของรัฐบาลกลาง…. ในขณะเดียวกัน คนที่คัดเลือกมาในแอฟริกาของสตรองก็มีบริษัทเอกชนคอยหลบอยู่ข้างหลัง…. Maurice Strong ได้รับข้อมูลและสามารถใช้อิทธิพลได้

…. มีการกล่าวถึงสตรองว่าเขาสร้างเครือข่ายข้อมูลที่ดีที่สุดเพื่อจัดการกับพื้นที่ที่อดอยากใน 27 ประเทศในแอฟริกา ซึ่งรัฐบาลกำลังโค่นล้ม สงครามกลางเมืองกำลังปะทุ และประเทศผู้บริจาคแน่ใจว่าความช่วยเหลือถูกเบี่ยงเบนไปจากผู้หิวโหย เพื่อเลี้ยงทหาร เขาอาศัยอยู่บนเครื่องบิน เขาเข้าออกประเทศที่ปกครองโดยพรรคเดียวซึ่งสร้างและให้ทุนสนับสนุนโดยสหรัฐฯ สหภาพโซเวียต จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม อิตาลี และผู้รับมอบฉันทะต่างๆ ประเทศที่กลายเป็นผู้รับ การทูตสมุดเช็คของซาอุดิอาระเบีย…..

… (ในปี พ.ศ. 2512) สตรองเดินทางไปนิวยอร์กทั้งในฐานะรองเลขาธิการสหประชาชาติ รายงานต่ออูถั่น และในฐานะเลขาธิการการประชุมสตอกโฮล์ม เสียงสรรเสริญเยินยอเขา: ชาวนิวยอร์กกล่าวว่าเขาอาจช่วยโลกได้…

… ในช่วงเวลานี้ และส่วนหนึ่งเพื่อให้บริการแก่การประชุมที่สตอกโฮล์ม (1972) รัฐบาลแคนาดาได้เริ่มปฏิบัติการให้ทุนกับองค์กรพัฒนาเอกชน ก่อนหน้านี้ถือว่าองค์กรเอกชน องค์กรการกุศล และกลุ่มอื่น ๆ เปิดรับเงินและนโยบายของรัฐบาลกลาง กลายเป็น PGOs องค์กรเอกชนของรัฐ ในขณะที่เรียกตัวเองว่า NGOs องค์กรพัฒนาเอกชน… นี่คือตอนที่ Strong แสดงให้เห็นว่าวลี NGO สามารถนำมาประยุกต์ใช้เหมือนการเคลือบเงาประชาธิปไตยเพื่อสร้างศักดิ์ศรีให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เกณฑ์นี้สามารถใช้กับองค์กรเอกชนที่ได้รับทุนจากรัฐบาล (PGO) องค์กรของรัฐแปรรูป (GOPs); คนสามคนประชุมกันในห้องใต้ดิน หรือล็อบบี้ธุรกิจที่มีการจัดระเบียบอย่างดี ด้วยการเรียกพวกเขาว่า NGOs ทั้งหมด เขายกย่องให้พวกเขาเป็น vox populi (เสียงของประชาชน)

การประชุมสตอกโฮล์มยังอาจทำหน้าที่เป็นตัวกำบังสำหรับการกำหนดค่าสามเหลี่ยมใหม่ของแผนที่พลังงานโลก…. สาธารณรัฐประชาชนจีนตกลงที่จะเข้าร่วมการประชุมที่สตอกโฮล์มเป็นครั้งแรกในการประชุมของสหประชาชาตินับตั้งแต่การปฏิวัติในปี 2492 เมื่อสตรองไปจีนเพื่อพูดคุย ชาวจีนพาเขาไปดูหลุมฝังศพของแอนนา หลุยส์ สตรอง (พี่สาวหรือแม่ของเขา ตามเรื่องราวต่างๆ) …

ขณะที่การประชุมสตอกโฮล์มเปิดขึ้นในปี 2515 สตรองเตือนอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับการเกิดภาวะโลกร้อน การทำลายป่า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ มหาสมุทรที่เป็นมลพิษ และระเบิดเวลาของประชากร เขาแนะนำให้เก็บภาษีจากการเคลื่อนไหวของน้ำมันทุกบาร์เรลและใช้เงินเหล่านี้เพื่อสร้างระบบราชการขนาดใหญ่ของสหประชาชาติเพื่อเป่านกหวีดเกี่ยวกับมลพิษไม่ว่าจะพบที่ใด ขณะที่ฉันอ่านสุนทรพจน์เก่านี้ ฉันรู้ว่ามันเกือบจะพูดซ้ำในการประชุมสุดยอดริโอ (ในปี 1992) ปัญหาเดียวกันจะอยู่บนโต๊ะอีกยี่สิบปีต่อมาได้อย่างไร

… ผลพลอยได้จากการประชุม (สตอกโฮล์ม) คือการสร้างระบบราชการใหม่ของสหประชาชาติ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เช่นเดียวกับหลาย ๆ องค์กรที่ Strong สร้างขึ้น องค์กรนี้ก็มีประโยชน์หลายอย่างเช่นกัน ในปี พ.ศ. 2517 UNEP ผุดขึ้นมาจากดินที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาของไนโรบี ประเทศเคนยา พื้นเดิมของสตรอง การวาง UNEP ในแอฟริกาได้รับการอธิบายว่าเป็นการรบกวนประเทศกำลังพัฒนาซึ่งเคยสงสัยในความตั้งใจของตะวันตก แต่มันก็มีประโยชน์สำหรับประเทศมหาอำนาจที่จะมีองค์กรระหว่างประเทศอีกแห่งในไนโรบี หลังจากสงครามยมคิปปูร์ในปี 2516 ไนโรบีกลายเป็นเมืองหลวงสายลับที่สำคัญของแอฟริกา สตรองกลายเป็นกรรมการบริหารคนแรกของ UNEP

ฉันนั่งอย่างเพลิดเพลินในห้องนั่งเล่นของสตรอง ฉันมาที่เจนีวาเพื่อไขปริศนาว่าสตรองคือใคร และเขาเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของใคร ตอนนี้ แทนที่จะถือคำอธิบายที่เรียบร้อยอยู่ในมือ ฉันเกือบจะหลุดเข้าไปอยู่ในโลกที่ซับซ้อนและเป็นชั้นๆ ของเขาแล้ว เรื่องราวของ NGO เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวทางธุรกิจ เรื่องราวของธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวทางการเมือง เรื่องราวทางการเมืองก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวข่าวกรองเช่นกัน และทั้งหมดนี้เป็นหน้าจากหนังสือเกี่ยวกับสงครามเย็น มอริซ สตรอง เป็นคนของร็อกกี้เฟลเลอร์ เป็นชายที่มีแนวคิดเสรีนิยม เป็นนักธุรกิจ เป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับผู้ที่อยู่ด้านบนสุดของกลุ่มตะวันออกที่ล่มสลาย เป็นสะพานเชื่อมระหว่างศูนย์กลางอำนาจที่แตกต่างกันมากมาย

…. ในปี พ.ศ. 2520 ขณะที่สตรองยังคงเป็นประธานของทั้ง Petro-Canada และ IDRC เขายังสนับสนุนให้ Stronat ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของเขากับ Paul Nathanson ลงทุนในธุรกิจการเกษตรในสหรัฐอเมริกา ดร. Carroll Wilson ได้แนะนำให้เขารู้จักกับ Scott Spangler (บริหารธุรกิจมหาบัณฑิตจาก Harvard) ซึ่งเคยใช้เวลาในแอฟริกาทำงานให้กับรัฐบาลใหม่ของแทนซาเนียและยูกันดา (หมายเหตุ ETK: นึกถึงประธานาธิบดีอีดี อามินของยูกันดา ผู้ซึ่งเผด็จการกดขี่ได้สังหารชาวยูกันดากว่า 300,000 คน?) จากนั้น Spangler ก็บริหารบริษัท Pro-ChemCo ในเท็กซัส เขาต้องการเข้าครอบครองบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า AZL หรือ Arizona-Colorado Land and Cattle Company AZL ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทในเครือ เป็นเจ้าของบริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับฟีดล็อต ที่ดิน น้ำมันและก๊าซ วิศวกรรม มันยังเป็นเจ้าของบ้านซื้อขายสินค้าและธนาคาร ฟาร์มปศุสัตว์แห่งหนึ่งคือ Baca Grande ในโคโลราโด

Stronat ปลาหมึกยักษ์ข้ามชาติซื้อการควบคุมของ Pro-ChemCo ผ่านหน่วยงานต่างๆ ที่ควบคุมในเท็กซัส เบอร์มิวดา และเนเธอร์แลนด์-แอนทิลลิส เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Procor ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521 Procor ได้ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพ AZL มูลค่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ มันทำให้ AZL มีตัวเลือกสองปีในการซื้อ Procor ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน Strong, Hold และ Spangler ได้รับการต้อนรับที่ AZL พวกเขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมคณะกรรมการก่อนที่ข้อตกลงนี้จะปิดลงและไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นจริง ๆ สตรองขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร

เหตุใดจึงต้อนรับผู้ไม่มีหุ้นเป็นพิเศษ Strong อธิบายว่า AZL ปูพรมแดงให้เขาเพราะปัญหานี้ AZL กำลังมีปัญหากับ Adnan Khashoggi (นักค้ายาและอาวุธที่มีชื่อเสียงเรื่องอื้อฉาวอิหร่าน-คอนทรา - ETK note) Strong อ้างว่าบทบาทของเขาคือการกัน Khashoggi ออกจากคณะกรรมการของ AZL”

(เจ็ดหน้าถัดไปในหนังสือของ Dewar (หน้า 286-292) อธิบายถึงการติดต่อทางการเงินที่วกวนของ Strong มากพอที่จะสร้างข้อมูลประจำตัวของเขาในฐานะโจรปล้นระดับโลก -ETK note)….

“… Strong และผู้ร่วมงาน Sogener ของเขาซื้อคืน Credit Immobilier เป็นเงินสด 600,000 ดอลลาร์ บวกกับสมมติฐาน 29,475,000 ดอลลาร์ของหนี้จาก Tosco หรือ AZL เป็น Credit Immobilier ซึ่งถูกยกเลิกทันที ก่อนที่เขาจะออกจากคณะกรรมการของ Tosco Strong ได้เสนอซื้อสินทรัพย์ AZL ด้วย ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2528 หลังจากที่ Strong ออกจากคณะกรรมการบริหารของ Tosco บริษัทโคโลราโดแห่งแรกของเขาก็ได้ซื้อฟาร์มปศุสัตว์ Baca Grande และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ของ AZL รวมถึงสินทรัพย์น้ำมันและก๊าซจาก Tosco Sam Belzburg เป็นหนึ่งในนักลงทุนร่วมกับ Strong in First Colorado โคโลราโดคันแรกจ่ายเงินให้ Tosco 8.2 ล้านดอลลาร์สำหรับทรัพย์สินเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงฟาร์มปศุสัตว์ขนาด 139,000 เอเคอร์ซึ่งครอบคลุมยอดเขาหลักสองแห่งด้วย ใต้ฟาร์มมีชั้นน้ำแข็งขนาดใหญ่ซึ่งน้ำที่ First Colorado หวังว่าจะขายได้เป็นพันล้าน แข็งแกร่งมากพอที่จะให้เงินแก่พรรคเสรีนิยม (ของแคนาดา) $5,000 ในปีที่มีการเลือกตั้งเป็นการส่วนตัว….

เมื่อปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2529 สตรองได้รับเชิญไปรับประทานอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีสวีเดนคนใหม่ อิงวาร์ คาร์ลสัน คณะกรรมาธิการ Brudtland (U.N.) กำลังยุติลง แต่การระเบิด (บันทึกย่อของ ETK) ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของโซเวียตที่เชอร์โนปิลได้กระจายสารกัมมันตภาพรังสีไปทั่วยุโรป ในมื้อกลางวัน Strong ได้เสนอให้มีการประชุมสหประชาชาติเรื่องสิ่งแวดล้อมครั้งใหม่ที่จะจัดขึ้นในวันครบรอบ 20 ปีของการประชุมที่สตอกโฮล์ม…. ในท้ายที่สุด สตรองกล่าวว่า เป็นชาวบราซิล (ที่ได้รับการเสนอราคา) และแนะนำว่าเขา มอริส สตรอง ควรเป็นเลขาธิการของการประชุมครั้งนี้

เป็นอีกครั้งที่ Rockefeller และ Ford Foundations ใจกว้างช่วยเหลือ Strong ด้วยค่าใช้จ่ายของสำนักงานสหประชาชาติของเขา… บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่บางแห่ง รวมถึงบริษัทน้ำมันและเคมีในอังกฤษ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี และสหรัฐอเมริกา ก็ทุ่มเงินก้อนโตเช่นกัน เงินเข้าลูกแมวตัวนี้ ..

ไม่กี่วันต่อมา….. ฉันเริ่มเข้าใจว่าการประชุมสุดยอดที่ริโอเป็นส่วนหนึ่งของวาระการกำกับดูแลโลกที่คาดการณ์โดย Rockefeller ซึ่งย้อนกลับไปก่อนสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเชื่อมโยงกับข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาคที่เพิ่งมีการเจรจา - อเมริกาเหนือ ข้อตกลงการค้าเสรีและสนธิสัญญามาสทริชต์ เช่นเดียวกับการประชุมที่สตอกโฮล์ม ทุกอย่างเกี่ยวกับการบูรณาการตะวันออกและตะวันตก เขา (สตรอง) เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้สร้างสหประชาชาติใหม่ให้เป็นโลกขั้วเดียวที่กล้าหาญ

จากนั้นฉันก็เข้าใจว่า (Strong) หวังที่จะให้รัฐบาลระดับชาติดำเนินการตามขั้นตอนที่หนึ่งและสองและสามเพื่อลดอำนาจของตนเองที่ริโอ การประชุมสุดยอดที่ริโอ เช่นเดียวกับการประชุมสตอกโฮล์ม มีเป้าหมายเพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ให้เป็นหน่วยการบริหารที่ใหญ่ขึ้นมาก โดยมีการกระจายอำนาจที่แท้จริงจากรัฐบาลระดับชาติไปยังองค์กรระดับภูมิภาคที่กว้างใหญ่….

ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งที่ U.N. (Strong) กล่าวว่า เมื่อเขาเสร็จสิ้น ธุรกิจสายลับนี้เป็นปัจจัยสำคัญเสมอมา “ในสงครามเย็น” เขากล่าวราวกับว่ามันจบไปนานแล้ว “โซเวียตแสดงให้ฉันเห็นเอกสารเกี่ยวกับคนที่ (พวกเขาคิดว่า) เป็นซีไอเอ คนอเมริกันบอกว่า x คือ KGB…. ฉันคิดว่าทุกคนอยู่บน เป็นวิธีการดำเนินงานที่ถูกต้อง…. ฉันตัดสินใจว่าสหประชาชาติ (เป็น) ระบบเปิดที่รั่วไหลและปฏิบัติต่อมันอย่างนั้น” เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับการเปิดเผยต่อหน้าผู้แอบแฝง “ผมใช้ชีวิตที่ซับซ้อน ผมเปิดเผย” เขากล่าว ความซับซ้อนส่วนใหญ่ของเขา เขากล่าวเสริมในภายหลังว่า “เป็นที่รู้จักหรือสงสัย” … “สหประชาชาติเต็มไปด้วยคนข่าวกรอง” เขากล่าว “มันเป็นปกที่ดี ชอบไปในที่ที่มีร่าง (ถูก) ร่าง”

สำนักงานการวางแผนเจนีวาของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา การประชุมสุดยอดริโอ อยู่ในบ้านสมัยศตวรรษที่ 19 อันโอ่อ่าบนเชิงเขาในเขตที่เรียกว่าคอนเชส... โฆษณาว่าเป็นการประชุมสุดยอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ริโอได้รับการอธิบายต่อสาธารณชนว่าเป็นการเจรจาระดับโลก เพื่อให้ความต้องการในการปกป้องสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับความต้องการในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ผู้รู้เข้าใจว่ามีเป้าหมายอื่นที่ลึกซึ้งกว่านั้น สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนอำนาจการกำกับดูแลระดับชาติไปสู่หน่วยงานระดับภูมิภาคที่กว้างขวาง การเปิดระบบเศรษฐกิจของชาติแบบปิดที่เหลืออยู่ทั้งหมดสู่ผลประโยชน์ข้ามชาติ การเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างการตัดสินใจที่เหนือกว่าและต่ำกว่าความเข้าใจของประชาธิปไตยระดับชาติที่เพิ่งสร้างใหม่ และเหนือสิ่งอื่นใด การรวมอาณาจักรโซเวียตและจีนเข้าสู่ระบบตลาดโลก ไม่มีชื่อสำหรับวาระอันยิ่งใหญ่นี้ซึ่งข้าพเจ้าเคยได้ยินใครๆ ใช้ ดังนั้นภายหลังข้าพเจ้าจึงตั้งชื่อด้วยตนเองว่า วาระธรรมาภิบาลโลก

มีคนได้ยินอยู่เสมอเกี่ยวกับการสูญเสียโอโซนของโลก การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ความตายของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในป่าที่ห่างไกล สวนสาธารณะที่รกร้างว่างเปล่า… .. ผู้คนที่ฉันพูดคุยด้วยดูเหมือนจะกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของผู้ว่าราชการมากกว่าสิ่งที่ถูกทิ้งในท่อระบายน้ำของพวกเขาเอง ผู้เชื่อในวิกฤตสภาพอากาศทั้งรุ่นได้รับการดูแลอย่างดีในโรงเรียน ลูก ๆ ของฉันกลับมาบ้านโดยแน่ใจว่าสภาพอากาศเปลี่ยนจากดีเป็นร้าย ดวงอาทิตย์ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป พวกเขาไม่ได้บอกว่าพวกเขากำลังตั้งสมมุติฐานซ้ำๆ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง สมมติฐานเหล่านี้ได้มาจากแบบจำลองที่เกิดจากการสังเกตที่ไม่เพียงพอ แบบจำลองบางอย่างอาจไม่เพียงพอในตัวมันเอง หรือถูกพบว่าไม่เพียงพอ...

การผสมผสานที่ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ของจิตวิญญาณที่ไม่จีรังยั่งยืนซึ่งมักถูกหยิบยืมมาจากชนพื้นเมืองอย่างเร่งรีบ และวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมก็รบกวนจิตใจฉันเช่นกัน สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าจุดประสงค์ของการหลอมรวมนี้คือเพื่อปิดปากการอภิปราย

… ฉันเริ่มคิดว่าฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมความกลัวเกี่ยวกับปรากฏการณ์สิ่งแวดล้อมข้ามชาติจึงมีบทบาทอย่างมากในวาระนี้ คุณโน้มน้าวให้นักประชาธิปไตยยอมละทิ้งอำนาจอธิปไตยของชาติเพื่อปกครองตนเองได้อย่างไร? คุณจะทำให้พวกเขามอบอำนาจให้กับสถาบันเหนือชาติที่พวกเขาไม่สามารถกระทบกระเทือน ควบคุม หรือลบล้างได้อย่างไร คุณทำให้ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่พวกเขา คุณทำให้พวกเขาหวาดกลัวด้วยอันตรายร้ายแรงที่รัฐบาลของประเทศไม่สามารถปกป้องคุณได้

… มันกลายเป็นเกมชนิดหนึ่งสำหรับฉัน (ผู้เขียน Dewar) ในการสืบหาความเชื่อมโยงของ PGO (องค์กรภาครัฐเอกชน) ที่พยายามขาย Global Governance Agenda ให้กับ Maurice Strong ฉันไม่แปลกใจเลยที่รู้ว่าเขาและภรรยาของเขา Hanne Marstrand มีองค์กรดังกล่าวเป็นของตัวเอง มูลนิธิ Manitou Hanne Marstrand เป็นประธาน; เหรัญญิกที่แข็งแกร่ง เขาทำให้แน่ใจว่า Manitou Foundation ได้รับการรับรองให้เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนในการประชุมสุดยอดที่ริโอ จากนั้น Manitou ได้รับการขอร้องให้จัดการประชุมทางจิตวิญญาณสำหรับการประชุมสุดยอดที่ริโอ แบบฝึกหัดการให้ทุนต่างๆ ของมูลนิธิ Manitou ได้แก่ การให้ที่ดินแก่กลุ่มที่ชื่นชอบที่ฟาร์มปศุสัตว์ Baca ศาสนจักรต่างๆ เช่น คณะคาร์เมไลต์และพระทิเบตก็มีสถานที่พักผ่อนที่ฟาร์มเช่นกัน วัสดุชีวภาพบางอย่างจะถูกเก็บไว้ที่นั่นเพื่อป้องกันการพร่องของยีนพูลในอนาคต เดิมทีมูลนิธิ Manitou ได้รับเงินทุน 100,000 ดอลลาร์จาก Laurence Rockefeller และ 20,000 ดอลลาร์จาก Robert O. Anderson อดีตหัวหน้าของ Arco นอกจากนี้ยังได้รับเงิน 1.2 ล้านดอลลาร์จากการขายหุ้นของ Strong ใน American Water Development Inc. (บริษัททำท่อส่งน้ำจากชั้นน้ำแข็งของ Baca Grande ให้กับหุ้นส่วนของเขาใน First Colorado Corporation) ต่อมา Manitou ยังได้รับเงิน 21,500 ดอลลาร์จากองค์กรการกุศลที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนสำนักงาน Strong's Summit

…. ฉันแอบไปนั่งเก้าอี้สื่อมวลชนในอีกห้องหนึ่งทันเวลาเพื่อฟังผู้แทนชาวอังกฤษบ่นเกี่ยวกับเอกสารวาระที่ 21 ของสตรอง… ฉันรู้ว่าที่สำนักงานของสตรอง พนักงานของเขาคิดว่า 125 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสมที่จะโอนไปยังประเทศยากจนใน ก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นเม็ดเงินมหาศาล….

…. ขณะที่เธอ (ราเชล ไคต์ "ไข่มุกอีกเม็ดของมอริซ สตรอง") เห็นว่า "วาระที่ 21 ทั้งหมดควรเป็นจุดเริ่มต้นของวิธีกำหนดอำนาจอธิปไตยใหม่จากระดับชาติ"
"ทำไม?"

Kyte: “เพราะวิธีแก้ปัญหาไม่สามารถมาในระดับประเทศได้” เธอกล่าวอย่างทิ้งท้าย “มอริซหยิบสิ่งนี้ขึ้นมาเมื่อ 30 ปีที่แล้ว” เธอกล่าว “เรามีวิกฤตการจัดการทั่วโลก”
ดังนั้นนี่คือวิธีที่พวกเขาจะทำตลาด Global Governance Agenda ฉันพบว่าตัวเองคิดว่าเป็นทางออกสำหรับวิกฤตการจัดการระดับโลก….

(Chip) มุมมองของ Lindner (เจ้านายของ Rachel Kyte) คือ…. ระดับโลกที่สูงกว่านั้นต้องสามารถกำหนดขีดจำกัดการปล่อยมลพิษทั่วโลกได้ มีคนบอกว่าโลกสามารถทนได้สูงสุดเท่าไร

WHO? ฉันถามและขึ้นอยู่กับอะไร วิทยาศาสตร์เกี่ยวกับภาวะโลกร้อนคือ chockablock ที่มีข้อโต้แย้งและข้ามทฤษฎีและแบบจำลองที่แข่งขันกัน

สภาพภูมิอากาศเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบว่าเหตุใดจึงต้องดำเนินการบางอย่าง ลินด์เนอร์กล่าว สภาพภูมิอากาศเป็นปรากฏการณ์ร่วมกัน เขากล่าว ไม่มีใครสามารถยับยั้งการหลั่งไหลของโรงงานและควันไฟป่าที่เขตแดนของประเทศได้ “หากเราอนุญาตให้แต่ละประเทศกำหนดปริมาณการปล่อยก๊าซและไม่ให้เกินปริมาณวิกฤต ก็จะไม่สามารถจัดการได้ นั่นคือลักษณะใหม่ของปัญหา” การจัดการ….

Strong ได้เตรียมการอย่างพิถีพิถันเพื่อให้คนของเขาอยู่ทุกด้านของการเจรจาครั้งนี้ ทั้งภายในและภายนอกของงาน ผู้ช่วยที่เขาเลือกร่างเอกสารด้วยข้อมูลจากองค์กรที่เขาสร้างหรือจ้างพนักงานหรือจ่ายเงินให้ รัฐบาลที่ปฏิเสธที่จะจัดการกับวาระการประชุมสุดยอดของเขารู้สึกถึงความร้อนแรงทางการเมืองที่บ้าน….

เมื่อฉันพบว่า Strong ได้เริ่มต้น PGO ที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงการค้าเสรีในอเมริกาเหนือในขณะเดียวกันก็ทำงานเพื่อสร้างกรอบการทำงานสำหรับการประชุมสุดยอด ฉันถือเป็นการยืนยันว่าข้อตกลงการค้าระดับภูมิภาคและการเจรจาในการประชุมสุดยอดได้รวมเข้าด้วยกัน สกินเดียวกัน

ในที่สุดฉันก็เริ่มเข้าใจ การประชุมสุดยอด (Rio) เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ที่จัดขึ้นโดยธุรกิจ ล็อบบี้ องค์กรพัฒนาเอกชน และ GOPS เพื่อลดอำนาจของรัฐอธิปไตยของชาติ รัฐบาลแห่งชาติที่มีอำนาจจัดเก็บภาษีและมีอำนาจบังคับใช้ กำลังถูกยึดครองโดยกลุ่มธุรกิจและองค์กรเอกชนเหล่านี้ กลุ่มเหล่านี้ต้องการใช้รัฐบาลแห่งชาติเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ในขณะเดียวกันก็ดึงความสามารถในการทำหน้าที่เป็นอำนาจต่อต้านผลประโยชน์ของพวกเขา”

สาม. ขบวนการยุคใหม่ การบูชาไกอา ศาสนาโลกใหม่/การบูชาลูซิเฟอร์ และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โฮโมเซเปียนส์จำนวนมาก:

(จาก: “ทรราชย์ในนามของความอดทน” ของลี เพนน์: ระวัง! The New Age Movement Is More Than Self-Indulgent Silliness; A Comprehensive Exposé of The New Age Movement (จัดพิมพ์โดย New Oxford Review, กรกฎาคม-สิงหาคม 2000, หน้า 19) -31))

เว็บมาสเตอร์:ในบทความปี 2000 ของเขา (“จงระวัง! The New Age Movement”) Lee Penn แสดงให้เห็นว่าศาสนศาสตร์ที่เป็นรากฐานของ New Age Movement คือการบูชาตนเองและลูซิเฟอร์ (http://www.mdep.org/NewAgeIndex.html) “ศาสนศาสตร์” เดียวกันนี้รองรับขบวนการเชิงปรัชญาสมัยใหม่ โครงการบาวาเรียนอิลลูมินาติในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 แถลงการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ของมาร์กซ์และเองเกล และพิธีสารของผู้อาวุโสแห่งซีออน โฮสต์ของลัทธิโบราณและสมัยใหม่ สหประชาชาติ และแท้จริงแล้ว มากของ “ระบบโลก” ในปัจจุบัน เพนน์ตั้งข้อสังเกตว่าอลิซเบลีย์นักปรัชญาและผู้นำยุคใหม่ทำนายไว้“ศาสนาโลกย่อมบังเกิดขึ้น”ใกล้ปี 2000 เธอและผู้นำยุคใหม่คนอื่นๆ ยืนยันว่า "ความดีส่วนรวม" ต้องการให้กำจัดผู้ที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับ "Church Universal" Robert Muller ผู้มีอำนาจของสหประชาชาติยืนยันว่าสหประชาชาติในฐานะความเป็นจริงทางการเมืองจะประกอบด้วยศาสนาของโลก กล่าวอีกนัยหนึ่งในยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง การเมืองและศาสนาจะรวมกันเป็นระบอบเผด็จการแบบลึกลับ. (นึกถึงความคิดเห็นของ Douglas Reed ด้านบนว่า “ยูดายเป็นโครงการทางการเมืองที่ปลอมตัวเป็นศาสนา”) ผู้นำยุคใหม่ Neale Donald Walsch (ผู้เขียน "Conversations with God") ตั้งข้อสังเกตว่า "คนนอกโลก" ปฏิบัติและสนับสนุนลัทธิคอมมิวนิสต์ และอลิซและฟอสเตอร์เบลีย์รายงานว่า "ลำดับชั้น" ของ "ปรมาจารย์ที่เสด็จสู่สวรรค์" และ "ผู้นำทางวิญญาณ" ที่นำทางวิวัฒนาการของมนุษย์ได้อนุมัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามโลกครั้งที่สอง และความหายนะที่ตามมาของพลเรือนผู้บริสุทธิ์หลายสิบล้านคนใน จีนคอมมิวนิสต์และสหภาพโซเวียต (ดูภาคผนวก 8สำหรับการอธิบายแนวคิดและวิธีการลึกลับ) เพนน์กล่าวว่า:

“ตั้งแต่เริ่มสงครามโลกครั้งที่สองจนกระทั่งเธอเสียชีวิต (อลิซ) เบลีย์เขียนว่าสงครามเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยุคใหม่ที่จะมาถึง เธอเชื่อว่ายุคใหม่จะนำหน้าด้วย "วัฏจักรแห่งการทำลายล้าง ซึ่งระเบียบแบบแผนเก่าได้ผ่านพ้นไป" และ "อารยธรรมของมนุษย์พร้อมกับสถาบันที่ตามมา - ถูกทำลาย" เธอให้เครดิตกับ "ลำดับชั้น" ของปรมาจารย์ทางจิตวิญญาณที่ขึ้นสู่สวรรค์สำหรับ "การตัดสินใจของพวกเขา ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษนี้ ซึ่งทำให้... หน่วยงานทำลายล้างครั้งใหญ่ นั่นคือ สงครามโลก (1914-1945)" ในปี 1943 เบลีย์กล่าวว่า "หนึ่งในจุดประสงค์เบื้องหลังความหายนะในปัจจุบัน [สงครามโลกครั้งที่สอง] คือความจำเป็นในการทำลายรูปแบบที่ไม่เหมาะสม…. กฎแห่งการทำลายล้างได้รับอนุญาตให้ทำงานผ่านตัวมนุษย์เอง และมนุษย์กำลังทำลายรูปแบบที่มนุษย์จำนวนมากกำลังทำงานอยู่” (“การทำลายรูปแบบ” ไม่ได้หมายถึงการทำลายเอกสารของ IRS แต่เป็นคำรหัสของ Theosophist ที่หมายถึงความตาย) หลังสงคราม Bailey เขียนว่า “the Custodians of God's Plan” มองว่าสงครามโลกครั้งที่สองเป็น “การผ่าตัดครั้งใหญ่” ที่เคยมีมา “ประสบความสำเร็จอย่างมาก” ในการกำจัด “เชื้อโรคสเตรปโทคอคคัสที่มีความรุนแรง” ที่ “คุกคามชีวิตมนุษยชาติ” เธอเตือนว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความเศร้า: “แน่นอนว่าเชื้อโรคไม่ได้ถูกกำจัดออกไปและทำให้รู้สึกว่ามีอยู่ในบริเวณที่ติดเชื้อในร่างกายของมนุษยชาติ อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดอีกครั้ง”

Bailey มองว่าการเผาปรมาณูในฮิโรชิมาและนางาซากิเป็นการแสดงให้เห็น "สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และน่าปรารถนา" ของ "พลังแห่งการกอบกู้" เนื่องจาก "การทำลายล้างและการหายไปของสิ่งที่ไม่ดีและไม่พึงประสงค์จะต้องเกิดขึ้นก่อนการสร้างสิ่งที่ดีและพึงปรารถนา"

เพื่อนำภาพลวงตาอันชั่วร้ายนี้กลับมายัง Crestone/Baca เราจำได้ว่านั่นคือ Maurice Strong ซึ่งร่วมกับ Hanne ภรรยาของเขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ Manitou Foundation ซึ่งได้กำหนดชุมชน Crestone/Baca ของเราใหม่ว่าเป็น “ที่หลบภัยแห่งความจริงของโลกทั่วโลก” ” เพนน์กล่าวว่า:

“ปฏิญญาโลกเป็นผลิตผลของกอร์บาชอฟ (ทำหน้าที่ประธาน Green Cross International) และมอริซ สตรอง ที่ปรึกษาของธนาคารโลก ผู้นำในการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ และเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลโลกที่มั่งคั่ง…. กอร์บาชอฟมองกฎบัตรโลกที่เสนอว่าเป็น “บัญญัติ 10 ประการแบบหนึ่ง คือ ‘คำเทศนาบนภูเขา’ ที่เป็นแนวทางสำหรับพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในศตวรรษหน้าและต่อๆ ไป” สตรองกล่าวว่า “เป้าหมายที่แท้จริงของปฏิญญาโลกคือความจริงแล้วกฎบัตรจะกลายเป็นเหมือนบัญญัติ 10 ประการ เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน” ดูเหมือนกอร์บาชอฟและสตรองจะมองตนเองเป็นผู้กำหนดอนาคต ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากโมเสสและพระเยซู เมื่อนำมาใช้แล้ว กฎบัตรจะเป็นพื้นฐานสำหรับกฎหมายใหม่ระดับโลก ระดับชาติ และแม้แต่ระดับท้องถิ่น... ครูยุคใหม่และนักการเงินของพวกเขาวางแผนสำหรับยูโทเปียระดับโลก

กอร์ดอน เดวิดสัน นักเทววิทยาผู้ยกย่อง URI ว่าเป็นตัวอย่างของการเกิดขึ้นของ "อวตารแห่งการสังเคราะห์" กล่าวว่าในปี 2000 มนุษยชาติเผชิญกับ "การสืบเชื้อสายของพลังงานชัมบาลา" นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่สนุกสนาน Alice Bailey ที่ปรึกษาของ Davidson กล่าวว่าเผด็จการยุโรปในช่วงทศวรรษที่ 1930 เป็น "การแสดงออกทั้งหมดของกองกำลังชัมบาลา"

เว็บมาสเตอร์:ถึงแม้ว่า“นักทำนายยุคใหม่ (พูด) ว่า “ยุคสุดท้าย” มาถึงแล้ว Bailey, Hubbard, Spangler และ Walsch ได้ทำนายว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคใหม่จะเกิดขึ้นระหว่างปี 2000 ถึง 2010”วันนี้ในปี 2014 ฉันเชื่อว่ายังมีความหวังที่โลก (และ Crestone/Baca) จะรอดพ้นจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่วางแผนโดยคนบ้าคลั่งไคล้คลั่งไคล้คลั่งไคล้คลั่งไคล้ที่อ้างว่าพวกเขากำลังดำเนินการในนามของ Ascended Masters

แน่นอน การสังเกตของฉันบ่งชี้ว่า “หมาป่าในชุดแกะ” จำนวนมากสั่งสอน “หลักคำสอนของปีศาจ” ในถนนที่เงียบสงบและห่างไกลของ Crestone/Baca ทุกวันนี้ “นักปราชญ์” คนหนึ่งของ Aspen Institute ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านใน Baca เป็นนักเขียน ศาสตราจารย์ MIT และ New Ager, William Irwin Thompson ซึ่ง Penn (2000) กล่าวว่า:

“William Irwin Thompson ผู้ร่วมงานยุคใหม่ของ Morton and Spangler กล่าวว่า “เราอาจจะยุติมันเพื่อมนุษย์และไม่สามารถให้การทดลองดำเนินต่อไปได้ แต่ชีวมณฑลจะไม่หยุดวิวัฒนาการ หากคุณเป็นคนลึกลับ คุณไม่จำเป็นต้องระบุด้วยชิ้นเนื้อชั่วขณะที่เรียกว่าโฮมินอยด์”

ผู้เกลียดชังมนุษย์ยุคใหม่อีกคนหนึ่งที่มีผู้ติดตามจำนวนมากใน Crestone / Baca คือ Barbara Marx Hubbard เกี่ยวกับฮับบาร์ด เพนน์ตั้งข้อสังเกตว่า: “เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้วที่บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ดยุคใหม่ยุคใหม่ (ยิว) ได้ทำนายว่า “การสูญพันธุ์ส่วนบุคคล” สำหรับผู้ที่ไม่เข้าร่วมโปรแกรมยุคใหม่: “การแปลงควอนตัมคือช่วงเวลาแห่งการเลือก…. เผ่าพันธุ์ที่เรียกว่ามนุษย์ที่เอาแต่ใจตนเองจะสูญพันธุ์ สายพันธุ์ที่เรียกว่ามนุษยชาติที่มีศูนย์กลางทั้งหมดจะวิวัฒนาการ” (ETK: ฮับบาร์ดหมายถึงสปีชีส์ใหม่เป็นโฮโมโนวิส โฮโมโนเอติคัส หรือนิวแมน) ในเวลานี้ “มนุษย์ที่สามารถร่วมมือเพื่อเอาชนะตนเองได้จะทำเช่นนั้น”; “องค์ประกอบ” ที่คงไว้ซึ่ง “ภาพลวงตาของการแบ่งแยกจะสูญพันธุ์… เช่นเดียวกับที่มนุษย์โคร-มาญองและนีแอนเดอร์ทัลสูญพันธุ์” ในการอ้างถึงคนที่ไม่พึงประสงค์ว่าเป็น "องค์ประกอบ" เธอทำตามแบบอย่างของพวกนาซี คอมมิวนิสต์ และคนอื่นๆ ที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้เหตุผลในการทำลายพวกเขา ฮับบาร์ดเตือนว่าหากการเลือกมา จะเกิดความรุนแรง สำหรับเธอ ซาตานคือ “ส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดเลือก…ที่จะนำผู้ที่ถูกเลือกเองออกมาจากผู้ที่ถูกปฏิเสธตนเอง เพื่อให้…มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวมเท่านั้นที่รอดชีวิต”

เว็บมาสเตอร์:ข้อความข้างต้นเผยให้เห็นการไม่รู้หนังสือทางวิทยาศาสตร์ของ Hubbard รวมถึงวิสัยทัศน์ dystopian (ชาวยิว) ที่โหดร้ายอย่างน่าประหลาดใจของเธอที่มีต่อมนุษยชาติ อันที่จริง มนุษย์โคร-มาญองเป็นคนสมัยใหม่ มนุษย์ Cro-Magnon ไม่เคยสูญพันธุ์ (บทความสั้น Crestone/Baca: ประมาณทศวรรษที่แล้ว ผู้เขียนคนนี้เข้าร่วม Crestone/Bacans ที่กระตือรือร้นกว่า 100 คนเพื่อฟัง Barbara Marx Hubbard แนะนำเราในการทำสมาธิแบบกลุ่มและกระตือรือร้นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่ามนุษยชาติประกอบด้วยสองสายพันธุ์ที่แตกต่างกัน (คนฉลาดและผู้ชายคนใหม่). (ผู้ชายที่คุณรู้จักเป็นคำและแนวคิดจากไซเอนโทโลจี ดูส่วนที่ 8). เมื่อฉันยกมือขึ้นเพื่อเตือนเธอให้นึกถึงคำนิยามทางวิทยาศาสตร์ของสปีชีส์ (กล่าวคือ สมาชิกของสปีชีส์เดียวกันสามารถให้กำเนิดและให้กำเนิดลูกที่สมบูรณ์ได้) เธอไม่พอใจกับคำถาม/ข้อสังเกตของฉัน แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ทำให้เกิดคำถาม เราจะยอมให้ผู้มีอุดมการณ์ ผู้ไม่รู้หนังสือทางวิทยาศาสตร์ และคนบ้าอย่างอลิซ เบลีย์ บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด และวิลเลียม เออร์วิน ธอมป์สัน ตัดสินชะตากรรมของมนุษยชาติหรือไม่ ผมคิดว่าไม่.

Penn (2000) เน้นพื้นฐานนี้สำหรับการมองโลกในแง่ดี: ส่วนใหญ่ใน New Age Movement เป็นคนที่มีเจตนาดีซึ่งไม่รู้ถึงจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของขบวนการ ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ใน Crestone/Baca และที่อื่นๆ สามารถเข้าถึงได้ผ่านข้อเท็จจริง เหตุผล และความเป็นจริง ด้วยเหตุนี้ฉันจึงดำเนินการและแบ่งปันงานวิจัยนี้ และเพื่อจุดประสงค์นี้ ข้าพเจ้าขออ้างอิงบทความของ Penn (2000) อย่างครบถ้วน เป็นที่ยอมรับว่าเพนน์เขียนจากมุมมองของคริสเตียนคาทอลิก

“ทรราชในนามของความอดทน: ระวัง! การเคลื่อนไหวในยุคใหม่เป็นมากกว่าความโง่เขลาที่เอาแต่ใจตัวเอง การเปิดเผยที่ครอบคลุมของขบวนการยุคใหม่ (Lee Penn, 2000)

คำนำ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตือนอันตรายทางจิตวิญญาณและสังคมและการเมืองที่เกี่ยวข้องกับยุคใหม่และขบวนการโลกาภิวัตน์ เจตนาไม่ได้เป็นการเรียกไฟจาก "คนเลว" แต่ฉันพยายามส่งเสียงเตือนเพื่อปลุกผู้ที่อยู่ในการเคลื่อนไหวเหล่านี้ (และผู้ที่อาจอยู่ในฐานะที่จะต่อต้านการเคลื่อนไหวเหล่านี้) ให้ตื่นจากภยันตรายเหล่านี้ อย่าปล่อยให้ใครรีบสันนิษฐานว่ากลุ่มผู้สนับสนุนกลุ่มที่มียศและไฟล์ของขบวนการเหล่านี้รับรู้และตำหนิความเชื่อที่แปลกประหลาด (อธิบายไว้ด้านล่าง) ของผู้นำยุคใหม่และโลกาภิวัตน์ บ่อยครั้งที่ผู้แสวงหาจิตวิญญาณและผู้ที่ต้องการปฏิรูปการเมืองเข้าสู่การเคลื่อนไหวเหล่านี้ด้วยเจตนาดี และไม่เคยมีเหตุผลที่จะมองเข้าไปในตู้เสื้อผ้าของขบวนการเพื่อหาโครงกระดูก นอกจากนี้ งานเขียนของนักโลกาภิวัตน์และผู้นำยุคใหม่นั้นน่าเบื่ออย่างยิ่ง และผู้ติดตามของพวกเขาไม่กี่คนที่จะตรวจสอบข้อความเหล่านี้อย่างละเอียดเพียงพอที่จะเรียนรู้ถึงความมืดที่เป็นหัวใจของการเคลื่อนไหวเหล่านี้ คริสเตียนที่เป็นปฏิปักษ์กับยุคใหม่และขบวนการโลกาภิวัตน์จำเป็นต้องจดจำความจริงอันลึกซึ้งในคำกล่าวที่ว่า สาเหตุบางประการที่ขบวนการยุคใหม่และโลกนิยมสนับสนุน (เช่น การปกป้องสิ่งแวดล้อมจากมลพิษ และการยุติความรุนแรงระหว่างศาสนา) เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง บางสิ่งในยุคใหม่และขบวนการโลกาภิวัตน์ต่อต้าน (เช่น การเหยียดผิวและลัทธิจักรวรรดินิยม) ก็สมควรได้รับการต่อต้านจากคริสเตียนเช่นกัน ดังนั้น ปฏิกิริยากระตุก (เช่น หากยุคใหม่หมายถึง "X" คริสเตียนต้องต่อต้าน "X") จึงไม่ฉลาด คริสเตียนผู้ต่อต้านยุคใหม่และขบวนการโลกาภิวัตน์ควรพิจารณาว่าอะไรคือความอยุติธรรมและความหิวกระหายทางจิตวิญญาณที่ชักนำให้ผู้คนติดตามการเคลื่อนไหวเหล่านี้ - เพื่อว่าประชากรของพระเจ้าจะตอบสนองความต้องการที่แท้จริงและไม่ได้รับการตอบสนองของเพื่อนมนุษย์

พระคริสต์ทรงรักและเสด็จมาเพื่อช่วยทุกคนที่อยู่ในยุคใหม่และขบวนการโลกาภิวัตน์ (นั่นหมายถึงบรรดาผู้นำ: “พระบิดา ขอทรงยกโทษให้พวกเขา เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร!” [ลูกา 23:34]) อย่าลืมอธิษฐานเผื่อพวกเขาทั้งหมด และฝากพวกเขาทั้งหมดไว้กับพระเมตตาของพระเจ้า สำหรับพวกเราทุกคน รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วย ต้องพึ่งพาพระเมตตาองค์เดียวกันนี้อย่างเต็มที่

การแนะนำ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขบวนการยุคใหม่ได้ออกมาจากตู้เสื้อผ้าในศาสนจักรและในโลก ขบวนการนิวเอจประกอบด้วยผู้ที่ปฏิบัติตามความเชื่อและการปฏิบัติแบบบุหงาซึ่งอยู่นอกขอบเขตของศาสนาดั้งเดิมที่สำคัญ (คริสต์ ยูดาย อิสลาม ฮินดู ผี และพุทธ) อาการของมันคือโปรตีน แม่ชีคาทอลิกบางคนเดินบนเขาวงกตเพื่อติดต่อกับ “สตรีศักดิ์สิทธิ์” บริษัทประกันสุขภาพจำนวนมากขึ้นได้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพื่อให้ครอบคลุมการรักษาที่ผิดไปจากปกติ ตั้งแต่ยาสมุนไพรอายุรเวทไปจนถึง “สัมผัสบำบัด” ซึ่งมือของ “ผู้รักษา” จะควบคุม “สนามพลังงาน” แต่ไม่เคยสัมผัสร่างกายของผู้ป่วย ฮิลลารี คลินตันถูกย้ายไปติดต่อกับวิญญาณของเอลินอร์ รูสเวลต์ ภายใต้การแนะนำของฌอง ฮูสตัน ซึ่งเป็นอวตารในนิวยอร์กที่ดูแล “โรงเรียนปริศนา” และเป็นแรงบันดาลใจให้ความนิยมเดินบนเขาวงกตในปัจจุบัน ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่มีเงินมากกว่าสามัญสำนึกกำลังซื้อรูปแบบจิตวิญญาณที่ทันสมัยและรู้สึกดีนี้ พวกเขาช่วยให้การสนทนากับพระเจ้าของ Neale Donald Walsch อยู่ในรายชื่อหนังสือขายดีตั้งแต่ปี 1997 คนเหล่านี้คือคนที่พูดว่า “ฉันเป็นคนมีจิตวิญญาณ แต่ไม่เคร่งศาสนา”

คริสเตียนหลายคนมองว่าขบวนการยุคใหม่เป็นเพียงความโง่เขลาที่เอาแต่ใจตัวเอง โชคไม่ดีที่การเคลื่อนไหวมีมากกว่าโหราศาสตร์ คริสตัล เวิร์คช็อปแปลกๆ และไซโคบับเบิ้ล ผู้นำทางจิตวิญญาณยุคใหม่หลายคนมีโลกทัศน์ที่ต่อต้านชาวคริสต์อย่างเหนียวแน่น และมีความเกลียดชังเป็นพิเศษต่อคริสตจักรคาทอลิก ผู้นำยุคใหม่บางคนเชื่อว่าการล่มสลายเป็นการขึ้นไปสู่ความรู้ของมนุษย์จริงๆ โดยมีลูซิเฟอร์คอยช่วยเหลือ ซึ่งพวกเขายกย่องว่าเป็นผู้นำแห่งแสงสว่างและปัญญา ครูยุคใหม่เหล่านี้คาดหวังการเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เข้ามาและหายนะซึ่งจะนำมนุษยชาติไปสู่ยุคใหม่ โดยการกระทำของมนุษย์หรือโดยการกระทำของ "วิญญาณ" โลกจะถูกชำระล้างจากผู้ที่ปฏิเสธที่จะวิวัฒนาการ ในยุคใหม่จะมีรัฐบาลโลก เศรษฐกิจจะถูกสร้างใหม่เพื่อส่งเสริม “การแบ่งปัน” ศีลธรรมดั้งเดิมและครอบครัวดั้งเดิมจะหายไป ศาสนาออร์โธดอกซ์ - โดยเฉพาะอย่างยิ่งศาสนาคริสต์และศาสนายูดาย - ถือว่า "แบ่งแยก" และ "ล้าสมัย"; ในยุคใหม่พวกเขาก็จะหายไปเช่นกัน

ประวัติศาสตร์และผู้สนับสนุนขบวนการยุคใหม่

ในช่วง 125 ปีที่ผ่านมา ผู้นำยุคใหม่ทั่วโลกได้ติดตามแสงสว่างที่ผิดพลาดของเทวปรัชญา ตอนนี้พวกเขากระซิบข้างหูผู้มีอำนาจ – นักการเมือง, เจ้าพ่อสื่อ, เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ, ผู้ให้ทุนมูลนิธิและบาทหลวงชาวอังกฤษ ขณะที่ตะวันตกเคลื่อนเข้าสู่ยุคหลังคริสต์ศักราช อิทธิพลของขบวนการนิวเอจก็เพิ่มมากขึ้น

Helena Petrovna Blavatsky ผสมผสานศาสนาตะวันออกเข้ากับลัทธิไสยศาสตร์ตะวันตก ก่อตั้งขบวนการเทวปรัชญาขึ้นในปี พ.ศ. 2418 ในนิวยอร์กซิตี้ เทวปรัชญามีอิทธิพลต่อลัทธิไสยศาสตร์ นักจิตวิญญาณ "ความคิดใหม่" และขบวนการยุคใหม่ทั่วโลกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สำหรับ Blavatsky พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้า มนุษย์เป็น เธอกล่าวว่า “มนุษย์เป็นเทพที่สำแดงออกมาจริง ๆ ทั้งในแง่มุมของมัน - ความดีและความชั่ว” เนื่องจากมนุษย์เป็นพระเจ้า ดังนั้น “มนุษย์จะเป็นอิสระจากเทพเจ้าเทียมเท็จ และพบว่าตัวเองได้รับการไถ่บาปในที่สุด” หรือมากกว่านั้นคือ มนุษยชาติบางส่วน “รู้แจ้งพระเจ้า” และสามารถไถ่บาปตนเองได้ กล่าวคือ “ชาวอารยันและประชาชาติที่เจริญแล้วอื่นๆ” อื่น ๆ “ตัวอย่างมนุษย์ เช่น Bushmen, Veddhas แห่ง Ceylon, และบางเผ่าในแอฟริกา” เป็น “สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำของมนุษย์”, “เผ่าพันธุ์ที่ต่ำต้อย” ที่ “ขณะนี้…กำลังจะตายอย่างมีความสุข แท้จริงแล้วมนุษย์เป็น 'สายเลือดเดียวกัน' แต่ไม่มีแก่นแท้เดียวกัน”(1)

ในช่วงต้นทศวรรษ 1900 Alice A. Bailey ได้ส่งต่อคำสอนของ Theosophy ในสหรัฐอเมริกา เธอก่อตั้ง Lucifer [yes!] Publishing Company ในนิวยอร์กซิตี้ในปี 1922 และเปลี่ยนชื่อเป็น Lucis Publishing Company ในปี 1923 ระหว่างปี 1922 และ 1949 Bailey ตีพิมพ์ หนังสือ "การเปิดเผย" 24 เล่มที่เธออ้างว่าได้มาจาก Djwhal Khul "ปรมาจารย์ทางจิตวิญญาณ" ชาวทิเบตที่ขึ้นสู่สวรรค์ หนังสือทั้งหมดเหล่านี้ยังคงอยู่ในการพิมพ์และวางจำหน่ายอย่างกว้างขวาง

อิทธิพลของ Theosophy ยังคงเพิ่มขึ้นอีกครึ่งศตวรรษหลังจากการตายของเธอ Robert Muller อดีตผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติ ได้รับรางวัล UNESCO Prize for Peace Education ในปี 1989 จากหลักสูตรแกนโลกของเขา เขากล่าวว่า “ปรัชญาพื้นฐานที่โรงเรียนโรเบิร์ต มุลเลอร์ตั้งอยู่จะพบได้ในคำสอนที่กำหนดไว้ในหนังสือของอลิซ เอ. เบลีย์ โดยครูชาวทิเบต Djwhal Khul” เช่นเดียวกับมุลเลอร์ Neale Donald Walsch ยกย่อง Theosophy James Parks Morton คณบดีของโบสถ์เอพิสโกพัลแห่ง St. John the Divine ในนิวยอร์กซิตี้จนกระทั่งเกษียณอายุในปี 1997 ยกย่อง David Spangler นักเทววิทยาว่าเป็น

มุลเลอร์ วอลช์ และวิหารแห่งความเข้าใจของมอร์ตันต่างก็สนับสนุน United Religions Initiative (URI) อย่างแข็งขัน ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนอย่างดีในการทำให้ศาสนาตรงกันซึ่งนำโดยบาทหลวงวิลเลียม สวิงแห่งซานฟรานซิสโก (นักเทววิทยาคนอื่นๆ เข้าแถวเพื่อสนับสนุน URI มูลนิธิ Rudolf Steiner เพิ่งให้ทุนแก่ URI และจดหมายข่าวของ Lucis Trust ชื่อ World Goodwill ได้ยกย่อง URI สองครั้งในปี 1999) ลอเรนซ์ เอส. ร็อกกี้เฟลเลอร์และกองทุนของเขาเพื่อ การเพิ่มประสิทธิภาพของจิตวิญญาณมนุษย์ได้ให้ทุนแก่ New Agers Matthew Fox, Barbara Marx Hubbard และ Bishop Swing's Grace Cathedral มอร์ตันมีเพื่อนในที่สูง เขาอยู่ในสภาที่ปรึกษา Global Green สหรัฐอเมริกา (องค์กรในเครือของ Green Cross International ซึ่งเป็นองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ Mikhail Gorbachev) และเป็นประธานร่วมของการประชุมสหประชาชาติเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในปี 2535 และ 2540

อีกองค์กรหนึ่งของกอร์บาชอฟคือ State of the World Forum ซึ่งมีฐานอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ดึงเงินทุนจากกลุ่มบริษัทและมูลนิธิต่างๆ ตั้งแต่ Archer Daniels Midland, CNN, Hewlett-Packard และ Occidental Petroleum ไปจนถึง Carnegie Corporation, Kellogg Foundation และกองทุน Rockefeller Brothers Fund การประชุม State of the World Forum ดึงดูดวีไอพีเกือบ 1,000 คนมายังซานฟรานซิสโกในแต่ละปี และกระตุ้นให้พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะเป็นผู้กำหนด "อารยธรรมใหม่" ที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ใช่ว่าผู้เข้าร่วมทุกคนจะหัวรั้นและเคยผ่านเรื่องการเมืองมาก่อน ฟอรัมปี 1998 ได้แก่ Georges Berthoin ประธานคณะกรรมาธิการไตรภาคี เจมส์ มิเชล ประธานองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา และนายหน้าพลังงานรายอื่นๆ อาร์ชบิชอปชาวอังกฤษ เดสมอนด์ ตูตูเป็นหนึ่งใน 22 ประธานร่วมของฟอรัม ร่วมกับกอร์บาชอฟ เท็ด เทิร์นเนอร์ นายกเทศมนตรีเฟเดริโก (ผู้อำนวยการใหญ่ของยูเนสโก) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติคนอื่นๆ ผู้นำคริสเตียนออร์โธดอกซ์และยิวออร์โธดอกซ์ไม่เคยพูดในการประชุมใด ๆ ของฟอรัม ผู้มีเกียรติที่รวมตัวกันได้ฟังการเทศนาแบบยุคใหม่จากบุคคลเช่น Andrew Weil, Michael Lerner, Barbara Marx Hubbard, Michael Murphy และ Steven Donovan (ผู้นำของสถาบัน Esalen), Fritjof Capra, Jean Houston, Sam Keen, Ram Dass , แมทธิว ฟ็อกซ์, ดีพัค โชปรา และโทนี่ ร็อบบินส์ กล่าวโดยย่อ ผู้สนับสนุนแนวคิดยุคใหม่และปรัชญาเชิงปรัชญาไม่ใช่กลุ่มที่ถูกขับไล่ออกจากสังคม ในทางตรงกันข้าม สาวกของ "วิญญาณแห่งยุค" เหล่านี้ได้รับความสนใจและเงินจากคนรวยและผู้มีอำนาจ

คำสอนของขบวนการยุคใหม่

แล้วผู้เผยพระวจนะยุคใหม่สอนอะไร? ปล่อยให้ Helena Petrovna Blavatsky, Alice Bailey, Robert Muller, Barbara Marx Hubbard, Neale Donald Walsch, David Spangler และ Matthew Fox พูดด้วยตัวเอง – และสำหรับทีมงานที่ผสมผเสของ “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” “ปรมาจารย์ที่เสด็จสู่สวรรค์” และ “พระคริสต์แห่งจักรวาล” พวกเขารับใช้ใคร อวตารของยุคใหม่กล่าวว่ามนุษย์คือพระเจ้า และไม่มีความตาย ฮับบาร์ดกล่าวถึงลัทธิอสรพิษอย่างรวบรัดว่า “เราเป็นอมตะ เราไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยขีดจำกัดของร่างกาย” และ “เราสามารถสร้างรูปแบบชีวิตใหม่และโลกใหม่ได้ เราเป็นพระเจ้า!” วอลช์ผู้อ้างว่าในหนังสือขายดีของเขาสนทนากับ “พระเจ้า” โดยตรงก็พูดเช่นเดียวกันว่า “จงวางใจในพระเจ้า หรือถ้าคุณต้องการ ก็จงวางใจในตัวเอง เพราะพระองค์คือพระเจ้า” “พระเจ้า” ที่วอลช์สนทนาด้วยปฏิเสธความตาย โดยกล่าวว่า “ไม่มี 'ความตาย' ชีวิตดำเนินต่อไปตลอดกาล ชีวิตคือ. คุณเพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบ” เบลีย์กล่าวว่า “เราทุกคนคือพระเจ้า….” อวตารเหล่านี้พูดซ้ำคำโกหกที่ปีศาจบอกในสวนเอเดน: "คุณจะไม่ตาย เพราะพระเจ้าทรงทราบดีว่าเมื่อเจ้ากินมันแล้วตาของเจ้าจะสว่างขึ้น และเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า…” (ปฐมกาล 3:4-5) ในฐานะสาวกของ Walsch กล่าวกับ Washington Post เมื่อเร็วๆ นี้ว่า “เราค้นพบพระเจ้าภายใน…. นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องการพระเจ้า เพราะเราคือพระเจ้า”

เนื่องจากเราเป็นพระเจ้า จึงไม่มีความจำเป็นที่พระคริสต์จะต้องช่วยเราให้รอด ดังที่ฮับบาร์ดกล่าวว่า “ผู้กอบกู้ตนเองจำนวนมากคือสิ่งที่เราเป็น สำหรับคนที่มองเห็น” ครูยุคใหม่เปลี่ยนหลักคำสอนของคริสเตียนเกี่ยวกับความบาป ปีศาจ และการตก ฮับบาร์ดกล่าวว่า “งูเป็นสัญลักษณ์ของพลังงาน [sic] ที่ไม่อาจต้านทานซึ่งนำเราไปสู่ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อันดับแรก งูได้ล่อลวงเอวาให้กินต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่ว…. แล้วความตระหนักรู้ในตนเองก็เกิดขึ้น” เธอกล่าวเสริมว่า “ความชั่วร้าย – ปีศาจ – เป็นกระบวนการคัดเลือกของวิวัฒนาการที่จะกำจัดผู้อ่อนแอออกจากผู้ที่แข็งแกร่งกว่า” วิญญาณที่เรียกฮับบาร์ดว่าเป็น "พระเยซู" บอกเธอให้ "รักซาตาน น้องชายที่ตกสู่บาปของฉัน" (2) "พระเจ้า" ของวอลช์กล่าวว่าอาดัมและเอวา "กล่าวกันว่าได้ทำบาปดั้งเดิม ฉันบอกคุณว่านี่คือพรดั้งเดิม เพราะหากไม่มีเหตุการณ์นี้ การมีส่วนในความรู้เรื่องความดีและความชั่ว คุณจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง!” Blavatsky พูดอย่างชัดเจนที่สุด: “การตกเป็นผลของความรู้ของมนุษย์ เพราะ 'ดวงตาของเขาถูกเปิด' อันที่จริง เขาได้รับการสอนเรื่องปัญญาและความรู้ที่ซ่อนอยู่โดย 'Fallen Angel'"

คำสอนยุคใหม่เหล่านี้นำไปสู่การสรรเสริญความมืดอย่างไม่ลดละ คำกล่าวของ Walsch ที่ว่าพระเจ้าคือ "ความมืดที่สร้างแสงสว่างและทำให้เป็นไปได้" สะท้อนถึงคำพังเพยของ Blavatsky ที่ว่า "ตามหลักการของลัทธิไสยเวทตะวันออก ความมืดคือความจริงที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว เป็นพื้นฐานและเป็นรากเหง้าของแสง…. แสงสว่างเป็นสสาร ส่วนความมืด เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์” (3) อลิซ เบลีย์กล่าวเช่นเดียวกันว่าผู้ที่เรียนรู้ที่จะนั่งสมาธิจะเห็นว่า “ความมืดคือจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์” เธอกล่าวว่าผู้ที่ติดตามเส้นทางยุคใหม่ของ Bailey จะพบว่า “การติดต่อแต่ละครั้งกับ Initiator จะทำให้ผู้เริ่มต้นเข้าใกล้ศูนย์กลางแห่งความมืดบริสุทธิ์มากขึ้น…จุดศูนย์กลางหรือจุดที่สว่างไสวอย่างเข้มข้นจนทุกสิ่งจางหายไป และ… ณ จุดที่มืดมนที่สุดนั้น…[ เห็น] จุดไฟเย็นใส” (4) บางที Dante พูดถูกเมื่อเขาอธิบายว่าใจกลางของนรกเป็นน้ำแข็ง

นักเทววิทยาระบุชัดเจนว่าในการแข่งขันระหว่างพระเจ้ากับมาร พวกเขาเข้าข้างมาร Blavatsky กล่าวว่า “เป็นเรื่องธรรมดา…ที่จะมองว่าซาตาน งูแห่งปฐมกาล เป็นผู้สร้างและผู้มีพระคุณที่แท้จริง เป็นบิดาแห่งจิตวิญญาณของมนุษยชาติ เพราะเขาคือ ‘ผู้นำแห่งแสง’ ลูซิเฟอร์ผู้เปล่งประกายเจิดจ้า ผู้ซึ่งเปิดตาของหุ่นยนต์ที่พระยะโฮวาสร้างขึ้น” (5) ตามคำกล่าวของอลิซ เบลีย์ ทูตสวรรค์ที่ตกสู่สวรรค์ “ลงมาจากสภาพการดำรงอยู่ที่ปราศจากบาปและเป็นอิสระของพวกเขา เพื่อที่จะพัฒนาการรับรู้อันศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มที่บนโลก” Spangler เช่นเดียวกับ Blavatsky ยกย่องลูซิเฟอร์ว่าเป็น "ทูตสวรรค์แห่งวิวัฒนาการของมนุษย์ เขาเป็นทูตสวรรค์แห่งความสว่างภายในของมนุษย์” (6) จี. เค. เชสเตอร์ตันเตือนผู้ที่เดินตามความตั้งใจนี้: “ในบรรดารูปแบบการรู้แจ้งที่เป็นไปได้ทั้งหมด สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือสิ่งที่คนเหล่านี้เรียกว่าแสงภายใน ในบรรดาศาสนาที่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการบูชาเทพเจ้าภายใน…. การที่โจนส์จะบูชาเทพเจ้าในตัวเขานั้น ท้ายที่สุดก็หมายความว่าโจนส์จะบูชาโจนส์”

อลิซเบลีย์ปฏิเสธการชดใช้ของนรกและพระคริสต์สำหรับบาปของมนุษย์ แทน "แนวคิดเรื่องนรก" จะถูกแทนที่ด้วย "ความเข้าใจในกฎหมายซึ่งทำให้แต่ละคนทำงานเพื่อความรอดของตนบนระนาบทางกายภาพ ซึ่งนำเขาไปสู่การแก้ไขความผิดที่เขาอาจก่อขึ้นในชีวิตของเขาบนโลก และ ซึ่งทำให้เขาสามารถ 'ล้างกระดานชนวนของตัวเอง' ได้ในที่สุด” Bailey เสนอข้อเสนอเน่าๆ อะไรอย่างนี้! แทนที่จะได้รับความรอดและการให้อภัยผ่านการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ เราถูกทิ้งให้อยู่กับกฎแห่งกรรมที่ไม่อาจให้อภัยได้และข้อกำหนดในการแก้ไขความผิดทั้งหมดในชีวิตที่ผ่านมาของเราด้วยตัวเราเอง Spangler กล่าวว่า "พระคริสต์ทรงเป็นความสมดุลที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูซิเฟอร์" ตามที่คาดไว้จากชายผู้ซึ่งสร้าง "ตัวตนที่ไร้ตัวตน" มาเป็นเวลา 20 ปี (7) เช่นเดียวกับ Matthew Fox Spangler เสนอให้แทนที่พระเยซูด้วย "พระคริสต์จักรวาล"; “พระคริสต์ยุคเก่าจะไม่ทำ ถ้าเราจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าเรามีสิ่งที่ดีกว่าประเพณีของคริสเตียนกระแสหลัก จะต้องเป็นพระคริสต์จักรวาล พระคริสต์สากล พระคริสต์ยุคใหม่…. พระคริสต์ทรงเป็นสากล มันคือจักรวาล เป็นมาตลอด” สังเกตคำสรรพนาม: Spangler เรียกพระคริสต์ว่า "มัน"

นักเขียนยุคใหม่ปฏิบัติตามประเพณีของพวกนอสติก โดยปฏิเสธว่าการเกิด ชีวิต และร่างกายนั้นดี Walsch กล่าวว่า “การเกิดคือการตาย และการตายคือการเกิด เพราะเมื่อแรกเกิด วิญญาณพบว่าตัวเองถูกจำกัดอยู่ภายในขอบเขตอันน่ากลัวของร่างกาย และเมื่อตายก็จะหลุดพ้นจากข้อจำกัดเหล่านั้นอีกครั้ง” นี่คือเกือบคำต่อคำ สิ่งที่อลิซ เบลีย์เขียนว่า “การเกิดกำหนดจิตวิญญาณในคุกที่แท้จริง และความตายทางร่างกายเป็นเพียงก้าวแรกสู่การปลดปล่อย”

การปฏิเสธความดีของร่างกายนำไปสู่การมอบการ์ด "หลุดพ้นจากนรก" แก่ฮิตเลอร์ ดังที่วอลช์กล่าวว่า “ฮิตเลอร์ไปสวรรค์แล้ว” และ “ไม่มีนรก ดังนั้นจึงไม่มีที่อื่นให้เขาไป” ตามคำกล่าวของ “พระเจ้า” ของวอลช์ ฮิตเลอร์กำลังช่วยเหลือเหยื่อของเขาด้วยการฆ่าพวกเขา การกระทำของเขาคือ “ความผิดพลาด” ไม่ใช่อาชญากรรม: “ความผิดพลาดที่ฮิตเลอร์ทำนั้นไม่ได้ก่ออันตรายหรือสร้างความเสียหายต่อผู้ที่เขาเสียชีวิต วิญญาณเหล่านั้นถูกปลดปล่อยจากพันธนาการทางโลก ราวกับผีเสื้อที่โผล่ออกมาจากรังไหม…. เมื่อคุณเห็นความสมบูรณ์แบบที่สุดในทุกสิ่ง - ไม่ใช่แค่ในสิ่งที่คุณเห็นด้วย แต่ (และบางทีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง) สิ่งที่คุณไม่เห็นด้วย - คุณจะบรรลุความเชี่ยวชาญ” ราคาของ "ความชำนาญ" คือการได้เห็น "ความสมบูรณ์แบบที่สุด" ใน Auschwitz และ Treblinka “จอห์น” วิญญาณที่แยกออกจากร่างซึ่ง Spangler ถ่ายทอดมานานกว่า 20 ปี กล่าวเช่นเดียวกันว่า “โดยธรรมชาติแล้วเราไม่ได้จำแนกชีวิตด้วยร่างกาย ด้วยเหตุนี้ สำหรับเราแล้ว การสูญเสียรูปร่างของคุณจึงไม่ใช่โศกนาฏกรรม…. การตายของผู้คนนับล้านไม่ใช่โศกนาฏกรรมสำหรับเรา เพราะมันหมายถึงการเกิดของพวกเขาในโดเมนของเรา”

“พระเจ้า” ของวอลช์กล่าวว่าฮิตเลอร์ไม่สมควรถูกตำหนิสำหรับการกระทำของเขา มนุษยชาติที่เหลือมีหน้าที่รับผิดชอบในการปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น: “จุดประสงค์ของประสบการณ์ฮิตเลอร์คือการแสดงความเป็นมนุษย์ให้ตัวเองเห็น” “พระเจ้า” ของ Walsch ซ้ำกับคำพูดของ Bailey ในปี 1939 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้น: “อย่าโทษบุคลิกที่เกี่ยวข้อง…. พวกเขาเป็นเพียงผลผลิตของอดีตและเป็นเหยื่อของปัจจุบัน ในเวลาเดียวกัน พวกเขาเป็นตัวแทนของโชคชะตา ผู้สร้างระเบียบใหม่และผู้ริเริ่มอารยธรรมใหม่ พวกเขาเป็นผู้ทำลายสิ่งที่ต้องทำลายก่อนที่มนุษยชาติจะดำเนินต่อไปตามทางแห่งแสงสว่าง พวกเขาเป็นศูนย์รวมของบุคลิกภาพของมนุษยชาติ ดังนั้นจงโทษตัวเองสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้” การโต้เถียงที่คล้ายคลึงกันเป็นเรื่องปกติสำหรับรุ่นต่อรุ่นในห้องพิจารณาคดีของอเมริกา: อาชญากรไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำชั่วของเขา แทนที่จะเป็น "สังคม" - คนอื่น ๆ - มีความผิด

นักปรัชญายุคใหม่นิยามความชั่วร้ายว่าเป็นเรื่อง ความเห็นแก่ตัว และการปฏิเสธที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง เบลีย์กล่าวว่า “การครอบงำของวิญญาณ (และการสะท้อนของมัน วิญญาณ) โดยสสารคือสิ่งที่ประกอบเป็นความชั่วร้าย”; ในระดับมนุษย์ “ธรรมชาติที่แท้จริงของความชั่วร้ายในจักรวาลพบการแสดงออกที่สำคัญของมัน” ใน “ความเห็นแก่ตัวทางวัตถุและความรู้สึกของการแบ่งแยกอย่างโดดเดี่ยว” Spangler มีคำจำกัดความที่คล้ายกันเกี่ยวกับความชั่วร้าย "ไม่สามารถอยู่ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงได้" หรือ "ความซับซ้อน" คือ "ยึดติดกับความรู้สึกเฉพาะของมัน" "เป็นมิติของการแบ่งแยก" และ "เกลียดชังความหลากหลายและแสวงหาความสอดคล้องและความเหมือน" นี่เป็นวิธีเดียวกับที่พวกเสรีนิยมบางคนในการเมืองและคริสตจักรกล่าวถึงคนที่ไม่ใช่ "พีซี" สำหรับครูยุคใหม่ การเติบโตฝ่ายวิญญาณไม่ใช่ผลของการรับไม้กางเขนและติดตามพระคริสต์ ดังที่ฮับบาร์ดกล่าวว่า “แม้แต่ตอนนี้ จิตวิญญาณสูงสุดของคุณกำลังบอกคุณว่าพวกคุณแต่ละคนสามารถเข้าถึงครูภายในได้…. พวกเขาบอกคุณว่าผ่านกระบวนการที่เรียกว่า 'การเริ่มต้น' คุณสามารถเปลี่ยนตัวเองเป็น 'ผู้เริ่มต้น' ได้" บางที "การเริ่มต้น" อาจเป็นอันตรายมากกว่าที่ฮับบาร์ดยอมทำ เพราะเบลีย์กล่าวว่า "การติดต่อกับผู้ริเริ่มแต่ละครั้งจะทำให้ผู้เริ่มต้นใกล้ชิดกันมากขึ้น ไปสู่ใจกลางแห่งความมืดอันบริสุทธิ์” “พระเจ้า” ของวอลช์ไม่นิยมการเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้าของคริสเตียน: “การเชื่อฟังไม่ใช่การเติบโต และการเติบโตคือสิ่งที่ฉันต้องการ” “พระเจ้า” ของวอลช์บอกเขาว่า “ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าบัญญัติสิบประการ…. กฎของพระเจ้าไม่ใช่กฎ” แต่เสนอทางเลือกนี้แทน: “หากคุณต้องการพัฒนา จะไม่ใช่เพราะคุณสามารถปฏิเสธสิ่งที่คุณรู้ว่า 'รู้สึกดี' ได้สำเร็จ แต่เป็นเพราะคุณได้มอบความสุขเหล่านี้ให้ตัวเอง….” เป็นผลให้ "พระเจ้า" ของ Walsch ยอมรับกิจกรรมทางเพศของเด็กและวัยรุ่น ฮับบาร์ดกล่าวว่า “การล่มสลายของโครงสร้างครอบครัวแบบให้กำเนิดในศตวรรษที่ 20 คือ … จำเป็น … ” เพื่อเห็นแก่ตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์ Walsch ประณามความจงรักภักดีและคำสาบานการแต่งงาน: “การทรยศต่อตัวคุณเองเพื่อไม่ให้ทรยศผู้อื่นถือเป็นการทรยศ เป็นการทรยศที่สูงสุด” แท้จริงแล้วสมาชิกในครอบครัวที่จะไม่ย้ายเข้าสู่ยุคใหม่ควรถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ฮับบาร์ดกล่าวว่า “หากสมาชิกในครอบครัวของเราเลือกที่จะอยู่ในที่ที่พวกเขาอยู่ เราไม่มีข้อผูกมัดทางศีลธรรมที่จะต้องระงับศักยภาพของตัวเองเพื่อพวกเขา ในความเป็นจริงแล้ว การปิดกั้นศักยภาพคือ…'ผิดศีลธรรม'….” และเมื่อร่างกาย จิตใจ และวิญญาณของเราแห้งเหือดไปเพราะการมีเพศสัมพันธ์อย่างเสรีและการค้ามนุษย์กับโลกแห่งวิญญาณ เราก็ควรจะเลือกที่จะตาย ดังที่ฮับบาร์ดกล่าวว่า “เมื่อเรารู้สึกว่าความคิดสร้างสรรค์ของเราดำเนินไปตามทางแล้ว เราก็เลือกที่จะตายอย่างสง่างาม ในความเป็นจริงมันดูผิดจรรยาบรรณและโง่เขลาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป”

ฮับบาร์ดเขียนคำอธิษฐานของพระเจ้าใหม่ ทำให้เป็นเพลงสวดถึงตัวตนอันศักดิ์สิทธิ์: “พระบิดา/พระมารดาของเรา… ศิลปะแห่งสวรรค์อันใด… เป็นที่เคารพสักการะของพระนามของเรา… อาณาจักรของเรากำลังมา… อาณาจักรของเราเป็นของเรา อำนาจของเรา ความรุ่งโรจน์ของเรา ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน”

(ความคิดเห็นของเว็บมาสเตอร์:ปีศาจที่เขา/เธอเองไม่สามารถพูดได้ดีกว่านี้!)

ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่

[อ] เคร่งศาสนา

เพื่อให้มนุษยชาติเข้าสู่ยุคใหม่ เราต้องละทิ้งศาสนาดั้งเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อที่มีพระเจ้าองค์เดียว ศาสนายูดายเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเบลีย์ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ Bailey เขียนว่าความทุกข์ทรมานของชาวยิวเป็น หลายสิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวยิวมีต้นกำเนิดมาจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของพวกเขา และในทัศนคติที่เด่นชัดของพวกเขาเกี่ยวกับการแบ่งแยกและการไม่ปรับตัวเข้าหากัน และการเน้นย้ำถึงสิ่งที่ดีทางวัตถุ….” ข้อกล่าวหาของ Bailey นั้นร้ายแรง เนื่องจากเธอกล่าวว่า "ธรรมชาติที่แท้จริงของความชั่วร้ายในจักรวาล" คือ "ความชั่วร้ายสูงสุดของความเห็นแก่ตัวทางวัตถุและความรู้สึกของการแบ่งแยกอย่างโดดเดี่ยว"

นักเขียนยุคใหม่ดูหมิ่นคริสเตียนออร์โธดอกซ์ ซึ่งพวกเขาประณามว่าเป็น Robert Muller กล่าวในการประชุมสุดยอด URI ปี 1996 ว่า United Religions ต้องเชื่อง "ลัทธิพื้นฐาน" และยอมรับความสัตย์ซื่อ "เฉพาะต่อจิตวิญญาณทั่วโลกและต่อสุขภาพของดาวเคราะห์ดวงนี้" เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาได้เพิ่มการต่อต้านคาทอลิก: "หลักการและคำที่เลวร้ายที่สุดสองคำที่ยังคงใช้อยู่บนดาวเคราะห์โลกคือลัทธิจารีตนิยมและความไม่ผิดพลาด" มุลเลอร์ยังกล่าวอีกว่า “การปฏิวัติฝรั่งเศสได้ยกเลิกศาสนาในฐานะผู้สร้างปัญหา แม้แต่ทุกวันนี้ หลายคนมองว่าศาสนาเป็นตัวสร้างปัญหา” มุลเลอร์ดูเหมือนจะมีทางเลือกสองทางสำหรับเรา: บูชา Gaia หรือเผชิญกับการตอบสนองของ Jacobins ต่อ "ผู้ก่อกวน" ทางศาสนา (น่าเสียดายที่การก่ออาชญากรรมของคริสเตียน ลำดับชั้น และฆราวาสจำนวนมาก ก่อให้เกิดพื้นฐานสำหรับความเป็นปรปักษ์ในการปฏิวัติ - ในปี 1789, 1917, 1936 และในโอกาสอันน่าสลดใจอื่น ๆ อีกมากมาย) Matthew Fox สรุป The Coming of the Cosmic Christ ด้วยวิสัยทัศน์ว่า " วาติกันที่ 3” ซึ่งได้รับการเรียกโดยสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 24 เพื่อกำหนดหลักคำสอนของ Cosmic Christ ว่าเป็นความเชื่อโดยเนื้อแท้ สมเด็จพระสันตะปาปาในอนาคตได้แทนที่คณะหลักคำสอนแห่งความเชื่อด้วยคณะคุณย่า “ยังมีการดำเนินการอีกประการหนึ่งของสมเด็จพระสันตะปาปาองค์นี้คือการรวบรวมบรรดาบาทหลวง Opus Dei ของโลกไว้บนเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งกล่าวกันว่าพวกเขากำลังอยู่ระหว่างการพักทางจิตวิญญาณเป็นเวลาสองปี ซึ่งรวมถึงการวิจารณ์ประวัติศาสตร์ของลัทธิฟาสซิสต์และศาสนาคริสต์ด้วย มือข้างหนึ่งและปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งการสร้างสรรค์ในอีกด้านหนึ่ง กล่าวกันว่าบาทหลวงเหล่านี้ทำการสวดภาวนาร่างกายวันละสามครั้งและทำสมาธิเป็นเวลาสี่ชั่วโมงต่อวัน ชาวพื้นเมืองของเกาะเป็นผู้สอนศิลปะเป็นชั้นเรียนทำสมาธิ ผู้หญิงเข้ารับตำแหน่งอธิการในสังฆมณฑลของตน” กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกขวาสุดโต่งจะต้องถูกล้างสมอง มีแบบอย่างทางวรรณกรรมสำหรับการส่งสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ไปยังเกาะต่างๆ ใน Brave New World ผู้ที่ไม่เข้ากับสังคมจะถูกส่งไปยังเกาะที่พวกเขาเลือก ผู้ควบคุมโลก มุสตาฟา มอนด์ ปล่อยสิ่งที่ไม่เหมาะสมไว้กับอุปกรณ์ของตนเองและไม่บังคับให้เปลี่ยน ดังนั้น ยูโทเปียของฟ็อกซ์จะปฏิบัติต่อผู้คัดค้านอย่างรุนแรงกว่าโทเปียของฮักซ์ลีย์

(Video) ความรู้เกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs)

ธรรมชาติเกลียดชังความว่างเปล่า และไม่มีบัลลังก์ใดว่างอยู่อีกนาน หากขบวนการยุคใหม่ต้องการปลดพระคริสต์กษัตริย์ ใครจะเข้ามาแทนที่พระองค์? ถ้ากอร์บาชอฟมีวิธีของเขา พระเจ้าของศาสนาใหม่จะเป็นธรรมชาติ เขากล่าวว่า “ธรรมชาติคือพระเจ้าของฉัน สำหรับฉัน ธรรมชาติเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้คือวิหารของฉัน ป่าคือวิหารของฉัน” มุลเลอร์ยังยกย่องโลกว่าเป็นพระเจ้า: "ชาวฮินดูเรียกโลกของเราว่าพรหมหรือพระเจ้าเพราะพวกเขาไม่เห็นความแตกต่างระหว่างโลกของเรากับพระเจ้าอย่างถูกต้อง" นักเขียนยุคใหม่กล่าวว่าเราจะยอมรับศาสนาใหม่เมื่อเราเข้าใจว่าทุกศาสนามีที่มาและจุดจบเดียวกัน เบลีย์กล่าวว่า “วันที่ทุกศาสนาจะถือว่ามาจากแหล่งจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่แหล่งเดียว ทั้งหมดจะถูกมองว่าเป็นเอกภาพโดยให้รากเหง้าอันเดียวซึ่งศาสนาของโลกสากลจะถือกำเนิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” ในทำนองเดียวกัน บิชอปวิลเลียม สวิงเชื่อว่าทุกศาสนา “มารวมกันที่จุดสูงสุดในพระเจ้า” การยืนยันความเป็นเอกภาพทางศาสนาของพวกเขาสะท้อนถึง Blavatsky ผู้ซึ่งกล่าวว่าศาสนาทั้งหมด "ได้รับมาจากแหล่งดั้งเดิมแหล่งเดียว" และศาสนาที่แยกจากกันนั้น "เป็นเพียงเงาของความผิดพลาดของมนุษย์และสัญญาณของความไม่สมบูรณ์" งานเขียนที่ขุ่นมัวของ Blavatsky ในปี 1877 ได้กลายเป็นความจริงที่ได้รับสำหรับพวกเสรีนิยมทางศาสนาบางคนในปี 2000

เบลีย์คาดหวังว่าศาสนาใหม่ซึ่งเธอเรียกว่า "คริสตจักรสากล" จะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของศตวรรษที่ 20 หรืออีกนัยหนึ่งคือตอนนี้ เบลีย์กล่าวว่า “มีเพียงคนเหล่านั้นเท่านั้นที่จะยังคงเป็นผู้นำทางและผู้นำของจิตวิญญาณมนุษย์ที่พูดจากประสบการณ์ชีวิตและผู้ที่ไม่รู้อุปสรรคเกี่ยวกับความเชื่อ พวกเขาจะรับรู้ถึงการเดินทัพของการเปิดเผยและความจริงที่เกิดขึ้นใหม่” ดังนั้น โปรเตสแตนต์ที่มีแนวคิดเสรีนิยมและคาทอลิกนอกรีตจะมีความสุขในศาสนาใหม่ Bailey เชื่อว่า New Religion จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ UN: “ด้วยเหตุนี้ จุดมุ่งหมายและความพยายามที่แสดงออกของสหประชาชาติจะบรรลุผลในที่สุด และคริสตจักรใหม่ของพระเจ้าซึ่งรวบรวมจากทุกศาสนาและกลุ่มจิตวิญญาณจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ยุติการแบ่งแยกนอกรีตที่ยิ่งใหญ่” มุลเลอร์ก้าวไปไกลกว่านั้น โดยเสนอให้ยูเอ็นดูหมิ่น: ” ในตอนแรก UN เป็นเพียงความหวัง วันนี้มันคือความจริงทางการเมือง พรุ่งนี้จะเป็นศาสนาของโลก”

ศาสนาใหม่จะนำมาซึ่งลัทธิเผด็จการทางจิตวิญญาณ ผู้นำยุคใหม่เห็นพ้องต้องกันว่าในช่วง 2,000 ปีที่ผ่านมา – ยุคแห่งราศีมีน – เป็นช่วงเวลาแห่งการพัฒนาเอกลักษณ์และบุคลิกภาพของแต่ละบุคคล ในยุคแห่งราศีกุมภ์ที่กำลังจะมาถึง ผู้คนจะปล่อยวางความเป็นปัจเจกบุคคลอย่างมีความสุขและรวมเอาเป้าหมายส่วนตัวและตัวตนของพวกเขาเข้ากับเชื้อชาติทั้งหมด ดังที่เบลีย์กล่าวไว้ว่า “เจตจำนงของบุคคลจะถูกผสมเข้ากับเจตจำนงของกลุ่มโดยสมัครใจ” การมีอยู่ของบุคคลที่แยกจากกันเป็นภาพลวงตา เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของ “The One” จริงๆ ในภาษาที่แสดงถึงการตำหนิของบิชอปสวิงเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของ "วิญญาณโลก" Teilhard de Chardin ซึ่งนักเขียนยุคใหม่ยกย่องให้เป็นผู้เผยพระวจนะกล่าวว่า "การจัดระบบของพลังงานมนุษย์ ... ถูกชี้นำและผลักดันเราไปสู่การก่อตัวขั้นสุดท้าย และเหนือองค์ประกอบส่วนบุคคลแต่ละอย่างของจิตวิญญาณของมนุษยชาติ” (คุณทราบหรือไม่ว่าคุณเป็นเพียง "องค์ประกอบส่วนบุคคล"?) เป้าหมายของวิวัฒนาการมนุษย์สำหรับ Teilhard คือให้ผู้คน "ได้รับจิตสำนึกในการเป็นหนึ่งเดียวและเป็นคนเดียวกันโดยไม่สูญเสียความเป็นตัวเอง" หากเราเข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง เราจะ “รักกองกำลังที่ได้รับแต่งตั้งล่วงหน้าซึ่งรวมเราเข้าด้วยกัน” ดังที่ออร์เวลล์กล่าวถึงตัวเอกของเขา วินสตัน เมื่อปลายปี 1984 ว่า “เขาได้รับชัยชนะเหนือตัวเขาเอง เขารักพี่ใหญ่”

ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่

[B] การเมือง

อวตารยุคใหม่ประกาศความมุ่งมั่นต่อประชาธิปไตยและขันติธรรม อย่างไรก็ตาม พวกเขาเสนอวิธีแก้ปัญหาแบบเผด็จการเพื่อปัญหาเร่งด่วนและปฏิเสธไม่ได้ของมนุษยชาติ การเสียสละเสรีภาพและการยอมรับอำนาจของรัฐบาลที่ไม่จำกัดจะเป็นผลดีต่อตัวเราเอง ความจำเป็นจะเป็นข้อแก้ตัวของทรราช ขบวนการยุคใหม่ใช้ทฤษฎีวิวัฒนาการ ซึ่งเป็นทฤษฎีแห่งความก้าวหน้าที่พึงปรารถนาและหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นเหตุผลสำหรับนโยบายใดก็ตามที่จำเป็นในการขับเคลื่อนมนุษยชาติและโลกไปสู่ก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ต่อไป Bailey และผู้ติดตามของเธอที่ Lucis Trust ได้ยกย่องการปฏิวัติและเผด็จการซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของ "แผน" ในปี พ.ศ. 2482 เธอกล่าวว่า "บุรุษผู้สร้างแรงบันดาลใจในการริเริ่มการปฏิวัติฝรั่งเศส ผู้พิชิตที่ยิ่งใหญ่ นโปเลียน; บิสมาร์ค ผู้สร้างชาติ; มุสโสลินี ผู้กำเนิดใหม่ของประชาชน; ฮิตเลอร์ผู้แบกผู้คนที่ทุกข์ยากไว้บนบ่า เลนิน นักอุดมคติ สตาลิน และฟรังโก” คือ “การแสดงออกทั้งหมดของกองกำลังชัมบาลา” ซึ่งเป็นพลังที่เบลีย์ยกย่อง เธอมองว่าการปกครองแบบเผด็จการในยุคสมัยของเธอเป็นส่วนที่ดีของวิวัฒนาการของมนุษย์ ส่งเสริม “อำนาจของบุคคลที่จะถือว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม” เบลีย์วิจารณ์ระบอบสตาลิน แต่กล่าวว่า “เวทีคอมมิวนิสต์ที่แท้จริงนั้นดี เป็นภราดรภาพในการปฏิบัติ และไม่ได้สวนทางกับพระวิญญาณของพระคริสต์”

Foster Bailey สานต่องานของ Alice Bailey หลังจากที่เธอเสียชีวิตในปี 1949 ในหนังสือชื่อ Running God’s Plan ในปี 1972 เขาเขียนว่าการปฏิวัติรัสเซียเป็น แสดงให้เห็นว่าชาวนาที่สิ้นหวังและไม่รู้หนังสือเมื่อได้รับการกระตุ้นและได้รับโอกาสจะกลายเป็นคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม” นักประวัติศาสตร์อธิบายเหตุการณ์เดียวกันนี้ว่าเป็นอุตสาหกรรมบังคับ การรวมกลุ่มกันแบบบังคับ และความอดอยากที่มนุษย์สร้างขึ้น “ลำดับชั้น” ของฟอสเตอร์ เบลีย์ ซึ่งเป็นกลุ่มเหนือธรรมชาติของปรมาจารย์และผู้นำทางวิญญาณที่มีภารกิจในการกำกับวิวัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนด้วย: “การปฏิวัติวัฒนธรรมในจีน…. เป็นโครงการลำดับชั้น บรรลุการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์แล้ว….” ตามรายงานของ Black Book of Communism ผู้เสียชีวิตประมาณ 20 ล้านคนอาจมาจากลัทธิคอมมิวนิสต์โซเวียต และ 65 ล้านคนมาจากฉบับภาษาจีน เห็นได้ชัดว่าลำดับขั้นทางวิญญาณของนักปรัชญา Theosophists ยอมรับการนองเลือดจำนวนมากเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

การระเบิดของจักรวรรดิโซเวียตไม่ได้ลดทอนความกระตือรือร้นของนักเขียนยุคใหม่ที่มีต่อรัฐบาลโลกและสังคมนิยมในปัจจุบัน Robert Muller ชอบใช้สหภาพยุโรปเป็นพื้นฐานสำหรับ "World Union" จากนั้น “ตั้งแต่รัสเซียรุกคืบเข้ามาทางเหนือของเอเชีย ความฝันเก่าของยูเรเซียก็สามารถเป็นจริงได้ แผนการของ Robert Schuman ผู้ใฝ่ฝันที่จะรวมประเทศในแอฟริกาเข้ากับ Eurafrica สามารถดำเนินการได้…. ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ สามารถจัดระเบียบทวีปอเมริกาตั้งแต่อลาสกาไปจนถึงเทียร์ราเดลฟูเอโก และทั้งสองสหภาพสามารถรวมเป็นสหภาพโลกได้” นี่น่าจะเป็นข่าวที่น่าสนใจสำหรับชาวละตินอเมริกาที่หวงแหนเอกราชจากแยงกี้ โครงการสำหรับรัฐบาลโลกจะรวมถึงการห้ามดื่มสุราทั่วโลก บัตรประจำตัวสากลสำหรับทุกคน ตำรวจสากลและกองกำลังทหารภายใต้การควบคุมของ “กระทรวงสันติภาพ” (คำเดียวกับที่ออร์เวลล์ใช้ในปี 1984 สำหรับกองกำลังทหารของพี่ใหญ่) หน่วยสืบราชการลับระดับโลก “กฎหมายอาญาโลก” ทะเบียนทรัพย์สินระดับโลกที่คล้ายกับ “สิ่งที่นักปฏิวัติฝรั่งเศสรุ่นเยาว์ทำเพื่อฝรั่งเศส” ภาษีรายได้ทั่วโลก และฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเพื่อเก็บ “ข้อมูลทั้งหมดบนโลกของเรา ในสภาพแวดล้อมของมัน และต่อมนุษยชาติ” หากสิ่งนี้ฟังดูเหมือนลัทธิคอมมิวนิสต์โลก มุลเลอร์กล่าวว่านั่นอาจไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด: “เราควรขอให้คนซื่อสัตย์อย่างมิคาอิล กอร์บาชอฟบอกเราว่าอะไรดีในบางกรณีในลัทธิคอมมิวนิสต์ และสิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา มุลเลอร์สนับสนุนการยกเลิก "ชาตินิยม" และ "บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่" ซึ่งจะทำได้โดย "การปฏิวัติของประชาชนหรือการปฏิวัติของนักวิทยาศาสตร์ นักคิด ผู้มีวิสัยทัศน์ นักพยากรณ์ นักโลกาภิวัตน์ นักอนาคตวิทยา และผู้สังเคราะห์สิ่งนี้" ดาวเคราะห์."

“พระเจ้า” ของวอลช์กล่าวว่ามนุษย์ต่างดาวที่มีวิวัฒนาการสูงปฏิบัติลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างแท้จริง: “พวกเขาแบ่งปันทุกสิ่ง กับทุกคน…. ทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมดในโลกของพวกเขา สิ่งแวดล้อม จะถูกแบ่งเท่า ๆ กัน และแจกจ่ายให้กับทุกคน” ควบคู่ไปกับลัทธิคอมมิวนิสต์ทั่วโลก ต้องมีรัฐบาลโลก ศาลโลกหนุนหลัง และ "กองกำลังรักษาสันติภาพ" ของโลก แต่ละประเทศจะมีผู้แทนสองคนในสภาประชาชาติ และ “ผู้แทนในสัดส่วนโดยตรงต่อประชากรของประเทศ” ในสมัชชาประชาชน ภายใต้แผนนี้ สหรัฐฯ จะมีคะแนนเสียงในสภาประชาชาติมากเท่ากับซูดาน ที่ซึ่งคริสเตียนถูกขายไปเป็นทาสหรือประหารชีวิต สหรัฐอเมริกาจะมีคะแนนเสียงประมาณหนึ่งในสี่ของสมัชชาประชาชนเท่ากับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งข่มเหงชาวคริสต์และบังคับใช้นโยบายลูกคนเดียวในครอบครัว ใครสนใจจะเดาว่าการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญของเราในเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนาและเสรีภาพในการพูด (ซึ่งอยู่ภายใต้การปิดล้อมแล้ว) จะอยู่รอดได้นานแค่ไหน?

Spangler ยังชี้ไปที่อนาคตเผด็จการ เขากล่าวว่า: “จากส่วนลึกของการแข่งขัน การเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเกิดขึ้นของผู้กอบกู้ ร่างอวตาร…ผู้ที่สามารถเป็นเผ่าพันธุ์ที่กษัตริย์นักบวชในสมัยโบราณเป็นในยุครุ่งอรุณของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” กษัตริย์ปุโรหิตแห่งเมืองโสโดม อียิปต์ และบาบิโลนจะกลับมาปกครองเรา Spangler อธิบายถึง "ประชาธิปไตยที่แท้จริง" ในแง่ที่ชวนให้นึกถึง General Will ของ Rousseau: "สังคมทางจิตวิญญาณทั้งหมดเป็นแบบลำดับชั้น…. ไม่ใช่ความประสงค์ของคนส่วนใหญ่ที่สำคัญ เป็นความประสงค์ของส่วนรวม…. ประชาธิปไตยอย่างที่เราทราบกันดีว่าเป็นรูปแบบการปกครองเชิงปริมาณ อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นมีคุณภาพ และนั่นคือสิ่งที่เราต้องกลับไปสู่” Spangler กล่าวว่า "ประชาธิปไตยตามระบอบเทวาธิปไตย" คือ "สิ่งที่เรากำลังก้าวไปสู่มนุษยชาติ" (“ประชาธิปไตยแบบเทวาธิปไตย”? เรียก ACLU ด่วน! หรือว่าต่อต้านเทวาธิปไตยของคริสเตียนเท่านั้น?) Spangler กล่าวว่า “กูรูใหม่” ในปัจจุบัน “ยอมรับความเป็นพระเจ้าของพวกเขา”; พวกเขากำลัง "สร้างพื้นฐานสำหรับรัฐบาลในอนาคต นี่จะเป็นรัฐบาลเผด็จการ…ในลักษณะเดียวกับที่กฎของอุณหพลศาสตร์หรือแรงโน้มถ่วงเป็นเผด็จการ” อำนาจของระบอบการปกครองใหม่จะดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่งและไม่อาจหยุดยั้งได้เท่ากับอำนาจของกฎแห่งธรรมชาติ แต่ละหัวข้อจะพูดว่า “ฉันได้แต่ตามจังหวะนี้ รูปแบบนี้” เพราะเราจะ “เป็นหนึ่งเดียวกับกระแสแห่งชีวิต” อาจมีคนตอบว่าสิ่งมีชีวิตเดียวที่เคลื่อนไหว "เป็นหนึ่งเดียวกับกระแสน้ำ" เสมอนั้นตายแล้ว

Teilhard de Chardin สนับสนุนลัทธิเผด็จการอย่างชัดเจนและซ้ำแล้วซ้ำอีก ในปี 1939 Teilhard เขียนว่าเวลาสำหรับ “ระบอบการปกครองแบบเผด็จการสมัยใหม่ ไม่ว่าพวกเขาจะมีจุดบกพร่องแต่แรก ก็ไม่ใช่ลัทธินอกรีตหรือความถดถอยทางชีววิทยา พวกมันสอดคล้องกับแนวโน้มที่สำคัญของการเคลื่อนไหวของ 'จักรวาล'” ในอีกโอกาสหนึ่ง เขากล่าวว่า “นักประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าไม่ได้แตกต่างโดยพื้นฐานจากเผด็จการที่ก้าวหน้าจริงๆ”

คำสอนของ Alice Bailey, Teilhard de Chardin, Robert Muller, Barbara Marx Hubbard, Neale Donald Walsch และ David Spangler ให้ทฤษฎีของรัฐบาลเผด็จการยุคใหม่และเศรษฐศาสตร์ โปรแกรมของ Gorbachev’s State of the World Forum และ Earth Charter Campaign อธิบายแนวทางปฏิบัติที่เสนอ ภารกิจของ State of the World Forum คือการระดม "ชนกลุ่มน้อยที่สร้างสรรค์" ซึ่งจะกำหนดวาระสำหรับ "ขั้นตอนใหม่ของการพัฒนามนุษย์" กอร์บาชอฟถือว่าผู้ที่เข้าร่วมในฟอรัมเป็นสมาชิกของ "ความไว้วางใจจากสมองทั่วโลก" สำหรับอารยธรรมใหม่ เขาเชื่อว่าจำเป็นต้องมีรัฐบาลโลก

กฎบัตรโลกและปรัชญาที่แท้จริงของขบวนการยุคใหม่

กฎบัตรโลกเป็นผลิตผลของกอร์บาชอฟ (ทำหน้าที่ประธาน Green Cross International) และมอริซ สตรอง ที่ปรึกษาของธนาคารโลก ผู้นำในการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมของสหประชาชาติ และเป็นผู้สนับสนุนรัฐบาลโลกที่มั่งคั่ง (เท็ด เทิร์นเนอร์มีส่วนร่วมด้วยในฐานะสมาชิกของคณะกรรมการกาชาดสากล) กอร์บาชอฟมองว่ากฎบัตรโลกที่เสนอเป็น “บัญญัติ 10 ประการ 'คำเทศนาบนภูเขา' ที่เป็นแนวทางสำหรับพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ในศตวรรษหน้าและต่อๆไป” สตรองกล่าวว่า “เป้าหมายที่แท้จริงของปฏิญญาโลกคือความจริงแล้วกฎบัตรจะกลายเป็นเหมือนบัญญัติ 10 ประการ เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน” ดูเหมือนกอร์บาชอฟและสตรองจะมองตนเองเป็นผู้กำหนดอนาคต ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากโมเสสและพระเยซู กอร์บาชอฟและสตรองหวังว่าจะได้รับการรับรองปฏิญญาโลกของสหประชาชาติ เมื่อนำมาใช้แล้ว กฎบัตรจะเป็นพื้นฐานสำหรับกฎหมายระดับโลก ระดับประเทศ และแม้แต่กฎหมายระดับท้องถิ่น Steven Rockefeller ประธาน Rockefeller Brothers Fund กำลังประสานงานการร่างปฏิญญาโลก และ Rockefeller Brothers Fund กำลังสนับสนุนกิจกรรม Earth Charter ใน 10 ประเทศโลกที่สาม Global Education Associates วิหารแห่งความเข้าใจ และ URI ยังส่งเสริมปฏิญญาโลกอีกด้วย

พื้นฐานของปฏิญญาโลกคือความเชื่อที่ว่า “โลก บ้านของเรา มีชีวิตด้วยชุมชนแห่งชีวิตที่ไม่เหมือนใคร” กฎบัตรระบุว่า "จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากได้เพิ่มแรงกดดันต่อระบบนิเวศวิทยา และทำให้ระบบสังคมมีภาระมากเกินไป" ซึ่งเป็นข้อโต้แย้ง "ระเบิดประชากร" ผู้เขียนกฎบัตรต้องการส่งเสริม “การกระจายความมั่งคั่งอย่างเท่าเทียมกัน” และ “ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ”

เราถูกเรียกให้ “ปฏิบัติต่อสรรพสัตว์ด้วยความสงสารและปกป้องพวกเขาจากความโหดร้ายและการทำลายล้างอย่างป่าเถื่อน” ( ถึงตอนนี้ก็ดีแล้ว) อย่างไรก็ตาม เด็กในครรภ์จะถูกกีดกันจากความเมตตานี้ กฎบัตรสนับสนุน “การเข้าถึงบริการสุขภาพโดยทั่วถึงที่ส่งเสริมสุขภาพการเจริญพันธุ์และการสืบพันธุ์อย่างมีความรับผิดชอบ” (ในแวดวงของสหประชาชาติ “อนามัยการเจริญพันธุ์” รวมถึงการคุมกำเนิด การทำแท้ง และการทำหมัน)

“ปรัชญาปฏิญญาโลกกาชาด” เอกสารบนเว็บไซต์ปฏิญญาโลก อธิบายอย่างหนักแน่นว่าปฏิญญาโลกจะมีความหมายต่อเราอย่างไร อันดับแรกคือการเรียกร้องให้มี “การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่แก้ไขต้นเหตุของความยากจนและความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม” จากนั้นจึงเกิดการเรียกร้องให้ “รักษาเสถียรภาพของประชากรโลก” และ “เศรษฐกิจวัสดุไม่เติบโต”; ความต้องการของคนยากจนในโลกจะได้รับการตอบสนองโดย "การลดการบริโภควัสดุมากเกินไปโดยชนกลุ่มน้อยที่ร่ำรวย" ในการบังคับใช้ทั้งหมดนี้ จะต้องมี "อำนาจอธิปไตยสากล" ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จและเขตอำนาจศาลสากล: "การคุ้มครองชีวมณฑลซึ่งเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของมนุษยชาติ จะต้องไม่อยู่ภายใต้กฎของอำนาจอธิปไตยของรัฐ ความต้องการของตลาดเสรีหรือ สิทธิส่วนบุคคล…. องค์กรระหว่างประเทศเพื่อความยั่งยืนของชีวิตมนุษย์บนโลก…ต้องมีความเป็นอิสระและมีอำนาจในการอำนวยความสะดวกในการตกลงระหว่างผู้มีบทบาททางสังคมทั้งหมด….” สถาบันประชาธิปไตยต้องไม่ชะลอการปฏิวัติปฏิญญาโลก ในการประชุม State of the World Forum ในปี 1995 Strong กล่าวว่า "เราไม่ควรรอจนกว่าประชาธิปไตยทางการเมืองจะปูทาง เราต้องลงมือเดี๋ยวนี้”

เมื่อ Maurice Strong พูดเช่นนั้น เราต้องให้ความสนใจ เขามีเพื่อนที่ทรงพลัง สตรอง ประธานสภาโลก อยู่ในคณะกรรมการของ World Economic Forum (WEF); Klaus Schwab ประธานและผู้ก่อตั้ง WEF เป็นสมาชิกของ Earth Council WEF ซึ่งประชุมเป็นประจำทุกปีในสวิตเซอร์แลนด์ อธิบายว่าตัวเองเป็น “การประชุมสุดยอดธุรกิจระดับโลกที่สำคัญที่สุด ซึ่งรวบรวมผู้นำทางธุรกิจและการเมือง ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และสื่อมวลชนเกือบ 2,000 คน เพื่อกำหนดวาระระดับโลกสำหรับปีที่จะมาถึง” ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จ่ายค่าธรรมเนียมและค่าเดินทางปีละ 30,000 ถึง 250,000 ดอลลาร์สำหรับสิทธิพิเศษในการพูดคุยกับประธานาธิบดีของหลายประเทศและองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงประธานาธิบดีคลินตัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โทนี่ แบลร์ บิลล์ เกตส์ โคฟี อันนัน (เลขาธิการสหประชาชาติ), ซีอีโอของ General Motors, ประธานของ Goldman Sachs, ประธานของ Daewoo Corporation, ประธานของ Daimler-Benz และ George Soros

ด้วยความภาคภูมิใจ ครูยุคใหม่และนักการเงินของพวกเขาวางแผนสำหรับยูโทเปียระดับโลก ยิ่งประชาชนหรือขบวนการมีความภาคภูมิใจมากเท่าใด ความโกรธของพวกเขาก็จะยิ่งมากขึ้นเมื่อเผชิญกับการต่อต้าน ความเย่อหยิ่งและความเดือดดาลเป็นรากฐานทางจิตวิญญาณของความโหดร้ายและการฆาตกรรม เพื่อให้เข้าใจสิ่งนี้ เราต้องพิจารณาที่ปรึกษาของนักเทววิทยาของครูยุคใหม่หัวรุนแรงอีกครั้ง ผู้นำเชิงปรัชญาเหล่านี้เชื่อว่าสงครามโลกทั้งสองครั้งจำเป็นต่อวิวัฒนาการของมนุษย์ และความเจ็บปวดที่เกิดในยุคใหม่เริ่มต้นขึ้นด้วยการระเบิดของปรมาณูในปี 1945 พวกเขาสนับสนุนให้ส่งผู้ที่ไม่ต้องการเข้าสู่ยุคใหม่ไปสู่การลืมเลือน นั่นคือความกระหายเลือดของ "ผู้มีความเห็นอกเห็นใจ" อวตารยุคใหม่ได้ยอมรับลัทธิดาร์วินทางจิตวิญญาณในรูปแบบที่โหดร้าย ซึ่งมีรากฐานมาจากความเชื่อของนอสติกที่อลิซ เบลีย์แสดงออก: “ความตายไม่ใช่หายนะที่ต้องหวาดกลัว งานของผู้ทำลายไม่ได้โหดร้ายหรือไม่เป็นที่พึงปรารถนาจริงๆ” ดังที่ฮับบาร์ดกล่าวว่า “ธรรมชาติกังวลเกี่ยวกับการอยู่รอดของแต่ละคนน้อยกว่าเรื่องวิวัฒนาการของทั้งหมด…” “จอห์น” วิญญาณที่ถูกถ่ายทอดของ Spangler กล่าวว่าความทุกข์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “โลกแห่งรูปแบบ” ที่ “มีความหมายเพียงเล็กน้อย”; วิญญาณนั้น "เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นชีวิตนิรันดร์ของคุณ การสถิตอยู่ของพระเจ้าซึ่งฉันหล่อเลี้ยงและน้อมรับไว้ หากต้องทำลายรูปแบบเพื่อให้การแสดงตนนี้ได้รับการปล่อยตัว ก็เป็นเช่นนั้น” วิญญาณนี้พูดเหมือนใครบางคนที่รับผิดชอบในการกำหนดเป้าหมายอาวุธนิวเคลียร์

ตั้งแต่เริ่มสงครามโลกครั้งที่สองจนกระทั่งเธอเสียชีวิต เบลีย์เขียนว่าสงครามเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับยุคใหม่ที่จะมาถึง เธอเชื่อว่ายุคใหม่จะนำหน้าด้วย "วัฏจักรแห่งการทำลายล้าง ซึ่งระเบียบแบบแผนเก่าได้ผ่านพ้นไป" และ "อารยธรรมของมนุษย์พร้อมกับสถาบันที่ตามมา - ถูกทำลาย" เธอให้เครดิตกับ "ลำดับชั้น" ของปรมาจารย์ทางจิตวิญญาณที่ขึ้นสู่สวรรค์สำหรับ "การตัดสินใจของพวกเขา ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงต้นศตวรรษนี้ ซึ่งทำให้... หน่วยงานทำลายล้างครั้งใหญ่ นั่นคือ สงครามโลก (1914-1945)" ในปี 1943 เบลีย์กล่าวว่า "หนึ่งในจุดประสงค์เบื้องหลังความหายนะในปัจจุบัน [สงครามโลกครั้งที่สอง] คือความจำเป็นในการทำลายรูปแบบที่ไม่เหมาะสม…. กฎแห่งการทำลายล้างได้รับอนุญาตให้ทำงานผ่านตัวมนุษย์เอง และมนุษย์กำลังทำลายรูปแบบที่มนุษย์จำนวนมากกำลังทำงานอยู่” (“การทำลายรูปแบบ” ไม่ได้หมายถึงการทำลายเอกสารของ IRS แต่เป็นคำรหัสของ Theosophist ที่หมายถึงความตาย) หลังสงคราม Bailey เขียนว่า “the Custodians of God's Plan” มองว่าสงครามโลกครั้งที่สองเป็น “การผ่าตัดครั้งใหญ่” ที่เคยมีมา “ประสบความสำเร็จอย่างมาก” ในการกำจัด “เชื้อโรคสเตรปโทคอคคัสที่มีความรุนแรง” ที่ “คุกคามชีวิตมนุษยชาติ” เธอเตือนว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความเศร้า: “แน่นอนว่าเชื้อโรคไม่ได้ถูกกำจัดออกไปและทำให้รู้สึกว่ามีอยู่ในบริเวณที่ติดเชื้อในร่างกายของมนุษยชาติ อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดอีกครั้ง”

Bailey มองว่าการเผาปรมาณูในฮิโรชิมาและนางาซากิเป็นการแสดงให้เห็น "สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และน่าปรารถนา" ของ "พลังแห่งการกอบกู้" เนื่องจาก "การทำลายล้างและการหายไปของสิ่งที่ไม่ดีและไม่พึงประสงค์จะต้องเกิดขึ้นก่อนการสร้างสิ่งที่ดีและพึงปรารถนา" สำหรับฮับบาร์ด การระเบิดของนิวเคลียร์ในปี 1945 เป็นจุดเปลี่ยนสำหรับมนุษยชาติ “จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดจากการคลอดโดยรวมของเรา มันเป็นสัญญาณว่า Cosmic Child มนุษยชาติสามารถฆ่าตัวตายได้ด้วยการคงอยู่ในจิตสำนึกที่มีตัวเองเป็นศูนย์กลางในครรภ์ของโลก หรือแทนที่จะปลดปล่อยตัวเองเพื่อจิตสำนึกสากล” วิญญาณที่พูดกับ Spangler ใน "การถ่ายทอดความรักและความจริงที่ไร้ขีดจำกัด" กล่าวว่า "หากมีการใช้อุปกรณ์นิวเคลียร์ พลังงานจะเป็นสิ่งที่เปิดเผยในตัวฉัน สิ่งที่เหลืออยู่เป็นเพียงสิ่งที่ฉันเป็นและสิ่งที่ไม่ใช่ของฉันจะหายไปตามกฎอื่นและชะตากรรมอื่น” ในปี 1946 หลังจากการทดสอบนิวเคลียร์ของสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก Teilhard ได้ปิดปากต่อระเบิดโดยกล่าวว่า "สำหรับเครื่องประดับทางทหารทั้งหมดของพวกเขา การระเบิดครั้งล่าสุดที่บิกินี่ประกาศการกำเนิดสู่โลกของมนุษยชาติทั้งภายในและภายนอกที่เงียบสงบ พวกเขาประกาศการมาของวิญญาณแห่งโลก”

สำหรับนักทำนายยุคใหม่ "เวลาสิ้นสุด" มาถึงแล้ว Bailey, Hubbard, Spangler และ Walsch ได้ทำนายว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคใหม่จะเกิดขึ้นระหว่างปี 2000 ถึง 2010 ดังที่ "พระเจ้า" ของ Walsch กล่าวไว้ว่า "พวกคุณคือการแข่งขันที่ตื่นขึ้น เวลาแห่งความสำเร็จของคุณอยู่ใกล้แค่เอื้อม” กอร์ดอน เดวิดสัน นักเทววิทยาผู้ยกย่อง URI ว่าเป็นตัวอย่างของการเกิดขึ้นของ "อวตารแห่งการสังเคราะห์" กล่าวว่าในปี 2000 มนุษยชาติเผชิญกับ "การสืบเชื้อสายของพลังงานชัมบาลา" นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่สนุกสนาน Alice Bailey ที่ปรึกษาของ Davidson กล่าวว่าเผด็จการยุโรปในช่วงทศวรรษที่ 1930 เป็น "การแสดงออกทั้งหมดของกองกำลัง Shamballa" นักทำนายยุคใหม่ที่เขียนบทความในช่วงหกสิบปีที่ผ่านมาต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการมาถึงของยุคใหม่นั้นใกล้เข้ามาแล้วและจะเป็นวันสิ้นโลก เราสามารถคาดหวังได้ว่าสาวกยุคใหม่จะยุ่งอยู่กับการก่อกวน พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้คำทำนายของพวกเขาบรรลุผล

อวตารยุคใหม่อื่น ๆ มองความเป็นไปได้ของการสูญพันธุ์ของมนุษย์โดยมีโลกเป็นศูนย์กลางและความสงบของสัตว์เลื้อยคลาน Jean Houston ที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณของ Lauren Artress (บาทหลวงผู้ดำเนินการโครงการเขาวงกตที่ Grace Cathedral ในซานฟรานซิสโก) ประกาศทางเลือกที่มนุษยชาติต้องเผชิญ: “เป็นไปได้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะจบลงด้วยการทดลองที่ล้มเหลวและกว้างใหญ่…. และดาวเคราะห์จะส่ายไหล่ ปล่อยพวกมันให้หลุดออกไป แล้วปลาโลมาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก” William Irwin Thompson ผู้ร่วมงานยุคใหม่ของ Morton and Spangler กล่าวว่า "เราอาจจะยุติมันเพื่อมนุษย์และไม่สามารถให้การทดลองดำเนินต่อไปได้ แต่ชีวมณฑลจะไม่หยุดวิวัฒนาการ หากคุณเป็นคนลึกลับ คุณไม่จำเป็นต้องระบุด้วยชิ้นเนื้อชั่วขณะที่เรียกว่าโฮมินอยด์” มุลเลอร์ยังคิดว่าเราอาจสูญพันธุ์: “โลกจะแก้แค้นเผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าที่สุดของเธอซึ่งเริ่มทำลายเธอ…. พระเจ้าจะไม่ยอมให้เราทำลายการสร้างของพระองค์และยุติการวิวัฒนาการที่น่าอัศจรรย์และระมัดระวังของโลกเป็นเวลาหลายพันล้านปี เขามีแนวโน้มที่จะปล่อยให้มนุษยชาติถูกทำลาย”

กระบวนการคัดเลือกประชากรยุคใหม่

ในฐานะส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงระดับโลกที่ใกล้เข้ามา ผู้นำยุคใหม่หัวรุนแรงตั้งตารอการ "เลือก" ท่ามกลางเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผู้ที่ได้รับเลือกจากมนุษยชาติจะอยู่รอดเพื่อเข้าสู่ยุคใหม่ อีกหลายคนจะตาย – โอกาสที่กูรูเหล่านี้มองด้วยความใจเย็น (ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่จะสงสัยว่าผู้ที่ทำนาย "กระบวนการคัดเลือก" ตั้งใจจะฆ่าฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ หากทำได้) เป็นเวลาหลายทศวรรษที่บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ดได้ทำนาย "การสูญพันธุ์" สำหรับผู้ที่ไม่เข้าร่วมโปรแกรม New Age : “การแปลงควอนตัมเป็นเวลาของการเลือก…. เผ่าพันธุ์ที่เรียกว่ามนุษย์ที่เอาแต่ใจตนเองจะสูญพันธุ์ สายพันธุ์ที่เรียกว่ามนุษยชาติที่มีศูนย์กลางทั้งหมดจะวิวัฒนาการ” ในเวลานี้ “มนุษย์ที่สามารถร่วมมือเพื่อเอาชนะตนเองได้จะทำเช่นนั้น”; “องค์ประกอบ” ที่คงไว้ซึ่ง “ภาพลวงตาของการแบ่งแยกจะสูญพันธุ์… เช่นเดียวกับที่มนุษย์โคร-มาญองและนีแอนเดอร์ทัลสูญพันธุ์” ในการอ้างถึงคนที่ไม่พึงประสงค์ว่าเป็น "องค์ประกอบ" เธอทำตามแบบอย่างของพวกนาซี คอมมิวนิสต์ และคนอื่นๆ ที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้เหตุผลในการทำลายพวกเขา ฮับบาร์ดเตือนว่าหากมีการเลือก มันจะเป็นการใช้ความรุนแรง: “ไม่ว่าความดีจะชนะ...หรือการเลือกที่รุนแรงของคนที่เอาแต่ใจตัวเองก็จะเริ่มขึ้น” สำหรับเธอ ซาตานคือ “ส่วนหนึ่งของกระบวนการคัดเลือก…ที่จะนำผู้ที่ถูกเลือกเองออกมาจากผู้ที่ถูกปฏิเสธตนเอง เพื่อให้…มีเพียงผู้ที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวมเท่านั้นที่รอดชีวิต” มุลเลอร์ตกลงว่าบุคคลที่ “มีความเชื่อที่ตรงกันข้าม” ต่อผู้ที่ได้รับความชื่นชอบใน “ขั้นต่อไปของวิวัฒนาการ” จะหายไป ฝ่ายตรงข้ามของ UN และ "ผู้ที่ต่อต้านวิวัฒนาการ ตาบอด และรับใช้ตนเอง" คนอื่นๆ จะมีจิตวิญญาณของพวกเขา "จอดอยู่ในคอกพิเศษของจักรวาลเพราะถูกกองกำลังชะลอ ความผิดปกติที่แท้จริงในการวิวัฒนาการและการขึ้นสู่ระดับมนุษย์" การเนรเทศ สู่ไซบีเรียแห่งจิตวิญญาณ

นิค บูนิค ผู้ประกาศตัวเองว่ากลับชาติมาเกิดของอัครทูตเปาโล กำหนดวันคัดเลือกระหว่างปี 2000 ถึง 2010 เมื่อ “คนเหล่านั้นที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตตามกฎของพระผู้เป็นเจ้า” จะ “ไม่มีส่วนร่วมในโลกของเราอีกต่อไป” พวกเขาจะถูกส่งไปยัง "ระนาบการสั่นสะเทือนที่แตกต่างกัน" เพื่อปรับปรุงกรรมของพวกเขา ฮับบาร์ดกล่าวว่าผู้รอดชีวิตจากการคัดเลือกจะดำเนินไปพร้อมกับวิวัฒนาการ และจะรัก "ทางเลือก ความหลากหลาย ความยืดหยุ่น ความคลุมเครือ ความไม่แน่นอน ความรับผิดชอบ และความสามารถในการตอบสนอง" ผู้สืบทอดอาณาจักรใหม่ของฮับบาร์ดจะผ่านการทดสอบปัจจุบันทั้งหมดเพื่อความถูกต้องทางการเมือง

ผู้นำของขบวนการนิวเอจโต้แย้งว่าโลกมีประชากรมากเกินไป และจำเป็นต้องมีมาตรการที่รุนแรงเพื่อกลบเกลื่อน "ระเบิดประชากร" ในทศวรรษที่ 1940 – เมื่อประชากรโลกเหลือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน – เบลีย์กล่าวว่า “ควรมีการกำหนดข้อจำกัดทางกายภาพบางประการ เพราะขณะนี้เห็นได้ชัดว่าเมื่อเลยจุดหนึ่งไปแล้ว โลกไม่สามารถรองรับมนุษยชาติได้” แมทธิว ฟ็อกซ์ อดีตคาทอลิกกล่าวว่า “จำนวนมนุษย์ที่มากเกินไปถือเป็นอันตรายร้ายแรง…มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฉันเข้าร่วมโบสถ์เอพิสโกพัล เพราะมุมมองที่เปิดกว้างและเน้นปฏิบัติเกี่ยวกับการคุมกำเนิด” ในปี 1997 กอร์บาชอฟกล่าวว่า “สำหรับช่วงเปลี่ยนผ่านบางครอบครัวควรจำกัดตัวเองไว้ที่ลูกคนเดียว”

ผู้ที่มีความเห็นอกเห็นใจเหล่านี้บางคนต้องการลดจำนวนประชากรโลกให้เหลือสองพันล้านคนหรือน้อยกว่านั้น ในการให้สัมภาษณ์กับ The UNESCO Courier เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2534 Jacques-Yves Cousteau กล่าวว่า "จำนวนประชากรโลกต้องมีเสถียรภาพ และการทำเช่นนั้นเราจะต้องกำจัดประชากร 350,000 คนต่อวัน" ซึ่งได้ผลถึง 127,750,000 คนต่อปี และ 1.27 พันล้านคนที่ต้อง "กำจัด" ต่อทศวรรษ โรสแมรี แรดฟอร์ด รูเทอร์ นักเทววิทยาเชิงนิเวศสตรีนิยมบอกกับผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงนิเวศในเดือนพฤษภาคม 1998 ว่า “เราจำเป็นต้องแสวงหาวิธีการกำจัดผู้คนที่มีความเห็นอกเห็นใจมากที่สุด…. แทนที่การเคลื่อนไหวเพื่อชีวิต เราจำเป็นต้องพัฒนา 'จิตวิญญาณของการรีไซเคิล' ... จิตวิญญาณที่รวมถึงตัวเราในการต่ออายุโลกและตนเอง เราต้องหมักเอง” หลายเดือนต่อมา Ruether บอกกับที่ประชุมระดับชาติของ Call to Action ซึ่งเป็นองค์กรคาทอลิกที่คัดค้านว่ามีคนกี่คนที่ต้องเข้าร่วมกองปุ๋ยหมัก: "เราต้องกลับไปสู่ระดับประชากรในปี 1930" หรือประมาณสองพันล้านคน สิ่งที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าอย่างรอบคอบคือจะทำอย่างไรกับคน "ส่วนเกิน" 4 พันล้านคน เป็นอีกครั้งที่ความปรารถนาความตายแบบเสรีนิยมกลับหัว

ยุคใหม่เป็นจริงและต่อต้านคริสต์

เมื่อนำมารวมกันแล้ว งานของบุคคลต่างๆ เช่น Robert Muller, Barbara Marx Hubbard, Neale Donald Walsch, Alice Bailey, David Spangler และ Helena Blavatsky เป็นการต่อต้านคำสอน: การต่อต้านข่าวประเสริฐที่ครอบคลุม การฟื้นฟูลัทธินอกรีตของพวกนอสติก และ การผกผันของศีลธรรมและหลักคำสอนของคริสเตียน ฉันไม่ได้ดึงคำพูด "ปืนสูบบุหรี่" สองสามข้อจากงานเขียนที่ไร้เดียงสา เหล่าผู้คลั่งไคล้ในยุคใหม่ได้จัดเตรียมคลังแสงที่เต็มไปด้วยปืนพ่นควัน ซึ่งทั้งหมดชี้ไปในทิศทางเดียวกัน ผู้ที่สามารถอ่านหนังสือ New Age และ Theosophical โดยละเอียดได้จะพบว่านักเขียนเหล่านี้แสดงเจตนาอย่างชัดเจนต่อพวกเราทุกคน เช่นเดียวกับที่ฮิตเลอร์ทำกับ Mein Kampf คราวนี้มาสนใจกัน!

ขบวนการยุคใหม่เป็นการสมรู้ร่วมคิดหรือไม่? ไม่ การสมรู้ร่วมคิดมักเป็นความสัมพันธ์ลับๆ ที่มีวัตถุประสงค์แอบแฝงและไม่สามารถยอมรับได้ ผู้นำยุคใหม่และพันธมิตรโลกนิยมในอุดมคติของพวกเขาเปิดกว้างเกี่ยวกับเป้าหมายของพวกเขา กิจกรรมของพวกเขาถูกกฎหมายและดูเหมือนว่า (สำหรับหลาย ๆ คน) จะค่อนข้างยอมรับได้ เป้าหมายของการปลูกพืชพันปีของ New Agers และยูโทเปียนั้นตรงกับสิ่งที่พวกหัวรุนแรงแสวงหามาตั้งแต่การปฏิวัติฝรั่งเศส โครงการของพวกเขาเผยให้เห็นความเปราะบางถาวรของมนุษยชาติต่อการล่อลวงและบาป ขอพิจารณา: พระเจ้าทรงสถิตอยู่เป็นนิตย์และไม่เปลี่ยนแปลง ธรรมชาติของมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลง มารไม่เปลี่ยนแปลง และการล่อลวงที่เขาเสนอให้มนุษย์จะไม่เปลี่ยนแปลง จากสวนเอเดนถึงเซนส์ของนักเทววิทยา ข้อความเหมือนกัน: คุณจะเป็นพระเจ้า การตอบสนองของมนุษย์ต่อสิ่งล่อใจก็ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน นอกเหนือจากพระคุณของพระเจ้าแล้ว เรายังทำบาป ดังนั้นการกบฏของมนุษย์ต่อพระเจ้าจะเป็นไปตามรูปแบบที่สอดคล้องกัน ผู้ที่ต้องการกบฏต่อพระเจ้าจะพบผู้ร่วมมือและที่ปรึกษาเพื่อยืนยันและช่วยเหลือพวกเขาในการเลือกของพวกเขา (นอกจากนี้ หน่วยงานทางศาสนาและหน่วยงานของรัฐ ด้วยความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้พวกเขามีสิ่งล่อใจ เรื่องอื้อฉาว และอุปสรรค์เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก) สิ่งที่ผู้สังเกตการณ์บางคนมองว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่างประเทศหลายชั่วอายุคน เพียงกลุ่มคนที่ตกสู่บาปตามการล่อลวงไปสู่ข้อสรุปเชิงตรรกะ หากขบวนการนิวเอจและยูโทเปียแสดงเอกภาพและจุดประสงค์ที่สอดคล้องกันในระดับสากลหรือในอดีต มันเกิดขึ้นจากวิญญาณมืดที่พวกเขาติดตามมากกว่าจากทักษะการสมรู้ร่วมคิดในระดับมนุษย์

วาติกันได้พูดต่อต้านคำสอนเท็จของขบวนการยุคใหม่และยูโทเปีย คริสตจักรปฏิเสธแนวคิดเรื่องสวรรค์บนดินที่มนุษย์สร้างขึ้น ดังที่คำสอนของคริสตจักรคาทอลิกกล่าวไว้ว่า: “การหลอกลวงของพวกต่อต้านพระคริสต์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างในโลกทุกครั้งที่มีการอ้างเพื่อให้ตระหนักในประวัติศาสตร์ว่าความหวังของพระเมสสิยาห์ซึ่งสามารถรับรู้ได้นอกเหนือจากประวัติศาสตร์ผ่านการตัดสินโลกาวินาศเท่านั้น ศาสนจักรปฏิเสธแม้กระทั่งรูปแบบที่ดัดแปลงของการปลอมแปลงอาณาจักรนี้…ภายใต้ชื่อลัทธิพันปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปแบบทางการเมืองที่ ‘วิปริตภายใน’ ของลัทธิเมสเซียนทางโลก” (#676; ดูเพิ่มเติมที่ #675) สำหรับแนวทางปฏิบัติทางจิตวิญญาณซึ่งพบได้ทั่วไปในขบวนการยุคใหม่ คำสอนกล่าวว่า: “การทำนายทุกรูปแบบจะต้องถูกปฏิเสธ: การขอความช่วยเหลือจากซาตานหรือปีศาจ การเสกคนตายหรือการปฏิบัติอื่นๆ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับดวงชะตา โหราศาสตร์ ดูลายมือ ตีความหมายของลางบอกเหตุต่างๆ ปรากฏการณ์ของการมีตาทิพย์ และการขอความช่วยเหลือจากคนทรง ล้วนปกปิดความปรารถนาที่จะมีอำนาจเหนือกาลเวลา ประวัติศาสตร์ และในการวิเคราะห์ครั้งล่าสุด มนุษย์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ความปรารถนาที่จะ ประนีประนอมพลังที่ซ่อนอยู่ พวกเขาขัดแย้งกับเกียรติ ความเคารพ และความรักความกลัวที่เราเป็นหนี้ต่อพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว” (#2116; ดู #2117 ด้วย)

วิญญาณที่หลงผิดและหิวโหยทางจิตวิญญาณที่ติดตามนิวเอจ นักโลกาภิวัตน์ และครูในอุดมคติ คือแต่ละคนและทุกคนที่พระคริสต์สิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์เพื่อพระคริสต์ พระคริสต์ทรงปรารถนาให้ทุกคนได้รับความรอด เป็นงานทางจิตวิญญาณแห่งความเมตตาที่จะเตือนผู้คนที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเหล่านี้ว่าพวกเขากำลังรีบวิ่งไปที่ขอบหน้าผาทางวิญญาณอย่างไม่ประมาท

บรรณานุกรม

บันทึก:การอ้างอิงเอกสารทางอินเทอร์เน็ตอ้างอิงจากงานวิจัยที่ทำขึ้นระหว่างเดือนกันยายน 2540 ถึงมกราคม 2543 การอ้างอิงเว็บมีความถูกต้อง ณ เวลาที่เข้าถึงหน้าเว็บแต่ละหน้า อย่างไรก็ตาม เอกสารบางรายการอาจถูกย้ายไปยังเว็บไซต์อื่น หรืออาจถูกลบออกจากเว็บไซต์ทั้งหมด

[1] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, ฉบับที่. II – Anthropogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” p. 515
[2] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, ฉบับที่. II – Anthropogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” p. 420
[3] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, ฉบับที่. II – Anthropogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” p. 421 เชิงอรรถ
[4] เอช. พี. บลาวัตสกี, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, Vol. I – Cosmogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” หน้า 410-411
[5] Nicholas Goodrick-Clarke, The Occult Roots of Nazism, สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก, 1992
[6] 6 โรงเรียนโรเบิร์ต มุลเลอร์, คู่มือหลักสูตรแกนกลางโลก (ภาพรวม), 2529, อาร์ลิงตัน, เท็กซัส, คำนำหน้า
[7] Corinne McLaughlin และ Gordon Davidson, Spiritual Politics: Change the World from the Inside Out, Ballantine Books, 1994, ISBN 0-345-36983-1, ปกหน้ารับรอง
[8] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Conscious Evolution: Awakening the Power of Our Social Potential, New World Library, Novato, California, 1998, ISBN 1-57731-016-0, p. 216
[9] บุ๊กมาร์กของ Lucis Trust; นอกจากนี้ในหน้า vii ของ Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations, Lucis Publishing Company, New York, 1960, ISBN 0-85330-122-0
[10] ที่คั่นหนังสือ Lucis Trust; นอกจากนี้ในหน้า vii ของ Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations, Lucis Publishing Company, New York, 1960, ISBN 0-85330-122-0
[11] Robert Gilman, “Between Order and Chaos: An Interview with David Spangler,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.context.org/ICLIB/IC34/Spangler.htm, p. 1
[12] Rudolf Steiner Foundation, “Client Profiles,” Internet document, http://www.rsfoundation.org/clientprofiles/projectdescriptions.html, p. 1
[13] Lucis Trust, “Transition Activities: The United Religions Initiative,” World Goodwill, vol. 1, 2542; เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lucistrust.org/goodwill/wgnl991.shtml, p. 21; ลูซิส ทรัสต์, “อัญเชิญพระวิญญาณแห่งสันติภาพ,” World Goodwill, vol. 3, 2542; เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lucistrust.org/goodwill/wgnl993.shtml, p. 2
[14] Matthew Fox, The Coming of the Cosmic Christ: The Healing of Mother Earth and the Birth of a Global Renaissance, Harper San Francisco, 1988, ISBN 0-06-062915-0, p. สิบเอ็ด
[15] รายชื่อผู้บริจาค นิตยสาร Grace Cathedral ฤดูใบไม้ผลิ 1995 หน้า 9; ครอบคลุมการบริจาคเพื่อแคมเปญทุนของมหาวิหาร ณ วันที่ 1 มีนาคม 1995; Rockefeller บริจาคเงินอย่างน้อย 10,000 ดอลลาร์ ตามรายชื่อนี้
[16] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Conscious Evolution: Awakening the Power of Our Social Potential, New World Library, Novato, California, 1998, ISBN 1-57731-016-0, p. viii
[17] State of the World Forum, “Our Common Enterprise – Participants,” Internet document, http://www.worldforum.org/news-events/oce_participants.html, p. 1
[18] State of the World Forum, “Our Common Enterprise – Participants,” Internet document, http://www.worldforum.org/news-events/oce_participants.html, p. 9
[19] State of the World Forum, 1999 โบรชัวร์เชิญเข้าร่วม State of the World Forum ประจำปีครั้งที่ 5, รายชื่อประธานร่วม, p. 3
[20] Case Western Reserve University, “Global Excellence in Management,” Internet document, http://www.nexxus.som.cwrv.edu/gem, หน้า 3-4
[21] เจมส์ เกรกอรี ลอร์ด, “What more can high education be to social,” Internet document, http://www.university.org, p. 2
[22] Taos Institute, “การให้คำปรึกษา” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.serve.com/taos/consult.html, หน้า 1-2
[23] Taos Institute, “Conferences and Workshops: In the Past,” Internet document, http://www.serve.com/taos/conference.html, pp. 1-2
[24] Taos Institute, “เกี่ยวกับผู้ก่อตั้ง: เพื่อแนะนำผู้ก่อตั้งสถาบัน Taos โดยย่อ,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.serve.com/taos/founder.html, p. 1
[25] Dennis Delman, “United Religions Initiative Advances with Appreciative Inquiry” Pacific Church News, กุมภาพันธ์/มีนาคม 1998, p. 22. วงรีทั้งหมดเป็นไปตามที่กำหนดในบทความต้นฉบับ
[26] H. P. Blavatsky, Isis เปิดตัว: Vol. I, Science, The Theosophical Publishing House, Wheaton, Illinois, original edition 1877, “new edition, revised and Corrected, and with more material, 1972,” ISBN 0-8356-0193-5, p. 639
[27] Wittenberg Center for Alternative Resources, “The Course: Survival & Empowerment for the Twenty-First Century,” Internet document, http://www.balpoint.com/wicar/survival.htm, pp. 1, 2
[28] Wittenberg Center for Alternative Resources, “The Course: Survival & Empowerment for the Twenty-First Century,” Internet document, http://www.balpoint.com/wicar/survival.htm, p. 1
[29] Wittenberg Center for Alternative Resources, “The Course: Survival & Empowerment for the Twenty-First Century,” Internet document, http://www.balpoint.com/wicar/survival.htm, p. 1
[30] Wittenberg Center for Alternative Resources, “Interfaith Seminary Program,” http://www.balpoint.com/wicar/seminary.htm, p. 2
[31] Wittenberg Center for Alternative Resources, “Board of Directors,” Internet document, http://www.balpoint.com/wicar/director.htm, p. 1
[32] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Conscious Evolution: Awakening the Power of Our Social Potential, New World Library, Novato, California, 1998, ISBN 1-57731-016-0, p. 212
[33] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, The Revelation: A Message of Hope for the New Millennium, Nataraj Publishing, Novato, CA, 1995, ISBN 1-882591-21-6, p. 312
[34] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 3, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1998; ไอ 1-57174-103-8; หน้า 350
[35] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 40
[36] Alice A. Bailey, The Reappearance of the Christ, Lucis Publishing Company, New York, 1948; ISBN 0-85330-114-X หน้า 9
[37] Hanna Rosin, “Beyond 2000: Many Shape Unique Religions at Home,” Washington Post, 18 มกราคม 2000, p. A1
[38] บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, The Book of Co-Creation Part II – The Promise Will Be Kept: The Gospels, The Acts, the Epistles, Foundation for Conscious Evolution, San Rafael, California, 1993 (ตีพิมพ์เป็นการส่วนตัว), p. 143
[39] David Spangler, Reflections on the Christ, Findhorn Lecture Series, 3rd ed., 1981; ISBN 0-905249-52-6, น. 54
[40] David Spangler, Towards a Planetary Vision, Findhorn Publications, 2nd ed. 2523; ISBN 0-905249-49-6, น. 75
[41] บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, The Book of Co-Creation Part II – The Promise Will Be Kept: The Gospels, The Acts, the Epistles, Foundation for Conscious Evolution, San Rafael, California, 1993 (ตีพิมพ์เป็นการส่วนตัว), p. 172
[42] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Happy Birth Day Planet Earth: The Instant of Co-Operation, Ocean Tree Books, Santa Fe, New Mexico, 1986; ไอ 0-943734-08-8; หน้า 22
[43] Barbara Marx Hubbard, The Revelation: A Message of Hope for the New Millennium, Nataraj Publishing, Novato, CA, 1995, ISBN 1-882591-21-6, p. 187
[44] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 57
[45] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, Vol. II – Anthropogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” p. 513
[46] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 3, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1998; ไอ 1-57174-103-8; หน้า 10-11
[47] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, ฉบับที่ I – Cosmogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” p. 70
[48] ​​Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 174
[49] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 174
[50] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, ฉบับที่ II – Anthropogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” p. 243
[51] อลิซ เอ. เบลีย์, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9; หน้า 118
[52] David Spangler, Reflections on the Christ, Findhorn Lecture Series, 3rd ed., 1981; ISBN 0-905249-52-6, น. 37
[53] David Spangler, Reflections on the Christ, Findhorn Lecture Series, 3rd ed., 1981; ISBN 0-905249-52-6, น. 45
[54] David Spangler, Reflections on the Christ, Findhorn Lecture Series, 3rd ed., 1981; ISBN 0-905249-52-6, น. 44
[55] David Spangler, Reflections on the Christ, Findhorn Lecture Series, 3rd ed., 1981; ISBN 0-905249-52-6, น. 45
[56] G.K. Chesterton, Orthodoxy, Image Books, 1959, ISBN 0-385-01536-4, p. 76 [57] อลิซ เอ. เบลีย์, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9; หน้า 603
[58] Alice A. Bailey, Esoteric Healing – Volume IV: A Treatise on the Seven Rays, Lucis Publishing Company, New York, 1953, p. 393
[59] บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, The Book of Co-Creation Part II – The Promise Will Be Kept: The Gospels, The Acts, the Epistles, Foundation for Conscious Evolution, San Rafael, California, 1993 (ตีพิมพ์เป็นการส่วนตัว), p. 246
[60] โรเบิร์ต มุลเลอร์, New Genesis: Shaping a Global Spirituality, World Happiness and Cooperation, P.O. กล่อง 1153, Anacortes, Washington 98221, 1993, ISBN 1-880455-04-8, p. 191
[61] J. Gordon Melton, Jerome Clark, Aidan A. Kelly, New Age Encyclopedia, Gale Research Inc., Detroit, First Edition, ISSN 1047-2746; หน้า 428
[62] David Spangler, Reflections on the Christ, Findhorn Lecture Series, 3rd ed., 1981; ISBN 0-905249-52-6 หน้า 10-11 39-4
[63] David Spangler, Reflections on the Christ, Findhorn Lecture Series, 3rd ed., 1981; ISBN 0-905249-52-6, น. 107
[64] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 3, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1998; ไอ 1-57174-103-8; หน้า 201
[65] Alice A. Bailey, Esoteric Healing – Volume IV: A Treatise on the Seven Rays, Lucis Publishing Company, New York, 1953, หน้า 392-393
[66] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 35
[67] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 42
[68] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 42
[69] David Spangler, “Excerpts from Conversations With John,” Internet document, http://www.oz.net/jz/spiritaa.html, p. 5
[70] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 54
[71] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p. 135
[72] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 144
[73] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 753
[74] David Spangler การจินตนาการใหม่ของโลก: การวิพากษ์วิจารณ์ยุคใหม่ วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมสมัยนิยม: การประชุมภาคฤดูร้อนของ Chinook ของ David Spangler และ William Irwin Thompson, กรกฎาคม 1988 และ 1989; Bear & Company Publishing, ซานตาเฟ่, นิวเม็กซิโก, 2534; ISBN 0-939680-92-0, น. 132
[75] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 3, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1998; ไอ 1-57174-103-8; หน้า 9
[76] Barbara Marx Hubbard, The Revelation: A Message of Hope for the New Millennium, Nataraj Publishing, Novato, CA, 1995, ISBN 1-882591-21-6, p. 281
[77] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 174
[78] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 98
[79] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 79
[80] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 167
[81] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 105
[82] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Conscious Evolution: Awakening the Power of Our Social Potential, New World Library, Novato, California, 1998, ISBN 1-57731-016-0, p. 208
[83] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 97
[84] บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, The Book of Co-Creation Part II – The Promise Will Be Kept: The Gospels, The Acts, the Epistles, Foundation for Conscious Evolution, San Rafael, California, 1993 (ตีพิมพ์เป็นการส่วนตัว), p. 60
[85] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Conscious Evolution: Awakening the Power of Our Social Potential, New World Library, Novato, California, 1998, ISBN 1-57731-016-0, p. 205
[86] บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, The Revelation: A Message of Hope for the New Millennium, Nataraj Publishing, Novato, CA, 1995, ISBN 1-882591-21-6, pp. 313-314; วงรีแสดงถึงคำอธิบายของฮับบาร์ดเกี่ยวกับแต่ละวลีของคำอธิษฐานของเธอ และตัวเอนในคำอธิษฐานเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในข้อความต้นฉบับ
[87] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 3, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1998; ไอ 1-57174-103-8; หน้า 366.
[88] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 754
[89] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p. 558, เชิงอรรถ
[90] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p. 548
[91] Alice A. Bailey, Esoteric Healing – Volume IV: A Treatise on the Seven Rays, Lucis Publishing Company, New York, 1953; หน้า 265-266
[92] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 753
[93] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p. 78
[94] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 635
[95] รายได้ Betsy Stang (Wittenberg Center for Alternative Resources), สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดย Lee Penn, 12/10/97
[96] Jorge Aquino (หน่วยข่าวศาสนา), “A Bold Attempt to Close Breach Between Religions,” San Jose Mercury News, p. 11-จ 29 มิถุนายน 2539; เอกสารอินเทอร์เน็ตหน้า 2
[97] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 1942, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[98] Robert Muller และ Douglas Roche, Safe Passage to the Twenty-First Century: The United Nations' Quest for Peace, Equality, Justice, and Development, Continuum (A Global Education Associates Book), New York, 1995, ISBN 0- 8264-0866-4 น. 28
[99] State of the World Forum, “A New Spirituality,” บทความเกี่ยวกับการนำเสนอของ Dr. Jim Garrison ต่อ State of the World Forum ปี 1998; เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.worldforum98.org/spirit/article_spirit_.html, pp. 2-3
[100] State of the World Forum, “A New Spirituality,” บทความเกี่ยวกับการนำเสนอของ Dr. Jim Garrison ต่อ State of the World Forum ปี 1998; เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.worldforum98.org/spirit/article_spirit_.html, p. 3
[101] H. P. Blavatsky, Isis เปิดตัว: Vol. II, Theology, The Theosophical Publishing House, Wheaton, Illinois, original edition 1877, “new edition, revised and corrected, and with more material, 1972, 1972,” ISBN 0-8356-0193-5, คำนำถึง part II, หน้า iv
[102] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, ฉบับที่ II – Anthropogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” หน้า 377-378
[103] Fred Matser, “Nature Is My God,” บทสัมภาษณ์ของ Mikhail Gorbachev, Resurgence 184, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.gn.apc.org/resurgence/184/gorbachev.htm, p. 3
[104] โรเบิร์ต มุลเลอร์, New Genesis: Shaping a Global Spirituality, World Happiness and Cooperation, P.O. กล่อง 1153, Anacortes, Washington 98221, 1993, ISBN 1-880455-04-8, p. 49
[105] H. P. Blavatsky, Isis เปิดตัว: Vol. I, Science, The Theosophical Publishing House, Wheaton, Illinois, original edition 1877, “new edition, revised and Corrected, and with more material, 1972,” ISBN 0-8356-0193-5, p. 613
[106] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, ฉบับที่ II – Anthropogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” หน้า 378-379
[107] H. P. Blavatsky, The Secret Doctrine: The Synthesis of Science, Religion, and Philosophy, ฉบับที่ II – Anthropogenesis, Theosophical University Press, 1970, “Verbatim with the Original Edition, 1888,” p. 378
[108] Hilaire Belloc, “The New Paganism,” in Essays of a Catholic, TAN Books and Publishers, Inc., 1931, ISBN 0-89555-463-1, p. 12
[109] Alice A. Bailey, ปัญหาของมนุษยชาติ, Lucis Publishing Company, New York, 1st ed. 2490; รายได้ เอ็ด พ.ศ. 2507 หน้า 140
[110] บิชอปวิลเลียม สวิง, The Coming United Religions, United Religions Initiative and CoNexus Press, 1998, ISBN 0-9637897-5-9; หน้า 59
[111] H. P. Blavatsky, Isis เปิดตัว: Vol. I, Science, The Theosophical Publishing House, Wheaton, Illinois, original edition 1877, “new edition, revised and Corrected, and with more material, 1972,” ISBN 0-8356-0193-5, p. 639
[112] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, pp. 112-131 545-546
[113] Colleen O'Connor, “Uniting Religions: Bishop Swing พูดถึงการก่อการร้ายทางศาสนา ระเบิดปรมาณู และเหตุใดเราจึงต้องมี United Religions ในตอนนี้” เอกสารอินเทอร์เน็ต http://www.gracecathedral.org/enrichment/interviews/index .shtml หน้า 2
[114] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p 510; “คำทำนายที่ชาญฉลาด” ของ Blavatsky ดูเหมือนจะเป็นคำกล่าวที่ว่า “ในศตวรรษที่ 20 สาวกบางคนที่มีความรู้มากกว่าและเหมาะสมกว่ามาก อาจถูกส่งโดยปรมาจารย์แห่งปัญญาเพื่อให้หลักฐานขั้นสุดท้ายและหักล้างไม่ได้ว่า … เช่นเดียวกับแหล่งข้อมูลที่ครั้งหนึ่งเคยลึกลับ ของแม่น้ำไนล์ แหล่งที่มาของศาสนาและปรัชญาทั้งหมดที่โลกรู้จักในขณะนี้ถูกลืมและสูญหายไปนานหลายชั่วอายุคน แต่ในที่สุดก็ถูกค้นพบ” (Blavatsky, The Secret Doctrine, Vol. 1, p. xxxviii; Internet document, http://www.theosociety.org/pasadena/sd/sd1-0-in.htm)
[115] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p. 202
[116] Alice A. Bailey, The Destiny of the Nations, Lucis Publishing Company, New York, 1949; หน้า 152
[117] โรเบิร์ต มุลเลอร์ พันธสัญญาของฉันต่อสหประชาชาติ: การมีส่วนร่วมครบรอบ 50 ปีของสหประชาชาติ ความสุขของโลกและความร่วมมือ ป.อ. กล่อง 1153, Anacortes, Washington 98221; ISBN 1-880455-07-2, น. 4
[118] Alice A. Bailey, ปัญหาของมนุษยชาติ, Lucis Publishing Company, New York, 1st ed. 2490; รายได้ เอ็ด พ.ศ. 2507 หน้า 159
[119] David Spangler การจินตนาการใหม่ของโลก: การวิพากษ์วิจารณ์ยุคใหม่ วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมสมัยนิยม: การประชุมภาคฤดูร้อนของ Chinook ของ David Spangler และ William Irwin Thompson, กรกฎาคม 1988 และ 1989; Bear & Company Publishing, ซานตาเฟ่, นิวเม็กซิโก, 2534; ISBN 0-939680-92-0, น. 127
[120] Barbara Marx Hubbard, Conscious Evolution: Awakening the Power of Our Social Potential, New World Library, Novato, California, 1998, ISBN 1-57731-016-0, pp. 89-90
[121] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 109
[122] David Spangler, Towards a Planetary Vision, Findhorn Publications, 2nd ed. 2523; ISBN 0-905249-49-6, น. 88
[123] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 3, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1998; ไอ 1-57174-103-8; หน้า 260
[124] บิชอปวิลเลียม สวิง, “What is Missing is a global soul,” Pacific Church News, สิงหาคม/กันยายน 1995, p. 5
[125] Pierre Teilhard de Chardin, Human Energy, แปลโดย J. M. Cohen, Collins, St. Jame’s Place, London, 1969, ผับแห่งแรก พ.ศ. 2505; หน้า 137
[126] Pierre Teilhard de Chardin, “Life and the Planets: What is Happening at this Moment on Earth?” The Future of Man, แปลโดย Norman Denny, Harper & Row, New York and Evanston, 1964, p. 120
[127] Pierre Teilhard de Chardin, “A Great Event Foreshadowed: the Planetisation of Mankind,” The Future of Man, แปลโดย Norman Denny, Harper & Row, New York and Evanston, 1964, หน้า 124-125
[128] George Orwell, 1984, New American Library edition, 1961, p. 245
[129] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p. 133
[130] Alice A. Bailey, Education in the New Age, 1954, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-105-0; หน้า 100-1 103-1
[131] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, p. 680
[132] ฟอสเตอร์ เบลีย์, Running God’s Plan, Lucis Publishing Company, New York, 1972, p. 12
[133] ฟอสเตอร์ เบลีย์, Running God’s Plan, Lucis Publishing Company, New York, 1972, หน้า 133-148 12-1
[134] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 126, 13 พฤศจิกายน 1994, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[135] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 126, 13 พฤศจิกายน 1994, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[136] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 1410, 21 พฤษภาคม 1998, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[137] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 1001, 7 เมษายน 1997, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[138] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 315, 21 พฤษภาคม 1995, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[139] George Orwell, 1984, New American Library edition, 1961, p. 8
[140] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 413, 27 สิงหาคม 1995, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[141] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 1377, 18 เมษายน 1998, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.htmlv
[142] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 113, 31 ตุลาคม 1994, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[143] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 114, 1 พฤศจิกายน 1994, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[144] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 94, 12 ตุลาคม 1994, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[145] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 776, 24 สิงหาคม 1996, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[146] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 1634, 30 ธันวาคม 1998, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[147] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 3, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1998; ไอ 1-57174-103-8; หน้า 287
[148] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 141
[149] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 195-196
[150] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 2, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1997; ไอ 1-57174-056-2; หน้า 205
[151] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Conscious Evolution: Awakening the Power of Our Social Potential, New World Library, Novato, California, 1998, ISBN 1-57731-016-0, p. 18
[152] Matthew Fox, The Coming of the Cosmic Christ: The Healing of Mother Earth and the Birth of a Global Renaissance, Harper San Francisco, 1988, ISBN 0-06-062915-0, p. 245
[153] Matthew Fox, The Coming of the Cosmic Christ: The Healing of Mother Earth and the Birth of a Global Renaissance, Harper San Francisco, 1988, ISBN 0-06-062915-0, หน้า 245-246
[154] Aldous Huxley, Brave New World, 1932, Harper Perennial (1989 ed.), ISBN 0-06-080983-3, pp. 232-235 (บทที่ 16)
[155] David Spangler, การสำรวจ: แง่มุมที่เกิดขึ้นใหม่ของวัฒนธรรมใหม่, ชุดการบรรยายของสิ่งพิมพ์ Findhorn, 1980, ISBN 0-905249-41-0; หน้า 68
[156] David Spangler, การสำรวจ: แง่มุมที่เกิดขึ้นใหม่ของวัฒนธรรมใหม่, ชุดการบรรยายของสิ่งพิมพ์ Findhorn, 1980, ISBN 0-905249-41-0; หน้า 106
[157] David Spangler, การสำรวจ: แง่มุมที่เกิดขึ้นใหม่ของวัฒนธรรมใหม่, ชุดการบรรยายของสิ่งพิมพ์ Findhorn, 1980, ISBN 0-905249-41-0; หน้า 107
[158] David Spangler, การสำรวจ: แง่มุมที่เกิดขึ้นใหม่ของวัฒนธรรมใหม่, ชุดการบรรยายของสิ่งพิมพ์ Findhorn, 1980, ISBN 0-905249-41-0; หน้า 72
[159] David Spangler, การสำรวจ: แง่มุมที่เกิดขึ้นใหม่ของวัฒนธรรมใหม่, ชุดการบรรยายของสิ่งพิมพ์ Findhorn, 1980, ISBN 0-905249-41-0; หน้า 72
[160] David Spangler, การสำรวจ: แง่มุมที่เกิดขึ้นใหม่ของวัฒนธรรมใหม่, ชุดการบรรยายของสิ่งพิมพ์ Findhorn, 1980, ISBN 0-905249-41-0; หน้า 72
[161] Pierre Teilhard de Chardin, “The Grand Option,” The Future of Man, แปลโดย Norman Denny, Harper & Row, New York and Evanston, 1964, p. 46
[162] Pierre Teilhard de Chardin, Letters to Two Friends 1926-1952, The New American Library, 1968, หน้า 99-100
[163] Pierre Teilhard de Chardin, จดหมายถึงเพื่อนสองคน 1926-1952, The New American Library, 1968, p. 154
[164] State of the World Forum, “Your Mission,” Internet document, http://www.worldforum.org/mission/index.html, pp. 1-2
[165] มิคาอิล กอร์บาชอฟ, “Toward a New Civilization,” 27 กันยายน 1995, State of the World Forum; เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.well.com/user/wforum/transcripts/keynote/gorbachev1.html, p. 1 (ไม่มีให้บริการออนไลน์อีกต่อไป)
[166] George Cothran, “One World, Under Gorby,” SF Weekly, 31 พฤษภาคม-6 มิถุนายน 1995, Vol. 14 ไม่ 16 หน้า 11
[167] มิคาอิล กอร์บาชอฟ, “A call for new value,” Internet document, http://www.worldtrans.org/whole/gorbachev.html,pp. 1-2
[168] มิคาอิล กอร์บาชอฟ, “A call for new value,” Internet document, http://www.worldtrans.org/whole/gorbachev.html, p. 2
[169] State of the World Forum, “1996 State of the World Forum: Educational Models for the 21st Century – Final Report,” Internet document, http://www.worldforum.org/1996forum/round_education.html, p. 1
[170] State of the World Forum, “1998 Schedule of Events: Friday Roundtables, October 30;” David Pasztor, “Stop the Spread of Nukes – Legalize Dope,” SF Weekly, 4 พฤศจิกายน 1998, ฉบับที่ 17 ไม่ 39, น. 14
[171] State of the World Forum, “1997 State of the World Forum: 'Towards a Compassionate Society in the 21st Century – Final Report',” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.worldforum.org/1997forum/CompassionateSociety.html , หน้า 2
[172] State of the World Forum, “1997 State of the World Forum: 'Toward an Integral Global Paradigm: Honoring Multiple Ways of Know,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.worldforum.org/1997forum/IntegralGlobalParadigm.html, หน้า 2
[173] State of the World Forum, “1997 State of the World Forum: 'Cosmology, Culture, and Social Change – Final Report',” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.worldforum.org/1997forum/CosmologyandCulture.html, หน้า 2
[174] State of the World Forum, “Our Common Enterprise II: The Possibility,” Internet document, http://www.worldforum.org/initiatives/our_common_enterprise_b.html, p. 5
[175] แคมเปญปฏิญญาโลก, “ภาพรวมทางประวัติศาสตร์: II. โครงการปฏิญญาโลก พ.ศ. 2537-2543,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/welcome/overview2.htm, p. 1; “มอริส สตรอง” เอกสารอินเทอร์เน็ต http://www.elsevier.com/inca/homepage/sag/iep/biogms.htm
[176] Green Cross International, “คณะกรรมการ,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.globalgreen.org/bios.html, p. 3
[177] Green Cross International, “Interview,” Los Angeles Times, 8 พฤษภาคม 1997, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www4.gve.ch/gci/GreenCrossFamily/gorby/newspeeches/interviews/laTimes.html, p. 4
[178] The Earth Charter Campaign, “Interview: Maurice Strong on a ‘People’s Earth Charter’,” 5 มีนาคม 1998, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/welcome/mstrong.htm, p. 3
[179] The Earth Charter Campaign, “Historical Overall: I. Historical Background, 1945-1992,” Internet document, http://www.earthcharter.org/welcome/overview.htm, p. 2
[180] The Earth Charter Campaign, “Program for the Earth Charter Millennium Campaign,” Internet document, http://www.earthcharter.org/millennium/index.htm, p. 3
[181] State of the World Forum, “People,” Internet document, http://www.worldforum98.org/people/letter_R.html, p. 4; The Earth Charter Campaign, “Program for the Earth Charter Millennium Campaign,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/millennium/index.htm, p. 3
[182] การรณรงค์ปฏิญญาโลก, “ภาคผนวก 1 – การรณรงค์แห่งสหัสวรรษ: การทำแผนที่ประเทศเป้าหมายที่จะเกี่ยวข้องกับปฏิญญาโลกภายในสิ้นปี 2542,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/millennium/annex1 .htm หน้า 1
[183] ​​Bahá'í International Community, รูปถ่ายของผู้สนับสนุนปฏิญญาโลก, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.onecountry.org/oc84/oc8407cp.html
[184] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter – Benchmark Draft II, เมษายน 1999,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/draft/, p. 1
[185] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter – Benchmark Draft II, เมษายน 1999,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/draft/, p. 1
[186] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter – Benchmark Draft II, เมษายน 1999,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/draft/, p. 4
[187] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter – Benchmark Draft II, เมษายน 1999,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/draft/, p. 6
[188] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter – Benchmark Draft II, เมษายน 1999,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/draft/, p. 3
[189] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter – Benchmark Draft II, เมษายน 1999,” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthcharter.org/draft/, p. 4
[190] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter: The Green Cross Philosophy,” Internet document, http://www.earthcharter.org/report/special/greencross.htm, p. 2
[191] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter: The Green Cross Philosophy,” Internet document, http://www.earthcharter.org/report/special/greencross.htm, p. 3
[192] The Earth Charter Campaign, “The Earth Charter: The Green Cross Philosophy,” Internet document, http://www.earthcharter.org/report/special/greencross.htm, p. 5
[193] Anita Coolidge, “Ecology: The ultimate democracy – A report from the State of the World Forum,” San Diego Earth Times, พฤศจิกายน 1995, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.sdearthtimes.com/et1195/et1195s3.html , หน้า 3
[194] Pranay Gupte, “มอริซ สตรอง: การเข้าถึงกลุ่มผู้เลือกตั้งในวงกว้างสำหรับสหัสวรรษ” Earth Times News Service; เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.earthtimes.org/trustees21/trustees21mauricestrongfeb21_98.htm, p. 4
[195] World Economic Forum, 1997 ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับที่ 5, “ผู้นำธุรกิจ นักการเมือง และผู้แสดงความคิดเห็นรวมตัวกันในดาวอสเพื่อกำหนดวาระระดับโลก” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.weforum.org/basic/press/am97/97ampr20.htm, p. 3
[196] Tad Szulc, “หนึ่งในการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก,” Forbes, 2 ธันวาคม 1996, p. 79l แอนน์ สวอร์ดสัน “The Cost of Doing Business Extends to Davos,” Washington Post, 24 มกราคม 2000, p. A15
[197] World Economic Forum, 1997 ข่าวประชาสัมพันธ์หมายเลข 5, “ผู้นำธุรกิจ นักการเมือง และผู้แสดงความคิดเห็นรวมตัวกันในดาวอสเพื่อกำหนดวาระระดับโลก” เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.weforum.org/basic/press/am97/97ampr20.htm, หน้า 1-3
[198] Tad Szulc, “หนึ่งในการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก,” Forbes, 2 ธันวาคม 1996, p. 68
[199] Alice A. Bailey, Education in the New Age, 1954, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-105-0, หน้า 195-198 111-1
[200] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Happy Birth Day Planet Earth: The Instant of Co-Operation, Ocean Tree Books, Santa Fe, New Mexico, 1986; ISBN 0-943734-08-8, หน้า 26-27
[201] David Spangler, Revelation: The Birth of a New Age, Lorian Press, 1976 (การพิมพ์ Lorian Press ครั้งที่ห้า 1984), ISBN 0-936878-00-2, p. 89
[202] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, pp. 1-11 553-554
[203] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, pp. 553-554
[204] Alice A. Bailey, The Rays and the Initiations: Volume V, A Treatise on the Seven Rays, 1960, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-122-0, pp. 75-7
[205] Alice A. Bailey, Education in the New Age, 1954, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-105-0, หน้า 107-111 111-1
[206] Alice A. Bailey, Education in the New Age, 1954, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-105-0, หน้า 195-196 111-1
[207] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, pp. 107-111 497-4
[208] Barbara Marx Hubbard, The Revelation: A Message of Hope for the New Millennium, Nataraj Publishing, Novato, CA, 1995, ISBN 1-882591-21-6, p. 43
[209] David Spangler, Revelation: The Birth of a New Age, Lorian Press, 1976 (พิมพ์ Lorian Press ครั้งที่ห้า 1984), ISBN 0-936878-00-2, p. 136
[210] David Spangler, Revelation: The Birth of a New Age, Lorian Press, 1976 (พิมพ์ Lorian Press ครั้งที่ห้า 1984), ISBN 0-936878-00-2, p. 74
[211] Pierre Teilhard de Chardin, “Some Reflections on the Spiritual Repercussions of the Atom Bomb,” The Future of Man, แปลโดย Norman Denny, Harper & Row, New York and Evanston, 1964, p. 147
[212] บิชอปวิลเลียม สวิง, “Opening Address” ในการประชุมสุดยอด URI ปี 1997; เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.united-religions.org/youth/welcome/swingspeech.htm, p. 2
[213] Neale Donald Walsch, Conversations with God: An Uncommon Dialogue, Book 3, Hampton Roads Publishing Company, Inc., 1998; ไอ 1-57174-103-8; หน้า 340
[214] Gordon Davidson, “The Significance of Intergroup Work for the Externalization of the Hierarchy,” Internet document, http://web.ukonline.co.uk/bristol.goodwill/intwork.htm, p. 1
[215] Gordon Davidson, “The Significance of Intergroup Work for the Externalization of the Hierarchy,” Internet document, http://web.ukonline.co.uk/bristol.goodwill/intwork.htm, p. 5
[216] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p. 133
[217] คริสเตน แฟร์ไชลด์, “A Passion for the Possible: An Interview with Jean Houston,” The Spire, Textures 11/04/97, Internet document, http://www.gracecathedral.org/enrichment, p. 4
[218] “Jean Houston On-Line, CountryLiving’s Article – Genius Jean Houston,” Internet document, http://www.jeanhouston.org/articles/genius.jean.html, p. 4
[219] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Conscious Evolution: Awakening the Power of Our Social Potential, New World Library, Novato, California, 1998, ISBN 1-57731-016-0, p. 60
[220] “Interview with William Irwin Thompson,” Internet document, http://www.levity.com/mavericks/thomson.htm, p. 2
[221] “Interview with William Irwin Thompson,” Internet document, http://www.levity.com/mavericks/thomson.htm, pp. 12, 14, 15-16
[222] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 1294, 25 มกราคม 1998, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[223] Alice A. Bailey, The Externalization of the Hierarchy, 1957, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-106-9, p. 618
[224] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Happy Birth Day Planet Earth: The Instant of Co-Operation, Ocean Tree Books, Santa Fe, New Mexico, 1986; ISBN 0-943734-08-8, น. 31
[225] Barbara Marx Hubbard, The Revelation: A Message of Hope for the New Millennium, Nataraj Publishing, Novato, CA, 1995, ISBN 1-882591-21-6, p. 111
[226] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Happy Birth Day Planet Earth: The Instant of Co-Operation, Ocean Tree Books, Santa Fe, New Mexico, 1986; ISBN 0-943734-08-8, น. 23
[227] Barbara Marx Hubbard, The Revelation: A Message of Hope for the New Millennium, Nataraj Publishing, Novato, CA, 1995, ISBN 1-882591-21-6, p. 303
[228] บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, The Book of Co-Creation Part II – The Promise Will Be Kept: The Gospels, The Acts, the Epistles, Foundation for Conscious Evolution, San Rafael, California, 1993 (ตีพิมพ์เป็นการส่วนตัว), p. 299
[229] Robert Muller, 2000 Ideas And Dreams For A Better World, Idea 1748, เอกสารอินเทอร์เน็ต, http://www.lsw.org/ideas/RMideas.html
[230] โรเบิร์ต มุลเลอร์ พันธสัญญาของฉันต่อสหประชาชาติ: การมีส่วนร่วมครบรอบ 50 ปีของสหประชาชาติ ความสุขของโลกและความร่วมมือ ป.อ. กล่อง 1153, Anacortes, Washington 98221; ไอเอสบีเอ็น
1-880455-07-2, หน้า 148-149
[231] David Spangler, Revelation: The Birth of a New Age, Lorian Press, 1976 (พิมพ์ Lorian Press ครั้งที่ห้า 1984), ISBN 0-936878-00-2, p. 164
[232] David Spangler, Revelation: The Birth of a New Age, Lorian Press, 1976 (พิมพ์ Lorian Press ครั้งที่ห้า 1984), ISBN 0-936878-00-2, p. 160
[233] David Spangler, Revelation: The Birth of a New Age, Lorian Press, 1976 (การพิมพ์ Lorian Press ครั้งที่ห้า 1984), ISBN 0-936878-00-2, p. 161
[234] บาร์บาร่า มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, Happy Birth Day Planet Earth: The Instant of Co-Operation, Ocean Tree Books, Santa Fe, New Mexico, 1986; ไอ 0-943734-08-8; หน้า 17
[235] เคิร์สติน มิลเลอร์ “The Story Angels Want Told: An Interview with Nick Bunick,” Psychic Reader, October 1997, Vol. 22 ไม่ 10 หน้า 7
[236] เคิร์สติน มิลเลอร์ “The Story Angels Want Told: An Interview with Nick Bunick,” Psychic Reader, October 1997, Vol. 22 ไม่ 10 หน้า 7
[237] บ็อบ ยัง, “เซนต์. นิค” Willamette Week, Vol. 24 ฉบับที่ 8 23 ธันวาคม 2540 น. หน้า 24
[238] บาร์บารา มาร์กซ์ ฮับบาร์ด, The Book of Co-Creation Part II – The Promise Will Be Kept: The Gospels, The Acts, the Epistles, Foundation for Conscious Evolution, San Rafael, California, 1993 (ตีพิมพ์เป็นการส่วนตัว), p. 120
[239] Alice A. Bailey, Education in the New Age, 1954, Lucis Publishing Company, New York, ISBN 0-85330-105-0, หน้า 107-111 133-136
[240] เวอร์จิเนีย ลี “Science and Spirit: Conversations with Matthew Fox, Ph.D. & Rupert Sheldrake, Ph.D.”, Common Ground, Summer 1997, เวอร์ชั่นอินเทอร์เน็ต; http://www.comngrnd.com/fox.html หน้า 6-7
[241] มิคาอิล กอร์บาชอฟ, “Finding Our Ways Five Years After the Rio Earth Summit,” ส่งให้ Green Cross International เมื่อวันที่ 15 เมษายน 1997 ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.; เอกสารอินเทอร์เน็ต
http://www4.gve.ch/gci/GreenCrossFamil/gorby/newspeeches/Georges%20WashUNI.html หน้า 6
[242] Bahgat Elnadi และ Adel Rifaat, “Interview With Jacques-Yves Cousteau,” The UNESCO Courier, พฤศจิกายน 1991, p. 13
[243] Tracey C. Rembert, “Ted Turner: Billionaire, Media Mogul … And Environmentalist” (Interview), E Magazine, January/February 1999, Volume X, number 1, p. 10
[244] Tracey C. Rembert, “Ted Turner: Billionaire, Media Mogul … And Environmentalist” (บทสัมภาษณ์),
E Magazine มกราคม/กุมภาพันธ์ 2542 เล่ม X หมายเลข 1 หน้า 10
[245] Michael S. Rose, “Feminist Theologian Urges Religious To Find A Way To 'Weed Out People',” The Wanderer, 11 มิถุนายน 1998, p. 1
[246] Ann Sheridan, “CTA Conference Presents The Reality of Unreality,” The Wanderer, 12 พฤศจิกายน 1998, น. 1
[247] David Spangler, Emergence: The Rebirth of the Sacred, Delta/Merloyd Lawrence; หน้า 154-157
[248] David Spangler, Emergence: The Rebirth of the Sacred, Delta/Merloyd Lawrence; หน้า 159
[249] คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก, Image Books/Doubleday edition, 1995, ISBN 0-385-47967-0,
มาตรา 675-676 หน้า 193-194
[250] คำสอนของคริสตจักรคาทอลิก, Image Books/Doubleday edition, 1995, ISBN 0-385-47967-0, หมวด 2116-2117, หน้า 569-570
_______________________________________________________________________________

IV. The Alice Bailey, Lucis Trust ของสหประชาชาติ, The Aquarian Age Community, The New World Religion:

จาก:ขบวนการยุคใหม่/ศาสนา และ NWO

ความน่าเชื่อถือของแสง

Lucis Trust เป็นสำนักพิมพ์ที่พิมพ์และเผยแพร่เนื้อหาของสหประชาชาติ มันเป็นข้อกล่าวหาที่ทำลายล้างธรรมชาติยุคใหม่และนอกรีตของสหประชาชาติ Lucis Trust ก่อตั้งขึ้นในปี 1922 ในชื่อ Lucifer Trust โดย Alice Bailey ในฐานะบริษัทสำนักพิมพ์เพื่อเผยแพร่หนังสือของ Bailey และ Blavatsky และ Theosophical Society หน้าชื่อเรื่องของหนังสือ 'Initiation, Human and Solar' ของอลิซ เบลีย์ พิมพ์ครั้งแรกในปี 1922 และแสดงชื่อสำนักพิมพ์อย่างชัดเจนว่า 'Lucifer Publishing CoIn 1923'

เบลีย์เปลี่ยนชื่อเป็น Lucis Trust เนื่องจาก Lucifer Trust เปิดเผยธรรมชาติที่แท้จริงของ New Age Movement อย่างชัดเจนเกินไป (คอนสแตนซ์ คัมบีย์ อันตรายที่ซ่อนอยู่ของสายรุ้ง หน้า 49) การเดินทางไปร้านหนังสือ New Age อย่างรวดเร็วจะเผยให้เห็นว่าหนังสือ New Age แบบฮาร์ดคอร์หลายเล่มจัดพิมพ์โดย Lucis Trust

ครั้งหนึ่ง สำนักงาน Lucis Trust ในนิวยอร์กตั้งอยู่ที่ 666 United Nations Plaza และเป็นสมาชิกของสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติภายใต้โครงการเรียบๆ ที่เรียกว่า “World Goodwill” ในหนังสือของอลิซ เบลีย์ ชื่อ “การศึกษาสำหรับยุคใหม่”; เธอแนะนำว่าในยุคใหม่ “การเป็นพลเมืองโลกควรเป็นเป้าหมายของผู้รู้แจ้ง โดยมีสหพันธ์โลกและมันสมองของโลก” กล่าวอีกนัยหนึ่ง - ระเบียบโลกใหม่ของรัฐบาลโลกเดียว

Luci's Trust ได้รับการสนับสนุนจาก Robert McNamara อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในสหรัฐอเมริกา ประธานธนาคารโลก สมาชิกมูลนิธิ Rockefeller Foundation และ Thomas Watson (IBM อดีตเอกอัครราชทูตประจำมอสโก) ผู้สนับสนุน Lucis Trust รวมถึงองค์กรต่อไปนี้:

• และ
• กรีนพีซสากล
• กรีนพีซ สหรัฐอเมริกา
• องค์การนิรโทษกรรมสากล
• องค์การยูนิเซฟ

องค์การสหประชาชาติเป็นหนึ่งในผู้ชักใยที่สำคัญที่สุดของโลกสำหรับ "จิตวิญญาณใหม่" และการรวบรวม "ระเบียบโลกใหม่" ตามหลักการลึกลับโบราณและหลักการของฟรีมาโซนิก เจ็ดปีหลังจากการกำเนิดของ UN หนังสือเล่มหนึ่งได้รับการตีพิมพ์โดยนักเทววิทยาและผู้ก่อตั้ง Lucis Trust, Alice Bailey โดยอ้างว่า "หลักฐานของการเติบโตของสติปัญญาของมนุษย์ตามแนวรับที่จำเป็น [สำหรับการเตรียมการใหม่ อายุ] สามารถเห็นได้ใน "การวางแผน" ของประเทศต่าง ๆ และในความพยายามของสหประชาชาติในการกำหนดแผนโลก ... ตั้งแต่เริ่มต้นของการเปิดตัวนี้ ปัจจัยลึกลับสามประการได้ควบคุมการพัฒนาแผนทั้งหมดนี้ " [อลิซบี เบลีย์ การสร้างสาวกในยุคใหม่ (Lucis Press, 1955), Vol. ครั้งที่สอง หน้า 35]

แม้ว่าเธอจะไม่ได้ระบุตัวตนของ 'ปัจจัยลึกลับสามประการ' นี้อย่างชัดเจน แต่เธอก็ได้เปิดเผยกับนักเรียนของเธอว่า "ภายในองค์การสหประชาชาติมีเชื้อและเมล็ดพันธุ์ของกลุ่มผู้ใคร่ครวญและไตร่ตรองที่เป็นสากลที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มของความคิดและ บุรุษและสตรีที่ได้รับการบอกกล่าวซึ่งกุมชะตากรรมของมนุษยชาติไว้ในมือ สิ่งนี้ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของสาวกแห่งรังสีที่สี่จำนวนมาก หากคุณสามารถรับรู้ได้ และจุดที่พวกเขาเพ่งเล็งคือระนาบสัญชาตญาณหรือพุทธะ ซึ่งเป็นระนาบที่จะพบกิจกรรมลำดับชั้นทั้งหมดในวันนี้” [Ibid. น.220]

เพื่อจุดประสงค์นี้ Lucis Trust ภายใต้การนำของ Foster และ Alice Bailey ได้ก่อตั้งกลุ่มที่เรียกว่า 'World Goodwill' ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนอย่างเป็นทางการภายในองค์การสหประชาชาติ จุดมุ่งหมายที่ระบุไว้ของกลุ่มนี้คือ “ให้ความร่วมมือในโลกของการเตรียมการสำหรับการปรากฏอีกครั้งของพระคริสต์” [“One Earth,” นิตยสารของมูลนิธิไฟนด์ฮอร์น, ตุลาคม/พฤศจิกายน 1986, ฉบับที่ 6, ฉบับที่ 6, หน้า 24] แต่งานลึกลับภายใน UN ไม่ได้หยุดอยู่แค่การจัดกลุ่มลึกลับที่เป็นที่รู้จัก แรงผลักดันส่วนใหญ่สำหรับกระบวนการนี้เริ่มต้นผ่านเจ้าหน้าที่ของเลขาธิการสหประชาชาติสองคน Dag Hammarskjöld (ดำรงตำแหน่ง: พ.ศ. 2496-2504) และ U Thant (ดำรงตำแหน่ง: พ.ศ. 2504-2514) ซึ่งรับตำแหน่งแทน และดร. โรเบิร์ต มุลเลอร์ ผู้ช่วยเลขาธิการอีกหนึ่งคน ในหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองปรัชญาของ Teilhard de Chardin (และเรียบเรียงโดย Robert Muller) มีการเปิดเผยว่า "Dag Hammarskjöld นักเศรษฐศาสตร์ชาวนอร์ดิกที่มีเหตุผล ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขาเช่นกันว่าจิตวิญญาณเป็นกุญแจสำคัญสู่ชะตากรรมทางโลกของเราในเวลาและสถานที่” [โรเบิร์ต มุลเลอร์ (เอ็ด), ความปรารถนาที่จะเป็นมนุษย์: การลาดตระเวนทั่วโลกของมุมมองของมนุษย์ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ( มีรานานา, 2526), ​​p.304.]

ศรี ชินมอย กูรูด้านยุคใหม่ ผู้นำการทำสมาธิแห่งสหประชาชาติ เขียนว่า “สหประชาชาติเป็นเครื่องมือที่พระเจ้าทรงเลือกสรร การเป็นเครื่องมือที่ได้รับเลือกหมายถึงการเป็นผู้ส่งสารจากสวรรค์ที่ถือธงแห่งนิมิตภายในและการสำแดงภายนอกของพระเจ้า”

วิลเลียม แจสเปอร์ ผู้เขียน "A New World Religion" อธิบายถึงศาสนาของสหประชาชาติว่า "...การบรรจบกันที่แปลกประหลาดและโหดร้ายของลัทธิเวทย์มนต์ยุคใหม่ ศาสนาแพนธี ลัทธิแอนิเมชั่นดั้งเดิม อเทวนิยม คอมมิวนิสต์ สังคมนิยม ลัทธิลูซิเฟอร์เรียนไสยศาสตร์ ศาสนาคริสต์นอกรีต อิสลาม ลัทธิเต๋า ศาสนาพุทธและศาสนาฮินดู”.

ที่ http://www.lucistrust.org คุณสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกเขาและวิธีที่พวกเขาเกี่ยวข้องกับงานของสหประชาชาติโดยไปที่ลิงก์ "World Goodwill" ที่ด้านบนสุดของโฮมเพจ

ชุมชน Aquarian Age

เว็บไซต์นี้ได้รับการสนับสนุนจากสหประชาชาติและปรัชญาของ NWO ทั้งหมดอยู่ที่นั่น เพจที่อธิบายการทำงานของ Aquarian Age Community ที่พวกเขาเรียกตัวเองว่ามีคำพูดที่น่าภาคภูมิใจอยู่ที่ส่วนหัวของเพจ:

“ความยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้าแล้ว! ขั้นตอนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้กำลังรอการยืนยันที่ร้อนแรง การสอนของเราและการยืนยันในหลักการที่สูงขึ้นจะเปิดเผยสิ่งที่ยิ่งใหญ่ต่อมนุษยชาติมากมาย!

ช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่กำลังใกล้เข้ามา: ดังนั้นเราจะร่วมกันสร้าง (Fiery World, Vol. III, par. 149).

ในบรรดาหน้า 'ความรู้แจ้ง' จำนวนมากในเว็บไซต์นี้ คุณสามารถค้นหาบทความ 'ที่น่าสนใจ' ที่มีชื่อว่า:

• “ระเบียบโลกใหม่และการทำงานของสหประชาชาติ”
• “ครูทางจิตวิญญาณแห่งโลก ชุมชนลี้ลับ และสหประชาชาติ”
• “การเตรียมหนทางสำหรับการปรากฏขึ้นอีกครั้งของครูทางจิตวิญญาณแห่งโลก งานของสหประชาชาติและชุมชนลึกลับทั่วโลก” และบทความอื่นๆ อีกมากมาย

นี่ไม่ใช่เทววิทยาของคริสเตียน แต่เป็นลัทธินอกศาสนายุคใหม่ คุณยังสามารถอ่านคำพูดของ NWO ที่ฉันโพสต์เพิ่มเติมในหน้านี้ นี่คืออีกบทความหนึ่งโดย Curtis Dall ลูกเขยของ FD Roosevelt ตามที่อ้างถึงในหนังสือของเขา “My Exploited Father in Law:”

“เป็นเวลานานแล้วที่ฉันรู้สึกว่า FDR ได้พัฒนาความคิดและความคิดมากมายที่เป็นของเขาเองเพื่อประโยชน์ของประเทศนี้ ซึ่งก็คือสหรัฐอเมริกา แต่เขาไม่ได้ ความคิดส่วนใหญ่ของเขา กระสุนทางการเมืองของเขา ถูกผลิตขึ้นอย่างระมัดระวังสำหรับเขาล่วงหน้าโดยสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กลุ่ม One World Money... อย่างยอดเยี่ยม ด้วยความเอร็ดอร่อย ราวกับปืนใหญ่ชิ้นดี เขาระเบิดที่เตรียม "กระสุน ” ท่ามกลางเป้าหมายที่ไม่สงสัย คนอเมริกันจึงยอมจ่ายและคืนการสนับสนุนทางการเมืองแบบสากลนิยมของเขา

สหประชาชาติเป็นเพียงเครื่องมือการธนาคารระหว่างประเทศระยะยาวที่จัดตั้งขึ้นอย่างประณีตเพื่อผลกำไรทางการเงินและเศรษฐกิจโดยกลุ่มนักปฏิวัติโลกผู้ทรงอิทธิพลกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งกระหายผลกำไรและอำนาจ…. ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (ครั้งใหญ่) คือ 'การตัดเฉือน' ของประชาชนโดยการคำนวณของมหาอำนาจเงินโลก ซึ่งกระตุ้นโดยแผนการขาดตลาดเงินโทรในตลาดเงินนิวยอร์กอย่างกะทันหัน... ผู้นำรัฐบาลวันเวิลด์และนายธนาคารที่ใกล้ชิดของพวกเขาได้มาถึงแล้ว ได้รับการควบคุมเต็มรูปแบบของเครื่องจักรเงินและสินเชื่อของสหรัฐอเมริกาผ่านการสร้างธนาคารกลางของรัฐบาลกลางที่เป็นของเอกชน”

V. การเชื่อมต่อ Elite-Luciferian เพิ่มเติม:

Alice Bailey และ Lucis Trust- World Goodwill, Master Djwal Khul, the False Light of the World, “Overshadowing” (การครอบครองวิญญาณ), Luciferic Initiation, Bailey’s Planetary Logos

จาก:Lucis Trust, Alice Bailey, World Goodwill and the False Light of the World

ตอนที่ 1 Lucis Trust, Alice Bailey, World Goodwill and...The False Light of the World
โดย Terry Melanson 2544 (ปรับปรุงล่าสุด: 8 พฤษภาคม 2548)

Alice Ann Bailey สาวกชั้นนำของ Madame Helena Blavatsky นักปรัชญาชาวรัสเซีย ก่อตั้ง Lucifer Trust ในปี 1920 ในปี 1922 องค์กรเปลี่ยนชื่อเป็น Lucis Trust แม้ว่าความก้าวหน้าของความเชื่อของ Luciferian ยังคงเป็นจริง เชื่อว่าในคำพูดของ Blavatsky: "ต่อต้านลัทธิวัตถุนิยมของวิทยาศาสตร์และเทววิทยาที่ดันทุรังทุกข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสเตียนซึ่งหัวหน้าของสังคมถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง"

Lucis Trust ประกาศใช้ผลงานของ "Ascended Master" ซึ่งทำงาน 'ผ่าน' Alice Bailey เป็นเวลาประมาณ 30 ปี บริษัท สำนักพิมพ์ Lucis Trust และแนวหน้าและองค์กรมากมายของพวกเขาบูชา "ลำดับชั้นภายนอก" ของ "ปรมาจารย์ที่ขึ้นไป" ซึ่งดำเนินงานของ "แผนแม่บท" ของลูซิเฟอร์เพื่อการจัดตั้ง "Age of Aquarius" อย่างถาวรซึ่งปกครองโดย " Sanat Kumara”, “พระเจ้าของโลก.” นี่ไม่ใช่องค์กรลึกลับอัตราที่สามทั่วไป Lucis Trust เป็นสถาบันที่ทรงพลังซึ่งมี "สถานะที่ปรึกษา" กับสหประชาชาติ ซึ่งอนุญาตให้มีความสัมพันธ์ในการทำงานที่ใกล้ชิดกับสหประชาชาติ รวมถึงที่นั่งในการประชุมประจำสัปดาห์ แต่ที่สำคัญที่สุดคือมีอิทธิพลต่อธุรกิจที่มีอำนาจและผู้นำระดับประเทศทั่วทั้ง โลก. Lucis Trust เป็นองค์กรทางการเมืองมากพอๆ กับองค์กรทางศาสนาที่ลึกลับ Lucis Trust ส่งเสริมอุดมการณ์โลกาภิวัตน์อย่างแข็งขัน ก่อตั้ง World Goodwill ซึ่งเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับแวดวงชนชั้นสูงระหว่างประเทศ ผู้เขียนและผู้เข้าร่วมในการประชุมต่าง ๆ อ่านเหมือนใครเป็นใครของคนวงในระดับโลก

ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยความรับผิดชอบของมนุษย์ ซึ่งประกาศในเดือนเมษายน พ.ศ. 2541 เพื่อเป็นเอกสารประกอบกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอันอื้อฉาวของสหประชาชาติ ผู้ลงนามในเอกสารค่าความนิยมโลก:

• เฮลมุท ชมิดท์ อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนีตะวันตก
• มัลคอล์ม ฟราเซียร์ อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
• ชิมอน เปเรซ
• โรเบิร์ต แม็กนามารา
• พอล วอล์คเก้
• จิมมี่ คาร์เตอร์
• ปิแอร์ ทรูโด และอื่นๆ

Lucis Trust ดำเนินการผ่านคณะกรรมการระหว่างประเทศซึ่งเป็นสมาชิกกล่าวกันว่ารวมถึง:

• จอห์น ดี. ร็อคกี้เฟลเลอร์
• ลูกพี่ลูกน้องของนอร์แมน
• โรเบิร์ต เอส. แมคนามารา
• โทมัส วัตสัน จูเนียร์ (ไอบีเอ็ม อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำมอสโก)
• Henry Clauson ผู้บัญชาการสูงสุดของสภาสูงสุด ดีกรี 33 ภาคใต้
อำเภอสก๊อตแลนด์
เฮนรี่ คิสซิงเจอร์

จากนั้นสิ่งนี้จะเชื่อมโยงองค์กรลึกลับที่มีอิทธิพลของ Bailey เข้ากับแผนการสมรู้ร่วมคิดระหว่างประเทศของชนชั้นนำ ซึ่งรวมถึงสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (CFR), Bilderbergs และคณะกรรมาธิการไตรภาคี ฉันสามารถยืนยันความเชื่อมโยงเหล่านี้บางส่วนผ่านการมีส่วนร่วมของ Lucis Trust ใน Windsor International Bank and Trust Company โดยที่ Windsor Bank ในเว็บไซต์นั้นระบุอย่างชัดเจนว่าเป็น “สมาชิกของ ที่ปรึกษาของ บริษัทในเครือ เพื่อนของ ผู้มีอุปการคุณหรือผู้มีส่วนร่วมกับองค์กรต่างๆ ดังต่อไปนี้”

• กองทุนระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนา
• มูลนิธิฮอลแฟมิลี่
• มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์
• WHO/Habitat For Humanity
• ลูซิส ทรัสต์ (NGO)
• สหประชาชาติ
• สภาป้องกันทรัพยากรแห่งชาติ
• บริษัทมิชชั่นแคปปิตอล
• วงนักลงทุน
• มูลนิธิโคคา-โคลา
• มิตรภาพเพื่อการศึกษานานาชาติ
• สำนักงานการเงินระหว่างประเทศ
• ศูนย์นานาชาติเพื่อความก้าวหน้าทางการศึกษา
• กองทุนเพื่อเด็กคริสเตียน (ทั่วโลก)
• BAMPAC (ปฏิบัติการทางการเมืองของอเมริกาผิวดำ)
• สามัคคีธรรมเพื่อความสมานฉันท์
• สถาบันแห่งชาติเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
• สมาคมระหว่างประเทศเพื่อความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม
• สหพันธ์สัตว์ป่าโลก
• สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (CFR)
• คาริคอม
• นาฟตา
• เมอร์โคซอร์
• สภาประเทศเกิดใหม่
• Freedom Communications, Inc.
• สถาบันยุโรป (นิตยสารต่างประเทศ)
• สมาคมสหประชาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา
• NAACP (สมาคมคนผิวสีแห่งชาติ)
• กองทุนสงเคราะห์การกุศลพระราชมรดก

การพัฒนาที่สำคัญ

หลังจากที่ฉันโพสต์การค้นพบนี้ Windsor Bank ได้เปลี่ยนเพจทันทีและลบร่องรอยการเชื่อมต่อทั้งหมดที่ฉันเปิดเผยด้านบน ในขณะที่เขียนนี้พวกเขาไม่มีสถานะทางเว็บอีกต่อไป ฉันสามารถกอบกู้สำเนา – ต้องขอบคุณแคชของ Google – ของหน้าที่ปรากฏเมื่อฉันเขียนสิ่งนี้ Lucis Trust เปิดเผย: นี่คือต้นฉบับ แง่มุมหนึ่งที่น่ารำคาญคือการกำหนดเป้าหมายที่โจ่งแจ้งของเด็ก Lucis Trust กำกับกิจกรรมที่เรียกว่า Triangles in Education ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกลุ่มต่างๆ ที่ "มีส่วนร่วมในงานวางรากฐานสำหรับการศึกษาใหม่" ตาม Bailey นี่เป็นส่วนหนึ่งของงานโดยรวมของ New Group of World Servers” กลุ่มคนงานที่เชื่อฟังและผู้เสิร์ฟของ WORD”

คำนี้เป็นคำสอนของปรมาจารย์ Djwhal Khul ช่องทางของเธอผ่านงานลึกลับมากมายของเธอ (อลิซเบลีย์) “คำนี้” ยังได้รับการเอาใจใส่จากบุคคลเช่น Robert Muller อดีตผู้ช่วยเลขาธิการสหประชาชาติและผู้ได้รับรางวัล UNESCO Prize for Peace Education ในปี 1989 จากหลักสูตรแกนโลกของเขา

เขาพูดว่า,

“ปรัชญาพื้นฐานที่โรงเรียน Robert Muller ตั้งอยู่นั้นจะพบได้ในการสอนที่กำหนดไว้ในหนังสือของ Alice A. Bailey โดยครูชาวทิเบต Djwhal Khul”

โอเวอร์แชโดว์

Alice Bailey เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2423 ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

เธอถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ ซึ่งเธอจะกล่าวในภายหลัง ทำให้เธอไม่มีความสุขและกลายเป็นสาวน้อยอารมณ์ร้าย “ชีวิตไม่คุ้มค่าที่จะอยู่” เธอกล่าว และความรู้สึกไร้ค่าและความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับชีวิตและความตายทำให้เธอพยายามฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้งก่อนที่เธอจะอายุ 15 ปีด้วยซ้ำ ตอนอายุสิบห้า การเผชิญหน้าอย่างลึกลับครั้งแรกของเธอเกิดขึ้นในขณะที่ครอบครัวของเธอไปโบสถ์ ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสืออยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งสวมผ้าโพกหัวเข้ามาในห้องของเธอ ตกใจและไม่สามารถพูดอะไรได้สักคำ - ตัวละครนอกสถานที่ที่ชัดเจนในศตวรรษที่ 19 แมนเชสเตอร์ - คนแปลกหน้าคนนี้พูดกับเธอ:

“เขาบอกฉันว่ามีงานบางอย่างที่วางแผนไว้ว่าฉันจะทำได้ในโลกนี้ แต่นั่นจะทำให้นิสัยของฉันเปลี่ยนไปอย่างมาก ฉันจะต้องเลิกเป็นสาวน้อยที่ไม่น่ามองและต้องพยายามควบคุมตนเองให้ได้ระดับหนึ่ง

ประโยชน์ในอนาคตของฉันต่อพระองค์และต่อโลกขึ้นอยู่กับวิธีที่ฉันจัดการกับตัวเองและการเปลี่ยนแปลงที่ฉันสามารถจัดการได้ เขาบอกว่าถ้าฉันสามารถควบคุมตนเองได้อย่างแท้จริง ฉันก็จะไว้ใจได้ และฉันจะเดินทางไปทั่วโลกและเยี่ยมชมหลายประเทศ "ทำงานของอาจารย์ตลอดเวลา"...

เขาเสริมว่าพระองค์จะทรงติดต่อกับข้าพเจ้าทุกช่วงห่างกันเจ็ดปี”

Alice Bailey - อัตชีวประวัติที่ยังไม่เสร็จ, 1951, Lucis Trust

นี่เป็นการติดต่อครั้งแรกของอลิซ เบลีย์กับมาสเตอร์คูต ฮูมิของเธอ การติดต่อเหล่านี้กับ "หัวหน้าหน่วยลับ"; “วิญญาณที่คุ้นเคย”; "เทวดา"; และ "ปรมาจารย์ที่เสด็จสู่สวรรคาลัย" เป็นหัวข้อทั่วไปในพงศาวดารของประวัติศาสตร์ และเป็นต้นกำเนิดของการเคลื่อนไหวทางศาสนา การพยากรณ์ และไสยศาสตร์มากมายตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา

Zoroaster, Mohammed, John Dee, Francis Bacon, Aleister Crowley, Helena Blavatsky, Joseph Smith, Edgar Cayce และ Benjamin Creme ขึ้นมาทันที ในปี พ.ศ. 2460 หลังจากการแต่งงานครั้งแรกของเธอแยกทางกัน เธอย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเธอได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคำสอนของเทวปรัชญา ในช่วงเวลานี้เองที่เธอได้พบและแต่งงานกับ Foster Bailey สามีของเธอ (สมาชิก Rite Freemason ชาวสกอตแลนด์ระดับ 33)

เธอกลายเป็นนักเรียนที่ดี ไม่นานเบลีย์ก็ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งและกลายเป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ American Theosophists

“ในช่วง 125 ปีที่ผ่านมา ผู้นำยุคใหม่ทั่วโลกได้ติดตามแสงสว่างที่ผิดพลาดของเทวปรัชญา ตอนนี้พวกเขากระซิบคำโกหกหวานใส่หูผู้มีอำนาจ – นักการเมือง, เจ้าพ่อสื่อ, เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ, ผู้ให้ทุนมูลนิธิและบาทหลวงชาวอังกฤษ ในขณะที่ตะวันตกเคลื่อนเข้าสู่ยุคหลังคริสต์ศักราช อิทธิพลของขบวนการยุคใหม่ก็เพิ่มมากขึ้น”

เพนน์ ลี – การเปิดเผยอย่างครอบคลุมของขบวนการยุคใหม่

การเผชิญหน้ากับ "ปรมาจารย์" คนที่สองที่เป็นเวรเป็นกรรมของเธอ - และในไม่ช้าก็จะได้เป็นหุ้นส่วนนักเขียนสำหรับขบวนการลึกลับระหว่างประเทศ - เกิดขึ้นในปี 2462 ขณะที่มีช่วงเวลาที่เงียบสงบบนเนินเขาใกล้กับบ้านของเธอ เธอได้ยินเสียงดนตรีดังขึ้นทุกที่ ตามด้วยเสียง (Djwhal Khul) ที่ถามเธอว่าเธอเต็มใจที่จะเขียนหนังสือบ้างไหม หลังจากปฏิเสธโดยบอกว่าเธอจะไม่เข้าร่วมการฝึกพลังจิตใด ๆ เสียงนั้นให้เวลาเธอพิจารณาใหม่สามสัปดาห์ อลิซลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเมื่อเสียงนั้นปรากฏขึ้นตามกำหนด

ตกลงที่จะทดลองเขียนบทแรกของ “Initiation, Human and Solar” สักสองสามสัปดาห์ หลังจากนั้นประมาณหนึ่งเดือน อลิซก็เริ่มกลัว ไม่ยอมทำงานอีกต่อไป อาจารย์ Djwhal Khul บอกให้เธอหารือกับอาจารย์ Koot Humi ของเธอ คูต ฮูมิสารภาพว่า แท้จริงแล้วเขาเป็นคนบอกให้ดีเคติดต่อเธอ และเขาอนุญาตให้อลิซดำเนินการต่อ – หลังจากให้เทคนิคที่เหมาะสมแก่นางเบลีย์ในการปรับปรุงการสื่อสารทางกระแสจิต ระหว่างปี พ.ศ. 2462 ถึง พ.ศ. 2492 (การเสียชีวิตของเธอ) เธอผลิตหนังสือ 24 เล่ม รวมถึงอัตชีวประวัติ หนังสือ 19 เล่มในจำนวนนี้เขียนโดยอาจารย์ชาวทิเบต DK (Djwhal Khul) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อลิซ เบลีย์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหาสิ่งที่เธอเรียกว่า "แผน"

(ความคิดเห็นของเว็บมาสเตอร์:ช่วงเวลาที่เบลีย์ “ส่งข่าว” ให้กับ “ปรมาจารย์ Djwhal Khul” (1919-1949) เกิดขึ้นก่อนยุคที่นักวิทยาศาสตร์ในสังกัดของ CIA พัฒนาเทคนิคสำหรับ “กระแสจิตสังเคราะห์” อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นจึงมีเหตุผลที่จะสรุปตามที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเธอเป็นผู้ถ่ายทอดเสียงของปีศาจ ทูตสวรรค์ที่ตกสู่สวรรค์ หรือซาตานเอง)

ผลลัพธ์ที่เกิดและมีอิทธิพลต่อกลุ่ม New Age จำนวนมาก:

• คริสตจักรสากลและชัยชนะ
• The Tara Center ของ Benjamin Creme
• โรงเรียนโรเบิร์ต มุลเลอร์
• วิหารแห่งความเข้าใจ เป็นต้น

เครือข่ายของ 'แสง' - Lucis Trust

• ห้าสิบปีที่สหประชาชาติพลาซ่า
• ปัจจุบันตั้งอยู่ที่วอลล์สตรีทในนิวยอร์ก
• Lucis Trust ให้การสนับสนุนทางการเงินทั่วโลกแก่ Arcane School, Worldค่าความนิยม, Triangles, Lucis Publishing, Lucis Productions, Lucis Trust Libraries และกลุ่มเซิร์ฟเวอร์โลกใหม่
• ดูแลรักษาห้องทำสมาธิขององค์การสหประชาชาติ

โรงเรียนอาคเนย์

โรงเรียนก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2466 เปิดสอนหลักสูตรการทำสมาธิและไสยศาสตร์จากสาขาในนิวยอร์ก เจนีวา ลอนดอน และบัวโนสไอเรส

ความปรารถนาดีของโลก

องค์กรนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2475 และปัจจุบันได้รับการยอมรับจากองค์การสหประชาชาติในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชน ความปรารถนาดีของโลกทำงานโดยตรงกับ "สหพันธ์โลก" และเป็นส่วนหนึ่งของงานเพื่อ "ทำให้ลำดับชั้นออกไปภายนอก" ของ "Illumined Minds" ซึ่งจะนำเข้าสู่ "Age of Maitreya"

สามเหลี่ยม

Triangles ก่อตั้งขึ้นในปี 1937 เป็นชื่อของเครือข่ายเซลล์ทั่วโลก ซึ่งสมาชิกจะสวดภาวนา "การวิงวอนอันยิ่งใหญ่" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันพระจันทร์เต็มดวง เมื่อสมาชิกของ Triangle สามารถได้รับอิทธิพลจากสัญญาณโหราศาสตร์ของจักรราศี

เรายังไม่ได้ขีดข่วนแม้แต่น้อยเกี่ยวกับอิทธิพลของเบลีย์และคำสอนของอาจารย์ของเธอ

ลองดูการเปรียบเทียบโดยนักเขียนสองคนที่พูดถึง World Goodwill ของ Lucis Trust ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบแล้ว จะแสดงให้เห็นทั้งสองด้านของวาระการประชุมของ Lucis การชักใยทางการเมืองไปสู่ระเบียบโลกใหม่ และการชักใยด้วยวิธีลึกลับเพื่อแสดง "แผน" ของ "ลำดับชั้น"

จาก Dark Majesty โดย Texe Marrs หน้า 139-40

กลุ่มภราดรภาพลับได้พัฒนาศิลปะทางสังคมและการเมืองของการสร้างเครือข่ายให้เป็นวิทยาศาสตร์ที่ดี World Goodwill ในจดหมายข่าวปี 1986 ฉบับที่ 2 ได้ระบุรายชื่อกลุ่มต่างๆ ที่เข้าร่วมใน World Service Forum กลุ่มดังกล่าวรวมถึงกลุ่มที่เชื่อมโยงกับศูนย์ World Goodwill ในลอนดอน นิวยอร์ก และเจนีวา

รายการนี้เหลือเชื่ออย่างแน่นอนในขอบเขตของมัน ในลอนดอน กลุ่มที่เข้าร่วมอย่างแข็งขันได้แก่:

• สมาคมแห่งสหประชาชาติ
• ศูนย์ Teilhardt
• International Broadcasting Trust
• ชมรมพุทธศาสตร์
• เครือข่ายวิทยาศาสตร์และการแพทย์
• โบสถ์เซนต์เจมส์ (พิคคาดิลลี)
• วิทยาลัยเอเมอร์สัน
• เครือข่ายวิจัยสุขภาพนานาชาติ
• สภาที่อยู่อาศัยระหว่างประเทศ
• สมาคมชูมัคเกอร์
• มูลนิธิเศรษฐกิจใหม่
• องค์การอนามัยโลก
• สันติภาพผ่านความสามัคคี
• กองทุนสัตว์ป่าโลกสากล
• สมาคมแพทย์องค์รวมแห่งอังกฤษ
• วิทยาลัยโลก

ในนิวยอร์ก World Goodwill ให้เครดิตแก่องค์กรต่อไปนี้สำหรับองค์กรเหล่านี้การมีส่วนร่วมในการทำงาน:

• มูลนิธิแผ่นดิน
• นักบวชและฆราวาสที่เกี่ยวข้อง
• การศึกษาวอลดอร์ฟ
• องค์การยูนิเซฟ
• เอมมาอูส
• บ้านเฮล
• สมาคมแห่งสหประชาชาติ
• กองกำลังรักษาความสงบ
• ภารกิจสหรัฐของสหประชาชาติ
• the Better World Society (กลุ่มของ Ted Turner ผู้ก่อตั้ง CNN)
• มูลนิธิเพื่อการแพร่ภาพกระจายเสียงทั่วโลก
• สามัคคีธรรมและสวดมนต์
• สถาบันวัฒนธรรม
• แพทย์เพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม
• ธนาคารเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม
• ที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ
• คริสโตเฟอร์
• สถาบันเศรษฐศาสตร์ชุมชน
• Women's World Banking
• ศูนย์การเรียนรู้พุทธทิเบต
• แนวร่วมปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม
• คนงานคาทอลิก
• พิพิธภัณฑ์ Nicholas Roerich
• ศูนย์นานาชาติเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ
• สมาคมศรีออโรบินโด
• สถาบันมี้ดเพื่อการพัฒนามนุษย์

ในเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เราพบว่ากลุ่มต่อไปนี้เป็นผู้เข้าร่วมในโปรแกรมของค่าความนิยมโลก:

• คณะกรรมาธิการนักกฎหมายระหว่างประเทศ
• แพ็กซ์ คริสตี อินเตอร์เนชั่นแนล
• การมองการณ์ไกลข้ามชาติ
• องค์การนิรโทษกรรมสากล
• มหาวิทยาลัยเพื่อสันติภาพแห่งสหประชาชาติ
• สำนักกิจการองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งสหประชาชาติ
องค์กร

จากเป้าหมาย: ศรัทธาและเสรีภาพ

World Goodwill เป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่ได้รับการรับรองจากองค์การสหประชาชาติ ในขณะที่ Lucis Trust ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ได้รับสถานะ "ที่ปรึกษา" อันทรงเกียรติซึ่งองค์กรพัฒนาเอกชนเหล่านี้อยู่ในรายชื่อของสภาเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (ECOSOC) . เอ็นจีโอกระเป๋าลึกที่ทรงอำนาจมากขึ้น ซึ่งไม่ได้รับเลือกหรือรับผิดชอบ ได้รับเสียงจาก “ภาคประชาสังคม”

องค์กรพัฒนาเอกชนเหล่านั้นซึ่งสหประชาชาติเลือกยกระดับให้เป็น "สถานะที่ปรึกษา" นั้น ECOSOC เรียกให้เป็นตัวแทนที่ปรึกษาของภาคประชาสังคม ทั้ง World Goodwill และ Lucis Trust มีส่วนร่วมในการสนับสนุนกฎบัตรโลก จิตวิญญาณของ World Goodwill นั้นนอกรีตอย่างชัดเจน การประกาศต่อไปนี้นำมาจากสื่อส่งเสริมการขายของพวกเขา

“ในช่วงพระจันทร์เต็มดวงและข้างขึ้นข้างแรม มีการเน้นเรื่องการกระจายพลังงานในการทำสมาธิเหมือนกัน…. เราปรับให้สอดคล้องกับรูปแบบจังหวะของการไหลของพลังงานในแต่ละเดือนอย่างมีสติ เรากลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำสมาธิของดาวเคราะห์ที่ดำเนินต่อไปในทุกระดับของจิตสำนึก และด้วยศักยภาพในการสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยมในการยึดเมล็ดพันธุ์ของอารยธรรมที่กำลังจะมาถึงและแหล่งกำเนิดของสิ่งใหม่ วัฒนธรรม."

หาก World Goodwill สนับสนุนการปฏิบัติสมาธิของพวกนีโอนอกรีตอย่างหน้าไม่อาย การส่งเสริม “แผน” ลึกลับอย่างโจ่งแจ้งสำหรับการปกครองจักรวาลก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ:

“มีรัฐบาลภายในของโลกที่รู้จักกันภายใต้ชื่อต่างๆ เช่น ลำดับขั้นทางจิตวิญญาณ สังคมแห่งจิตใจที่สว่างไสว หรือพระคริสต์และศาสนจักรของพระองค์ ตามประเพณีทางศาสนาต่างๆ มนุษยชาติไม่เคยถูกทิ้งให้ปราศจากการชี้นำทางจิตวิญญาณหรือแนวทางภายใต้แผนนี้… ความคาดหวังที่แพร่หลายว่าเราเข้าใกล้ “ยุคของ Maitreya” ดังที่ทราบกันดีในภาคตะวันออก เมื่อพระคริสต์ผู้ทรงเป็นครูของโลกและหัวหน้าลำดับชั้นทางวิญญาณคนปัจจุบันจะ ปรากฏขึ้นอีกครั้งในหมู่มนุษยชาติเพื่อฟังประเด็นสำคัญแห่งยุคใหม่….

มีชายและหญิงหลายล้านคนที่ตื่นตัวทางจิตใจในทุกส่วนของโลกที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับแผนและทำงานเพื่อแสดงออก พวกเขาคือผู้คนในจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ในฐานะหน่วยพึ่งพาซึ่งกันและกันที่มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้น… ความเชื่อเหล่านี้มอบมิติใหม่ให้กับความเป็นจริงทางจิตวิญญาณ…

พวกเขาให้โอกาสในการร่วมมือกับวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณของมนุษยชาติ… ไม่มีกลุ่มใดที่จะรับประกันว่ามนุษยชาติจะบรรลุเป้าหมายที่ยากที่สุดนี้ในฐานะชายและหญิงที่มีความปรารถนาดี… ต้องการเพียงความกล้าหาญ… เพื่อเริ่มดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับระเบียบโลกใหม่ ”

ในการพิจารณาข้อมูลข้างต้น เราอดสงสัยไม่ได้ว่าองค์กรเหล่านี้ซึ่งสอดคล้องกับ Lucis Trust เชื่อใน "แผน" ดังที่ World Goodwill วางไว้หรือไม่ "เพื่อเริ่มดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับระเบียบโลกใหม่" ฉันเชื่อว่าพวกเขาทำเช่นนั้น และเป็นความตั้งใจของฉันที่จะพิสูจน์ความเชื่อมั่นนั้นทั่วทั้งไซต์นี้

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันคือแผนการทางจิตวิญญาณ แผนการที่หากให้ประเมินอย่างถี่ถ้วนจากงานเขียนของพวกเขาเอง จะมองได้ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามของซาตานที่จะใช้บัลลังก์ปีศาจเผด็จการบนแผ่นดินโลก และการบูชาบังคับของมนุษยชาติผ่านพิธีกรรมของลูซิเฟอร์ริก .

สำหรับ "เมื่อผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏ" อาจารย์ Djwhal Khul กล่าว 'ผ่าน' Alice Bailey "เขาจะนำศาสนาลึกลับที่รักษาไว้โดยความสามัคคีและเผยแพร่ต่อสาธารณะ"

Lucis Trust ได้กลายเป็นโรงไฟฟ้าสำหรับอุดมคติยุคใหม่อย่างแท้จริง การเปลี่ยนแปลงของสังคมโดยและผ่านวิธีการริเริ่มลึกลับ ความเคารพที่คำสอนของ Bailey ได้รับและความเคารพต่ออาจารย์ของเธอนั้นไม่เท่ากัน

เธอประสบความสำเร็จในการดึงสายตาของหลายคนเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงและแหล่งที่มาของคำสอนของเธอ คำสอนและข้อความจากอาจารย์ของเธอคืออะไรกันแน่? นี่จะเป็นหัวข้อที่ตรวจสอบในส่วนที่สองด้านล่าง

“เมื่อกุญแจสู่ปฐมกาลอยู่ในมือของเราแล้ว มันคือคับบาลาทางวิทยาศาสตร์และเป็นสัญลักษณ์ซึ่งจะเปิดเผยความลับ อสรพิษผู้ยิ่งใหญ่แห่งสวนเอเดนและ “พระเจ้า” นั้นเหมือนกัน… จงเกรงกลัวมันและอย่าทำบาป พูดชื่อของเขาด้วยความสั่นสะท้าน… มันคือซาตานผู้เป็นเทพเจ้าแห่งโลกของเราและเป็นเทพเจ้าเพียงองค์เดียว…

ดังนั้น เมื่อศาสนจักรสาปแช่งซาตาน มันสาปแช่งภาพสะท้อนของจักรวาลของพระเจ้า… ในกรณีนี้ เป็นเรื่องธรรมดา… ที่จะมองว่าซาตาน พญานาคแห่งปฐมกาลเป็นผู้สร้างและผู้มีพระคุณที่แท้จริง บิดาแห่งมวลมนุษยชาติทางจิตวิญญาณ เพราะเขาคือ "ผู้นำแห่งแสง" ลูซิเฟอร์ผู้เปล่งประกายสดใส ผู้ซึ่งเปิดตาของหุ่นยนต์ (อดัม) ที่พระยะโฮวาสร้างขึ้นตามที่กล่าวหา; และผู้ที่กระซิบเป็นคนแรกว่า “ในวันใดที่เจ้ากินมัน เจ้าจะเป็นเหมือนเอโลฮิม คือรู้ดีรู้ชั่ว” – จะนับถือได้ก็ต่อเมื่อมีพระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้น เป็น “ปฏิปักษ์” ต่อพระยะโฮวา… เขายังคงเป็น “ผู้ส่งสาร” อันเป็นที่รักเสมอในความจริงอันลี้ลับ… ผู้มอบจิตวิญญาณแก่เราแทนที่จะเป็นอมตะทางร่างกาย… ซาตานหรือลูซิเฟอร์เป็นตัวแทนของผู้มีพลัง… “แรงเหวี่ยงของจักรวาล” ในความหมายของจักรวาล … สมควรแล้วที่ตัวเขา…และพรรคพวกของเขา… ถูกส่งไปยัง “ทะเลไฟ” เพราะนั่นคือดวงอาทิตย์… แหล่งกำเนิดของชีวิตในระบบของเรา ที่ซึ่งพวกมันกลายเป็นหิน… และถูกปั่นป่วนเพื่อจัดเรียงพวกมันใหม่เป็นอีกชีวิตหนึ่ง ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของหลักการที่เคลื่อนไหวของโลกของเรา ในเวลาเดียวกันเป็นบ้านและแหล่งกำเนิดของซาตานโลกีย์…หลักคำสอนลับ – เล่มที่ 1, หน้า 414, เล่มที่ 2, pgs. 234, 235, 243, 245

เรา. ส่วนที่ 2:อลิซ เบลีย์และอาจารย์ Djwhal Khul: การมีส่วนร่วมของซาตาน

โดย Terry Melanson 2544 (ปรับปรุงล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2548) จากเว็บไซต์ ConspiracyArchive
เวอร์ชันภาษาสเปน

“ต้องเตรียมการเพื่อพัฒนาพลังจิตให้สูงขึ้นด้วย… โรงพยาบาลและโรงเรียนจะปรากฏภายใต้การแนะนำโดยตรงของปรมาจารย์ ครู…จะฝึกฝนจิตใจของนักเรียนให้ตอบสนองต่อการดลใจโดยตรงจากเบื้องบน ”

– การทำให้เป็นภายนอกของลำดับชั้น หน้า 516

ดังที่เราได้เห็นในส่วนที่หนึ่งข้างต้น ปัจจุบัน Lucis Trust เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับ Elite Politics ผ่านมูลนิธิ World Goodwill Foundation อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ได้ตรวจสอบคำสอนลึกลับของ Bailey เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอาจารย์ Djwhal Khul ของเธอ หนังสือ 24 เล่มของเธอ รวมถึงนิตยสาร Beacon, Triangles และ Arcane School ปลูกฝังให้นักเรียนเข้าใจสิ่งที่ Bailey อธิบายว่าเป็นคำสอน "Ageless Wisdom"

The Arcane School ก่อตั้งขึ้นในปี 1922 มีผู้สำเร็จการศึกษา 20,000 คนในปี 1954 มหาวิทยาลัยลึกลับแห่งนี้มีความกระตือรือร้นมากกว่าที่เคยและยังคงเป็นพื้นที่ฝึกฝนหลักสำหรับสาวกยุคใหม่ คำสอนลึกลับเหล่านี้จำนวนมากในหนังสือของ Bailey มาจากปรมาจารย์ชาวทิเบต Djwhal Khul (DK) ช่องทางของเธอ: "แผน" ตามลำดับชั้นของ Ascended Masters

ผ่านชุดของการเริ่มต้นกลุ่มและเทคนิคการทำสมาธิแบบกลุ่ม ลำดับชั้นจะสั่งให้ "กลุ่มใหม่ของโลกเซิร์ฟเวอร์" ดำเนินการ "ศาสนาโลกใหม่" ซึ่งมนุษยชาติโดยรวมสามารถช่วย "เจตจำนงของโลโก้ดาวเคราะห์" ได้ “ควรให้ความสำคัญกับวิวัฒนาการของมนุษยชาติ” ดังนั้น Master DK ผ่าน Bailey จึงกล่าว “ด้วยความใส่ใจเป็นพิเศษต่อเป้าหมาย ความสมบูรณ์แบบ” (ภายนอกของลำดับชั้น หน้า 515)

วัตถุประสงค์คือ "การช่วยเหลือจากผู้ยิ่งใหญ่และการให้ความช่วยเหลืออันชาญฉลาดแก่พวกเขาซึ่งจะทำให้แผนการของพวกเขาเพื่อมนุษยชาติเป็นจริง" (ibid. 516) วิธีหนึ่งในการ "ทำให้เป็นจริง" แผนของลำดับชั้นสำหรับมนุษยชาติคือผ่านเครือข่าย Triangle ของ Lucis Trust เป้าหมายของพวกเขาคือการฝึกสมาธิแบบลึกลับ“ศาสตร์แห่งการไหลของพลังงานและความสัมพันธ์ของพลังงาน” ลูซิส ทรัสต์กล่าวว่า “การทำสมาธิแบบไสยศาสตร์เป็นวิธีการนำพลังงานอย่างมีสติและตั้งใจจากแหล่งที่รู้จักไปสู่การสร้างผลเฉพาะบางอย่าง”

(Video) Michael Hardt. The Common Wealth in a Just World. 2010 2/11

ผู้เข้าร่วมนานาชาติ “นั่งเงียบๆ สักสองสามนาทีแล้วเชื่อมโยงจิตใจกับสมาชิกคนอื่นๆ ของสามเหลี่ยมหรือสามเหลี่ยมของตน พวกเขาเรียกพลังงานแสงและความปรารถนาดี จินตนาการว่าพลังงานเหล่านี้ไหลเวียนผ่านจุดโฟกัสสามจุดของรูปสามเหลี่ยมแต่ละรูป และไหลผ่านเครือข่ายรูปสามเหลี่ยมรอบโลก ในขณะเดียวกันพวกเขาก็กล่าวคำวิงวอนอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง”

การเชื่อมต่อกระแสจิต 30 ปีของเธอกับ Master DK คือสิ่งที่บางคนเรียกว่าการครอบครองโดยปีศาจอย่างไม่ลังเล

ฟอสเตอร์ เบลีย์ สามีของเธอกล่าวว่า "ในระหว่างการทำงานอันยาวนาน ความคิดของชาวทิเบตและ A.A.B [อลิซ แอน เบลีย์] ได้รับการประสานอย่างใกล้ชิดมากจนทำให้เกิดผล - ตราบเท่าที่การผลิตส่วนใหญ่ของคำสอนเกี่ยวข้องกัน - กลไกการฉายเดี่ยวร่วมกัน”

(บทนำของ Cosmic Fire) เทคนิคนี้เรียกในทางไสยศาสตร์ว่า "การบดบัง" ซึ่งเป็นคำสละสลวยสำหรับการครอบครองโดยปีศาจ หรือที่ Bailey ชอบเรียกมันว่า "ศาสตร์แห่งความประทับใจ"

ยิ่งกว่านั้น ลำดับชั้นได้ "บดบัง" หลายสิ่งหลายอย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงช่วงปลายศตวรรษ - แนวปฏิบัติสมัยใหม่ที่เพิ่มขึ้นของการส่งสัญญาณและการฉายภาพดวงดาวทางกายสิทธิ์แสดงถึงการทำนายเมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว:

“วิธีการบดบังเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีที่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และอาจารย์ของเขาใช้ในตอนท้ายของศตวรรษ และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงส่งพวกเขาไปจุติ ในทุกประเทศ สาวกที่มีโอกาสเสนอให้พวกเขาตอบสนองต่อ ความจำเป็นในการฝึกอบรมชายและหญิงให้รับรู้ถึงพลังจิตที่สูงขึ้น และแรงบันดาลใจที่แท้จริงและเป็นสื่อกลาง และต้องทำสิ่งนี้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์

ในอีกห้าสิบปีข้างหน้า ความต้องการพลังจิตที่แท้จริงและสื่อที่มีสติสัมปชัญญะจะยิ่งใหญ่มากหากแผนของปรมาจารย์จะต้องดำเนินไปจนบรรลุผล และการเคลื่อนไหวจะต้องเริ่มต้นขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเสด็จมาของพระองค์ซึ่งทุกประเทศรอคอย ”

– สนธิสัญญาเกี่ยวกับ Cosmic Fire, หน้า 757-758

สิบเมล็ดพืช

ใน The Externalization of the Hierarchy, Master DK ได้แจ้งให้ Bailey ทราบถึงแผนของลำดับชั้นสำหรับ “The Ten Seed-Groups” (p.90)

กลุ่มเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ต้องแทรกซึมเข้าไปในทุกภาคส่วนของสังคม และถูก "ยึดเกาะอย่างลึกลับ" ด้วย "แนวทางใหม่ๆ สู่ความเป็นพระเจ้า" ฉันไม่สงสัยเลยว่าขบวนการยุคใหม่ในปัจจุบันเป็นผลมาจาก "การกระจัดกระจายของเมล็ดพันธุ์" ของลำดับชั้นดังที่เบลีย์กล่าวไว้ และสังคมนอกรีตแบบเปิดในทุกวันนี้สามารถโยงไปถึง "แผน" ลึกลับนี้ได้ กลุ่มเมล็ดพันธุ์ทั้งสิบเป็น "ตัวอ่อนเหมือนเมล็ดพืชที่กำลังงอก" ด้วยการปฏิบัติที่ลึกลับของพวกเขา กลุ่มทั้งสิบเหล่านี้จะทำงานโดยตรง “ภายใต้แรงบันดาลใจจากลำดับชั้นผ่านจิตใจที่จดจ่อของกลุ่ม”

จากการเป็นสาวกของอลิซ เบลีย์ในยุคใหม่ – เล่มที่ 1 หน้า 35-40 กลุ่มเมล็ดทั้งสิบมีดังนี้:

1) สรุปการทำงานของนักสื่อสารทางโทรจิต - การสื่อสารทางโทรจิตจากวิญญาณสู่วิญญาณผ่าน: จากจิตสู่จิตผ่านการบูรณาการ; ระหว่างมนุษยชาติและลำดับชั้น (รัฐบาลภายในของโลก) ผ่านศาสตร์แห่งความประทับใจ

2) สรุปงานของผู้สังเกตการณ์ที่ผ่านการฝึกอบรม - การกระจายความเย้ายวนใจของโลก มายา และมายาผ่านแสงสว่าง

3) สรุปการทำงานของ Magnetic Healers - ผ่าน "ชีวิตแม่เหล็ก" ผ่านกฎแห่งชีวิต – กฎแห่งสุขภาพและมนุษยสัมพันธ์ที่ถูกต้อง ด้วยความต่อเนื่องของสติ

4) นักการศึกษาในยุคใหม่ บทสรุปของการทำงาน – การศึกษาผ่านการไหลเข้าของแสงสว่างของความรู้สู่ “สัญชาตญาณมนุษย์” – ผ่านการหลั่งไหลของแสงแห่งปัญญาสู่ “คนฉลาด” ผ่านความรู้ประยุกต์ แสดงปัญญา และเข้าใจไสยศาสตร์ใน “มนุษย์วิญญาณ”

5) สรุปงานของผู้จัดระเบียบทางการเมือง - ความเข้าใจระหว่างประเทศผ่านการสื่อสารเจตจำนง (ทางการเมือง) อันศักดิ์สิทธิ์สู่เชื้อชาติและประชาชาติ "เชื่อมโยงแผนกของมนู (ผู้ปกครองของเผ่าพันธุ์มนุษย์) กับผู้ชาย"

6) คนงานในสาขาศาสนา สรุปงาน - ผ่านเวทย์มนต์เหนือธรรมชาติ ผ่านไสยเวทวิทยาคม. ผ่านศาสนาทิพย์

7) สรุปการทำงานของ Scientific Servers – ผ่านการพัฒนาสมมติฐานใหม่เพื่อยืนยันก้าวต่อไป ผ่านปฏิกิริยาที่ละเอียดอ่อนต่อพลังงานและพลังทางจิตวิญญาณ ผ่านการปล่อยพลังงานเพื่อเชื่อมโยงวิญญาณและสสารและเร่งรัดแผนการอันศักดิ์สิทธิ์

8) นักจิตวิทยา สรุปผลงาน – ผ่านความสัมพันธ์ของอาณาจักรมนุษย์กับอาณาจักรย่อยและเหนือมนุษย์ ผ่านการศึกษาแผนสวรรค์สำหรับอาณาจักรทั้งห้าของธรรมชาติ

9) สรุปผลงานนักการเงินและนักเศรษฐศาสตร์ – ผ่านการศึกษาธรรมชาติของพลังงานพรานาหรือพลังงานอีเทอร์ – ผ่านการศึกษาการโก่งตัวของพลังงานรูปธรรมรูปแบบนี้ไปสู่ช่องที่สร้างสรรค์และ “ทางแห่งแสง” – ผ่านการศึกษากฎแห่งอุปสงค์และอุปทาน

10) บทสรุปของ Creative Workers - ผ่านการเชื่อมโยงชีวิตและรูปแบบ ผ่านความสัมพันธ์ทางปรัชญาของการสังเคราะห์และแผน

เป็นการสมรู้ร่วมคิดที่ลึกลับอย่างแท้จริง และอย่างน้อยที่สุดก็น่าเป็นห่วงสำหรับทุกคน ทั้งผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และผู้ที่ไม่เชื่อเหมือนกัน เมื่อคุณคำนึงถึงสิ่งที่ฉันได้แสดงให้เห็นในตอนที่หนึ่ง – อิทธิพลของ Lucis Trust ที่มีต่อการเมืองของชนชั้นนำระหว่างประเทศ – มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ! ส่วนที่เปิดเผยมากที่สุดของกลุ่มเมล็ดพันธุ์คือความจริงที่ว่าผู้จัดตั้งทางการเมืองเชื่อมโยง "หน่วยงานของ Manu (ผู้ปกครองของเผ่าพันธุ์มนุษย์) กับผู้ชาย"

ใน Frontier Science/Social Change Paul Von Ward เล่าว่า:

“หลักการลึกลับ… ประกอบด้วยส่วนหนึ่งขององค์ความรู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามอบให้กับมนุษย์โดยสิ่งมีชีวิตขั้นสูงเมื่อกว่า 5,000 ปีที่แล้ว เขาเป็นที่รู้จักกันในชื่อต่าง ๆ รวมถึง Thoth หรือ Seth ในอียิปต์ Manu ในอินเดีย Hermes ในกรีก และ Lucifer หรือซาตานในประเพณีของ Judeo-Christian”

ต.ค. 2525 โฆษณาเต็มหน้าใน Reader’s Digest Idolatrous Incantation

• การวิงวอน: สูตรสำหรับการเสก
• มันตรา: สูตรอาถรรพ์ของการวิงวอนหรือคาถา

ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ เสียงวิงวอนอันยิ่งใหญ่ดังขึ้นในขณะที่เครือข่ายสามเหลี่ยมของ "คนทำงานเบา" ทำสมาธิเพื่อทำให้ "กระแสพลังงาน" ของลำดับชั้นเข้ามาและมีอิทธิพลต่อมนุษยชาติ เวอร์ชันปัจจุบันที่มอบให้ในปี 1945 และที่แสดงไว้ด้านบน เป็นภาคที่สามของชุดคำวิงวอนที่มอบให้เบลีย์โดย Djwhal Khul

จากข้อมูลของลูซิส ทรัสต์

“การวิงวอนที่ยิ่งใหญ่หากได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง อาจหมายถึงศาสนาของโลกใหม่ตามที่คำอธิษฐานของพระเจ้ามีต่อศาสนาคริสต์” ถ้อยคำนี้ตั้งใจทำขึ้น เพื่อมิให้คริสเตียนสงสัย

ใน การสร้างสาวกในยุคใหม่ หน้า 157 เราพบว่า

“ฉัน [Djwhal Khul] ได้กล่าวและแปลคำวิงวอน [เพื่อ] เพื่อที่โลกคริสเตียนโดยคริสตจักรจะไม่พบว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้” นี่แสดงถึงการหลอกลวงที่คำนวณได้ในส่วนของ DK ในหน้า 150 และ 156 เราเรียนรู้:

“สามารถนำเสนอต่อมวลชนได้ทุกหนทุกแห่ง ประชาชนทั่วไปจะได้รับการกระตุ้นให้นำไปใช้และจะใช้อย่างกว้างขวาง… ความหมายของคำวิงวอนนี้แสดงออกมาในรูปแบบที่เข้าใจได้ในระดับหนึ่งสำหรับคนทั่วไป เนื่องจากมีการใช้ถ้อยคำที่คุ้นเคย โดยยึดตามคำศัพท์ในพระคัมภีร์หลายคำ แต่นัยยะและนัยสำคัญภายในที่แท้จริงนั้น… ไม่ปรากฏอย่างผิวเผิน… มันหมายถึงสิ่งหนึ่งสำหรับมนุษย์ธรรมดา…; พวกเขาหมายถึงอีกสิ่งหนึ่งสำหรับผู้ชายบนเส้นทางทดลอง…; คำพูดเหล่านี้ยังมีความหมายอีกอย่างหนึ่งสำหรับศิษย์…; เพื่อริเริ่มและต่อสมาชิกอาวุโสของลำดับชั้น พวกเขายังสื่อถึงความสำคัญที่สูงขึ้นและครอบคลุมยิ่งขึ้น”

เป็นเช่นนั้นจริง ๆ และคำจริง ๆ ที่ใช้นั้นให้ความหมายตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงเมื่อตรวจสอบภายใต้แสงของพระคัมภีร์ไบเบิล และเปรียบเทียบประเด็นต่อประเด็นกับงานเขียนของ Bailey (เธอมักจะอ้างพระคัมภีร์ – การตีความที่มอบให้โดยปรมาจารย์ของเธอ ).

ดูเว็บเพจ A Modern Manifestation of Absolute Evil ของ Ph.D. Robert A Herrmann สำหรับบทความของเขาที่ชื่อว่า A Scientific Analysis of the Writings of Alice A. Bailey and their Applications for a treatment in DK's (Bailey's) ตัวอย่างเช่น:

• แสง = การตรัสรู้ของลูซิเฟอร์เรียน
พระเจ้า = ซาตาน
• ไหลออกมา = บดบัง
• ความรัก = รูปแบบต่าง ๆ ของความชั่วร้ายที่กำหนดไว้ในพระคัมภีร์หรือความเกลียดชังโดยทั่วไป
• คริสต์ = มาร
• เจตจำนงน้อยของมนุษย์ = ความปรารถนาที่ไม่ฉลาด อ่อนแอ และด้อยกว่าของ
บุคคล; โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ปฏิบัติตามหลักคำสอนของจูดิโอ - คริสเตียนที่อนุรักษ์นิยม
• จุดประสงค์ = เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปรากฏตัวของมาร
• อาจารย์ = ปีศาจหรือผู้ควบคุมปีศาจ
• เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ = “มนุษยชาติ” ที่ปกครองโดยลูซิเฟอร์
• แผน = การปกครองที่สมบูรณ์ในการเตรียมพร้อมสำหรับและหลังการปรากฏตัวของ
มาร.
• ปิดประตูที่ซึ่งความชั่วร้ายอาศัยอยู่ = รุนแรง หากจำเป็น ให้กำจัดพวกที่นับถือศาสนายูดาย ศาสนาคริสต์แบบอนุรักษ์นิยม ศาสนาคริสต์ที่มีแนวคิดเสรีนิยม และศาสนาออร์โธดอกซ์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน [หมายเหตุ: ที่เป็นเช่นนี้เพราะ "การแบ่งแยก" ของมุมมองทางศาสนาเหล่านี้ Djwhal Khul เรียกสิ่งนี้ว่าความชั่วร้ายและจะต้องกำจัดให้สิ้นซากเพื่อให้แผนการของลำดับชั้นของศาสนายุคใหม่-โลกใหม่ดำเนินต่อไป ในหลายข้อ DK ระบุว่าชาวยิวและคริสเตียนเป็นวิญญาณของการแบ่งแยก เช่น ยอห์น 14:6 และอพยพ 20:3]
• พลัง = พลังทำลายล้างที่มักน่ากลัว

ขณะนี้ The Great Invocation ได้รับการแปลเป็น 50 ภาษาและเป็นมนต์แห่งยุคใหม่ กระทั่งได้รับความสนใจจากบุคคลสำคัญระดับโลกที่ UN ซึ่งได้รับการรับฟังในการประชุมอย่างเป็นทางการหลายครั้งและในพิธีเปิดในปี 1992 ที่การประชุมสุดยอด Earth Summit ของ UN ในริโอ

ในระหว่างการบรรยายโดย Ida Urso ในการประชุม Lucis Trust Arcane School ในปี 1995 มีการอธิบายความเชื่อมโยงระหว่าง UN และ Great Invocation:

“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เรากำลังฉลองครบรอบ 50 ปีของการวิงวอนอันยิ่งใหญ่และสหประชาชาติ ทั้งสองรูปแบบต่างมีความสำคัญต่อแผน… ให้เราร่วมกันทำสามเหลี่ยมแห่งแสงให้สมบูรณ์… ให้เราพิจารณาร่างกายของโลกนั้น – 'ความหวังของมนุษยชาติ' – ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 50 ปีที่แล้วภายใต้แรงกระตุ้นของเทศกาลทางจิตวิญญาณทั้งสาม (การตก วันที่ 28 มีนาคม 27 เมษายน และ 26 พฤษภาคม)…

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2488 สองวันก่อนพระจันทร์เต็มดวงของราศีพฤษภและเทศกาลวิสาขบูชา [หมายเหตุ: เวลาที่ดีที่สุดในการท่องบทสวดอันยิ่งใหญ่ตามความเชื่อของ Lucis เนื่องจากพลังงานของลำดับชั้นสอดคล้องกับโลก ] ที่ผู้แทนจาก 50 ประเทศประชุมกันที่ซานฟรานซิสโกสำหรับการประชุมที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการว่าการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยองค์การระหว่างประเทศ...

ในช่วงเวลานี้ ปรมาจารย์ทิเบตบอกเราว่า:

'ไม่ใช่เพื่ออะไร การประชุมนี้จัดขึ้นในช่วงห้าวันของวันเพ็ญวิสาขบูชา มันจะเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากสูงสุด ซึ่งกองกำลังแห่งแสงจะเผชิญกับ… กองกำลังแห่งความเห็นแก่ตัวและการแบ่งแยกดินแดน’” ดูเหมือนว่า UN ที่น่ากลัวคือภารกิจทางจิตวิญญาณที่สอดคล้องกับแสงสว่างของลูซิเฟอร์ริก

สิ่งนี้เพิ่มน้ำหนักให้กับนักวิจัยอย่างสาธุคุณ Wayne C. Sedlak และรายงานตำแหน่งของเขาที่ชื่อว่า The United Nations – A Most Sophisticated Coven เมื่อใดก็ตามที่มีการท่องคำวิงวอน ตามหนังสือเล่มเล็กของ Lucis Trust ในหัวข้อนี้ บุคคลนั้น "เป็นพันธมิตรกับลำดับชั้นทางจิตวิญญาณ" ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่ก็ตาม และใน Discipleship Bailey เขียนว่า "สิ่งนี้รวบรวมเจตจำนงของสวรรค์และสรุปข้อสรุปของความคิดเกี่ยวกับโลโก้ของดาวเคราะห์"

การเริ่มต้นของลูซิเฟอร์ริก

พื้นหลังบางอย่างจำเป็นสำหรับจักระและกุณฑาลินี เพื่อที่จะดำเนินการต่อไปกับสิ่งนี้ ในการปฏิบัติทางไสยศาสตร์ของชาวฮินดู (รากเหง้าหลักของขบวนการยุคใหม่) มีศูนย์กลางสำคัญ 7 แห่งสำหรับพลังงานกุณฑาลินี ด้วยวิธีการทางไสยศาสตร์โดยใช้การทำสมาธิ ยาเสพติด การสร้างภาพ โยคะ และวิธีการใดๆ ก็ตามที่จำเป็น ผู้เริ่มต้นพยายามปลุกอสรพิษคะนองที่หลับไหล (กุณฑาลินี) ให้มีสภาวะจิตสำนึกที่ "สูงขึ้น" พลังงานกุณฑาลินีนี้ถูกมองเห็นเป็นงูที่พันกันซึ่งโผล่ขึ้นมาจากฐานของกระดูกสันหลังเพื่อ "ตรัสรู้" และสลายอัตตาในที่สุด - เพื่อกลายเป็นอวตารของเทพเจ้า ดังนั้นจึงป้องกันการเกิดใหม่บนระนาบกายภาพ

เหล่าสาวกยุคใหม่เชื่อในการกลับชาติมาเกิดและได้รับการสอนจากลำดับชั้นของปีศาจว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะหยุดวัฏจักรแห่งกรรมอันไม่มีที่สิ้นสุด - เพื่อวิวัฒนาการไปสู่พระเจ้า… (เช่น ปฐก. 3:5) นั่นคือเป้าหมายและเทคนิคที่แตกต่างกันไป แต่เมื่อ "ขึ้น" ผ่านจักระที่ก้าวหน้าทั้ง 7 จักระแต่ละครั้งจะเป็นการเริ่มต้นสู่จิตสำนึกที่สูงขึ้น จนกระทั่งในที่สุดเมื่อคุณถึงจุดรวมเป็นหนึ่งกับ

• “อาร์ตกุมาร”
• “พระอิศวร”
• “พระวิษณุ”
• “พระเจ้าแห่งโลก”,…หรือที่เขาเรียกกันว่า “พระสติ”

การหลอกลวงของซาตานคือผ่านแต่ละจักระที่ต่อเนื่องกัน ผู้ริเริ่มไสยศาสตร์รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในจิตสำนึก ซึ่งสำหรับเขาแล้วดูเหมือนว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ก้าวหน้า ตอนนี้นักไสยศาสตร์รู้สึกถึงการติดต่อและกระแสจิตของเขากับลำดับชั้นที่แข็งแกร่งขึ้น ในขณะที่เขาดำเนินต่อไป ผู้เริ่มต้นมักจะถึงจุดที่ไม่มีวันหวนกลับ ไม่มีการหวนกลับและความสงสัยทั้งหมดที่เขาล้มเหลวในการฟัง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่ “ถูกต้อง” หรือไม่ – ในที่สุดก็ถูกเปิดเผยต่อเขา… มันสายเกินไป พวกเขาเป็นของเขา!

สิ่งนี้เรียกว่าการเริ่มต้นของลูซิเฟอร์ริก Texe Marrs ทำให้ดีที่สุดเมื่อเขาเขียนว่า

“ความรู้สึกเหล่านี้ที่เปล่งออกมาโดยคนจำนวนมากที่ได้รับ Luciferic Initiation นั้นมีความหมาย พวกเขาชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงสองประการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้:

(1) ผู้ประทับจิตตระหนักว่าเขากำลังเข้าใกล้ความมืด พลังชั่วร้าย และวิญญาณแห่งความกลัวเข้าครอบงำเขา
(2) หลังจากการเริ่มต้น จิตใจของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

นี่คือสิ่งที่คนรุ่นใหม่เรียกว่าประสบการณ์ Kundalini หรือ Skaktipat ซึ่งเรียกกันในทางเทคนิคว่า “การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ (มุมมองโลก)” (จาก: Mystery Mark of the New Age โดย Texe Marrs, p.39)

โลโก้ดาวเคราะห์ของ Bailey

สำหรับชาวกรีก โลโก้คือรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์ที่พบในมนุษย์ พหูพจน์ของตรรกะ ชาวฮีบรูมีมุมมองที่คล้ายกัน ซึ่งพวกเขาเรียกว่าดาบาร์ ดาบาร์ยังเป็นตัวแทนของรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์ และพวกเขาคิดว่ามันสามารถพบได้ในบางสิ่งเท่านั้น เมื่อครูและที่ปรึกษาของ Bailey, H.P. Blavatsky เขียนว่า “…แท้จริงแล้ว “อสรพิษ” คือ “พระเจ้า” เอง ซึ่งในฐานะ Ophis, the Logos หรือผู้ถือภูมิปัญญาแห่งการสร้างสรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ ได้สอนมนุษยชาติให้กลายเป็นผู้สร้างในตาของพวกเขา…” [1]

"โลโก้ดาวเคราะห์" ของ Bailey ดำเนินตามประเพณีของ Luciferic ... เธอไม่ได้เรียกองค์กรของเธอว่า Lucifer Trust เพื่ออะไร!

ชัมบอลลา
เจตจำนงหรืออำนาจของเมืองศักดิ์สิทธิ์
วัตถุประสงค์แผน
ไม้บรรทัดชีวิต: Art Kumara,
พระเจ้าแห่งโลก, สมัยโบราณ, เมลคีเซเดค
ศูนย์ดาวเคราะห์ใหญ่ ต่อมไพเนียลทางจิตวิญญาณ
ลำดับชั้น
ผู้ปกครองความสามัคคีของกลุ่มความรักและภูมิปัญญาแห่งเยรูซาเล็มใหม่:
พระคริสต์ ศูนย์หัวใจดาวเคราะห์พระผู้ช่วยให้รอด
มนุษยชาติ
เมืองที่ยืนอยู่ Foursquare Active Intelligence จิตสำนึกในตนเอง ความคิดสร้างสรรค์ ไม้บรรทัด: ลูซิเฟอร์ บุตรแห่งรุ่งอรุณ บุตรผู้น้อย ศูนย์คอดาวเคราะห์

และมันก็เป็น "ทรินิตี้" ของอลิซ เบลีย์ สังเกตว่าลูซิเฟอร์เป็นผู้ปกครองมนุษยชาติ เขายังระบุด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ศูนย์คอของดาวเคราะห์"

นี่เป็นเบาะแสว่าเธอกำลังพูดถึงจักระ ลูซิเฟอร์ หรือมากกว่านั้น พลังงานลูซิเฟอร์จะถูกปลดปล่อยเมื่อจักระที่ 5 (คอ) ถูกปลุก สังเกตว่า Sanat (Satan) Kumara ยังระบุด้วย "ต่อมไพเนียลแห่งจิตวิญญาณ" และ "ศูนย์กลางของดาวเคราะห์" ซึ่งจะสอดคล้องกับจักระที่ 7 - จักระเรียกอีกอย่างว่า "ศูนย์พลังงาน" ดังนั้น "ศูนย์กลางดาวเคราะห์" ของ Bailey จึงพอดีกับจักระ การสอน และ Bailey เรียกโลโก้ของเธอว่า “Logoic Kundalini” ยิ่งไปกว่านั้น จักระแต่ละอันยังเป็นโลโก้ของตัวเองอีกด้วย Bailey กล่าวว่า "Planetary Logos" เรียกว่า First Kumara "ผู้ริเริ่ม" และ "เขามาถึงโลกนี้จากดาวศุกร์" [2] การพาดพิงถึงลูซิเฟอร์และความสัมพันธ์ดั้งเดิมของเขากับวีนัส (บุตรแห่งรุ่งอรุณ)

ที่อื่น เธอเขียนว่า "เป้าหมายของโลโก้ดาวเคราะห์คือจิตสำนึกของพระเจ้า" [3] และ "แสงที่ส่องสว่างของโลโก้ที่ห้า (จักระที่คอที่ 5 ของลูซิเฟอร์) รู้สึกได้ในการเริ่มต้นครั้งที่สาม"[4] และเธอก็ทำ อีกคำกล่าวที่ว่า "โครงการวีนัส" ได้รับการ "ส่งสัญญาณ" โดย "โลโก้ดาวเคราะห์วีนัสบนห่วงโซ่ที่ห้าของเขา (จักระ)" [5]

ตามประเพณีของชาวฮินดู ศูนย์กลางจักระแต่ละแห่งก็มีสีที่เกี่ยวข้องเช่นกัน หากคุณดูภาพวาดที่ด้านบนขวา คุณจะเห็นว่าจักระที่ 5 (ลูซิเฟอร์) ได้รับสีฟ้า ด้านล่างเป็นตัวแทนของจักระที่คออาบด้วย "แสง" สีฟ้าที่มีลักษณะเฉพาะ ดูคุ้นเคย? มันควรจะ!

โฆษณาแบบเต็มหน้าของ Reader’s Digest ที่ฉันแสดงไว้ด้านบนยังมีแสงสีน้ำเงินอีกด้วย ในตอนที่หนึ่งฉันแสดงโลโก้ Lucis Trust และมันก็มีแสงสีน้ำเงินแบบสตรีมด้วย สัญลักษณ์ยุคใหม่ที่คิดค้นโดย Foster Bailey มีภาพสัญลักษณ์มากมายเหลือเฟือ สัญลักษณ์ดังกล่าวอ้างอิงจาก Lucis Trust คือ "ตั้งอยู่ในพื้นที่สีน้ำเงินที่ไร้ขอบเขต ซึ่งหมายถึงขอบเขตของการแสดงออกถึงชีวิตของโลโก้สุริยะของเรา... ที่วางซ้อนบนสามเหลี่ยมของกองกำลังยุคใหม่คือดาวห้าแฉกของ [ต่อต้าน] พระคริสต์ ดาวฤกษ์เป็นสีน้ำเงินเพราะเป็นตัวแทนของคุณภาพแสงอาทิตย์มากพอๆ กับที่มนุษยชาติสามารถตอบสนองได้”

คุณสามารถเห็นสัญลักษณ์นี้บนปกหน้าของนิตยสาร Beacon ของ Lucis Trust (ด้านล่างขวา) ซึ่งแสดงแสงสีน้ำเงินของ "โลโก้" ด้วย ใน Initiation, Human and Solar เบลีย์กล่าวถึงดาวห้าแฉกว่าเป็นสองดวงสุดท้ายและ "มันเคลื่อนลงมาบนเขา ผสานในตัวเขา และมองเห็นเขาที่ศูนย์กลางของมัน"

ดาวห้าแฉก "ลุกโชน" และ "เข้าไปอยู่ในเปลวเพลิง" คำอธิบายที่สมบูรณ์แบบของ Luciferic Initiation หากเคยมีมา!

เธอกล่าวว่าสิ่งนี้ "ทำให้ผู้ชายติดต่อกับศูนย์กลางในร่างกายของโลโก้ดาวเคราะห์" สิ่งที่ทำให้ฉันตระหนักถึงความสำคัญของสัญลักษณ์สีน้ำเงินของ Bailey คือตัวอย่างสั้น ๆ ที่เกือบจะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรในอีเมลที่ส่งไปยังรายการที่ฉันอยู่:

“Blue” คือ Masonic Blue Lodge สำหรับดวงตาสีฟ้าของ Horus the “Watcher” องค์การสหประชาชาติมีธงสีน้ำเงินและหมวกกันน็อค สีน้ำเงินหมายถึง "ริมฝีปากสีน้ำเงินแห่งความตาย" มันถูกส่งมาโดย Pointman (พวกคุณบางคนรู้จักเขา) ดังนั้นฉันจึงรู้ว่ามันเป็นส่วนสำคัญในสัญลักษณ์ลับของพวกเขา เมื่อฉันเริ่มตรวจสอบ ฉันรู้ว่าเขาพูดถูกจริงๆ และฉันก็กำลังทำงานกับเพจ Lucis Trust เหล่านี้อยู่ในขณะนั้น ซึ่งทำให้ทุกอย่างมีมุมมองในทันที

อ้างอิง

[1] หลักคำสอนลับฉบับ 2, p.215[2] บทความเกี่ยวกับรังสีทั้งเจ็ด – เล่มที่สาม[3] บทความเกี่ยวกับ Cosmic Fire-1008[4] บทความเกี่ยวกับ Cosmic Fire-1178[5] ดูหมายเหตุ [2]

“ระเบียบโลกใหม่ต้องตอบสนองความต้องการในทันทีและไม่ใช่ความพยายามที่จะตอบสนองวิสัยทัศน์ในอุดมคติที่ห่างไกล ระเบียบโลกใหม่จะต้องเหมาะสมกับโลกที่ผ่านพ้นวิกฤตแห่งการทำลายล้างและต่อมนุษยชาติที่แตกสลายจากประสบการณ์ ระเบียบโลกใหม่จะต้องวางรากฐานสำหรับระเบียบโลกในอนาคตซึ่งจะเป็นไปได้หลังจากช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟู การฟื้นฟู และการสร้างใหม่เท่านั้น ในช่วงเตรียมการสำหรับระเบียบโลกใหม่จะมีการปลดอาวุธอย่างมั่นคงและเป็นระเบียบ มันจะไม่เป็นตัวเลือก ไม่มีประเทศใดได้รับอนุญาตให้ผลิตและจัดยุทโธปกรณ์ใดๆ เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำลายล้างหรือเพื่อละเมิดความปลอดภัยของประเทศอื่นใด ระเบียบโลกใหม่จะต้องเหมาะสมกับโลกที่ผ่านพ้นวิกฤตแห่งการทำลายล้างไปแล้ว...เราสนใจเรื่องเดียว นั่นคือการนำระเบียบโลกใหม่เข้ามา … ระเบียบโลกปัจจุบัน (ซึ่งทุกวันนี้ส่วนใหญ่ไร้ระเบียบ) สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้จนโลกใหม่และเผ่าพันธุ์ใหม่ของมนุษย์ค่อย ๆ เกิดขึ้น การละทิ้งและการใช้เจตจำนงบูชายัญควรเป็นประเด็นสำคัญสำหรับช่วงเวลาชั่วคราวหลังสงคราม (WWII) ก่อนการเริ่มต้นยุคใหม่” - อลิซ เบลีย์: คำคมจากผลงานต่างๆ(หนังสือทั้งหมด 24 เล่มได้รับการจัดทำดัชนีทางอิเล็กทรอนิกส์และสามารถค้นหาได้ที่นี่)

ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว Lucis Trust, Alice Bailey, การเชื่อมต่อกับ Rockefellers, Rothschilds และ NWO:

จาก: Lucis (Lucifer) Trust, World Goodwill and the 'Light of the World' โดย Terry Melanson, 2001

Lucis Trust, Alice Bailey, World Goodwill and the False Light of the World

Lucis Trust เป็นองค์กรทางการเมืองมากพอๆ กับองค์กรทางศาสนาที่ลึกลับ Lucis Trust ส่งเสริมอุดมการณ์โลกาภิวัตน์อย่างเหมาะเจาะ ก่อตั้ง World Goodwill ซึ่งเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับแวดวงชนชั้นสูงระหว่างประเทศ ผู้เขียนและผู้เข้าร่วมในการประชุมต่าง ๆ อ่านเหมือนใครเป็นใครของคนวงในระดับโลก ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ เช่น ปฏิญญาสากลว่าด้วยความรับผิดชอบของมนุษย์ ซึ่งประกาศในเดือนเมษายน พ.ศ. 2541 เพื่อเป็นเอกสารประกอบกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนอันอื้อฉาวของสหประชาชาติ ผู้ลงนามในเอกสาร World Goodwill: เฮลมุท ชมิดท์ อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนีตะวันตก; Malcom Frasier อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย; ชิม่อน เปเรซ ; โรเบิร์ต แม็คนามาร่า ; พอล โวลเก้ ; จิมมี่ คาร์เตอร์ และปิแอร์ ทรูโด รวมถึงคนอื่นๆ

Lucis Trust ดำเนินการผ่านคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศซึ่งมีการกล่าวกันว่าเป็นสมาชิก ได้แก่: John D. Rockefeller; ลูกพี่ลูกน้องของนอร์แมน; โรเบิร์ต เอส. แมคนามารา; โทมัส วัตสัน จูเนียร์ (ไอบีเอ็ม อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำมอสโก); Henry Clauson ผู้บัญชาการสูงสุดของสภาสูงสุด ดีกรี 33, Southern District Scottish Rite และ Henry Kissinger จากนั้นสิ่งนี้จะเชื่อมโยงองค์กรลึกลับที่มีอิทธิพลของ Bailey เข้ากับแผนการสมรู้ร่วมคิดระหว่างประเทศของชนชั้นนำ ซึ่งรวมถึงสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (CFR), Bilderbergs และคณะกรรมาธิการไตรภาคี

ฉันสามารถยืนยันความเชื่อมโยงเหล่านี้ได้บางส่วนผ่านการมีส่วนร่วมของ Lucis Trust ใน Windsor International Bank and Trust Company โดยที่ Windsor Bank ในเว็บไซต์นั้นระบุอย่างชัดเจนว่า "เป็นสมาชิกของ, ที่ปรึกษาของ, บริษัทในเครือของ, เพื่อนของ, ผู้มีอุปการคุณหรือผู้มีส่วนร่วมกับองค์กรต่างๆ ดังต่อไปนี้”

เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่ .. http://www.bibliotecapleyades.net/so…ucytrust04.htm

ขบวนการยุคใหม่ประกอบด้วยความจริงพื้นฐานผสมกับการโกหกที่ยุ่งยากและหมดอำนาจ และการละเว้นข้อมูลและเทคนิคที่สำคัญมาก...ระบบควบคุมที่ชาญฉลาดเช่นเดียวกับศาสนาอื่น ๆ

VIII.จาก Simian Roadhouse ของ C5: สหประชาชาติเข้าไปยุ่งกับศาสนา

บทนำเว็บมาสเตอร์:บล็อก / ตำราที่ให้ความรู้มากมายเกี่ยวกับศาสนายุคใหม่ / โลกใหม่, UN, การประชุมสุดยอด Rio Earth, วาระที่ 21, มูลนิธิลินเดสฟาร์น, Teilhard de Chardin, Maruice และ Hanne Strong, มูลนิธิ Manitou, Wisdom Keepers, Shamans, Glitterati, ผงคริสตัลและเรนฟอเรสต์ แชนเนลลิ่ง ayahuasca และ Crestone/Baca:

เว็บไซต์บล็อกเวิร์ดเพรสที่ชื่อว่า “C5’s Simian Roadhouse” (ด้านบน URL) ให้ข้อมูลจำนวนมากที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสหประชาชาติกับศาสนายุคใหม่และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Crestone/Baca เนื้อหาส่วนใหญ่ที่ดึงมาจากซีรีส์ 9 ตอนเรื่อง “การแทรกแซงศาสนาของสหประชาชาติ” นำเสนอไว้ที่นี่ ซีรี่ส์นี้ประกอบด้วยส่วนและหัวข้อต่อไปนี้:

ส่วนที่ 1การประชุมสุดยอดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (COP15) โคเปนเฮเกน ธันวาคม 2552
ส่วนที่ 2U. N. World Urban Forum (WUF3) 2549 แวนคูเวอร์
ตอนที่ 3อิหม่าม Ground Zero และ Interfaith Explosion
ตอนที่ 4โอบามา/ฮิลลารีและเสรีภาพในการนับถือศาสนาเทียบกับเสรีภาพในการนับถือศาสนา
ตอนที่ 5อาสนวิหารนักบุญยอห์น นครนิวยอร์ค
ตอนที่ 6UN Climate Conference (COP16) แคนคูน 29 พ.ย. – 10 ธ.ค. 2553
ตอนที่ 7การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (UNCED), ริโอ เดอ จาเนโร, 3-14 มิถุนายน 2535
ตอนที่ 8ความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นจริงในสหประชาชาติ
ตอนที่ 9กลุ่มความร่วมมือและการริเริ่มศาสนาของสหศาสนา (URI)

ตอนที่ 5 และ 7-9ให้ข้อมูลที่สำคัญเป็นพิเศษต่อการสอบสวนนี้ ชุดบล็อกนี้ระบุและติดตามกลยุทธ์ระยะยาวต่างๆ ของสหประชาชาติในการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมอเมริกันและโลก ความพยายามนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง ศาสนา วิทยาศาสตร์ ฯลฯ ความพยายามเหล่านี้ประกอบกันเป็นโครงการ "วิศวกรรมสังคม" ที่มีความทะเยอทะยานอย่างยิ่งเพื่อพัฒนา "วัฒนธรรมดาวเคราะห์ดวงใหม่" (จากเว็บไซต์ของ Paul Winter ดูด้านล่าง) ต่อไปนี้เป็นข้อความที่ตัดตอนมาจากตอนที่ 5(อาสนวิหารนักบุญยอห์น นครนิวยอร์ค) ซึ่งมุ่งเน้นไปที่บุคคลสำคัญ/นักคิดและกลุ่มต่างๆ ในขบวนการยุคใหม่ ได้แก่ นักบวชนิกายเยซูอิต, Teilhard de Chardin, มูลนิธิลินดิสฟาร์น, วิลเลียม เออร์วิน ทอมป์สัน และนักดนตรี พอล วินเทอร์ บทบาทของ Crestone/Baca ใน New World Religion อธิบายไว้ในส่วนนี้:

ก) ปิแอร์ เทลฮาร์ด เดอ ชาร์แด็ง: ผู้ปรับปรุงใหม่ นักบวชคาทอลิกนิกายเยซูอิตยุคใหม่:

เว็บมาสเตอร์:… นักบวชคาทอลิกและนักมานุษยวิทยาปิแอร์ เทลฮาร์ด เดอ ชาร์แด็งผู้แต่งเรื่อง “The Phenomenon of Man” และ “Piltdown Hoax” เป็นหนึ่งในผู้เผยพระวจนะยุคใหม่ที่ได้รับเกียรติจาก Crestone/Baca officiandos

(ในที่นี้ ข้าพเจ้าพูดนอกเรื่องสั้น ๆ เพื่อเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับฉากทางศาสนาเชิงวัฒนธรรมของ Crestone/Baca ฉันเป็นเพื่อนส่วนตัวของนิกายคาร์เมไลต์คาทอลิกใน Crestone ตั้งแต่ปี 1968 อันที่จริง พวกเขาคือสายสัมพันธ์ดั้งเดิมของฉันกับ Creston และแรงจูงใจในการเยี่ยมชม Crestone เมื่อประมาณปี 1985 ดังนั้น ข้าพเจ้าทราบดีว่าคุณพ่อวิลเลียม แมคนามารา ผู้ก่อตั้ง Spiritual Life Institute of America (หรือที่รู้จักกันในชื่อ “the Carmelites” ของ Crestone/Baca อย่างน้อยก็จนถึง “การรัฐประหารในปี 2003” แต่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง) , เคยเป็น1)ผู้เสนอแนวคิดและวิสัยทัศน์ของเดอ ชาร์แด็งสำหรับอนาคต เขาก็เช่นกัน2)“เพื่อน” ของ Michael Murphy ผู้ร่วมก่อตั้ง Human Potential Movement และ Esalen Instititute และ3)เขาเป็นเพื่อนและผู้สนับสนุนอย่างกระตือรือร้นของแรบไบอับราฮัม เฮสเชล ผู้มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการสร้างนักเทววิทยาคาทอลิกผู้ปรับปรุงใหม่ซึ่งกำหนดขึ้นโดยสภาวาติกันที่ 2พงศาวดารสารคดีใหม่สนับสนุนรับบีอับราฮัมโจชัวเฮสเชลให้ประวัติสั้น ๆ ของ Heschel:

“เฮสเชลบินไปโรมเพื่อพบกับสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 และทำงานร่วมกับคาทอลิกชาวเยอรมันในขณะที่วาติกันพัฒนาเอกสารสำคัญวาติกันที่ 2 ซึ่งระบุความสัมพันธ์ของศาสนจักรกับศาสนาที่ไม่ใช่คริสเตียน เฮสเชลต้องการให้ศาสนจักรปฏิเสธการเรียกร้องให้ชาวยิวเปลี่ยนใจเลื่อมใสโดยสิ้นเชิง และตัดตอนการอ้างอิงต่อต้านกลุ่มเซมิติกทั้งหมดออก ในที่สุดในปี 1965 ศาสนจักรก็ได้เผยแพร่ Nostra Aetate ซึ่งเรียกร้องให้มีการเคารพซึ่งกันและกันและปฏิเสธข้อกล่าวหาก่อนหน้านี้ต่อชาวยิวว่าเป็น "ผู้สังหารพระคริสต์"

เมื่อมองย้อนกลับไป ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมสถาบัน Spiritual Life จึงเป็นกลุ่มศาสนากลุ่มแรกที่ได้รับเชิญให้ย้ายไปที่ Crestone รัฐโคโลราโดและ "ที่หลบภัยแห่งความจริงของโลก" ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง!)

แต่กลับเป็นโดยชาร์ดินเพราะท่านเป็นบุคคลสำคัญอย่างยิ่งในการละทิ้งความเชื่อของคริสตจักรคาทอลิกยุคใหม่ (ต่อไปนี้มาจากเว็บไซต์ยุคใหม่ที่เรียกว่า GaiaMind):

“Pierre Teilhard de Chardin เป็นเยซูอิตชาวฝรั่งเศสที่มีวิสัยทัศน์ นักบรรพชีวินวิทยา นักชีววิทยา และนักปรัชญา ผู้ซึ่งใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตของเขาในการพยายามผสมผสานประสบการณ์ทางศาสนาเข้ากับวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสต์ศาสนศาสตร์กับทฤษฎีวิวัฒนาการ ในความพยายามนี้ เขาหลงใหลในความเป็นไปได้ของมนุษยชาติอย่างยิ่ง ซึ่งเขามองว่าเป็นการมุ่งสู่การบรรจบกันของระบบที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเป็น "จุดโอเมก้า" ที่ซึ่งการรวมตัวกันของจิตสำนึกจะนำเราไปสู่สภาวะใหม่ของความสงบสุขและเอกภาพของดาวเคราะห์ นานมาแล้วก่อนที่นิเวศวิทยาจะเป็นที่นิยม เขามองเห็นความเป็นหนึ่งเดียวที่เขาเห็นว่ามีพื้นฐานมาจากจิตวิญญาณของโลก:

“ยุคแห่งประชาชาติผ่านไปแล้ว งานที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้ หากเราไม่พินาศ ก็คือสร้างโลก” Teilhard de Chardin ถึงแก่กรรมเมื่อสิบปีเต็มก่อนที่ James Lovelock จะเคยเสนอ "สมมติฐานของไกอา" ซึ่งเสนอว่าโลกเป็นสิ่งมีชีวิต เป็นระบบที่ยิ่งใหญ่ทางชีววิทยาขนาดมหึมา แต่งานเขียนของ Chardin สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความรู้สึกของโลกว่ามีบุคลิกที่เป็นอิสระ และเป็นศูนย์กลางที่สำคัญและเป็นผู้อำนวยการในอนาคตของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดอย่างประหลาด หากคุณจะทำเช่นนั้น นั่นจะเป็นแรงชี้นำสำหรับการสังเคราะห์มนุษยชาติ

“วลี 'Sense of the Earth' ควรเข้าใจว่าหมายถึงความห่วงใยอันแรงกล้าต่อชะตากรรมร่วมกันของเรา ซึ่งดึงความคิดส่วนหนึ่งของชีวิตให้ดำเนินต่อไป ความเป็นหนึ่งเดียวทางธรรมชาติและแท้จริงของมนุษย์คือจิตวิญญาณของโลก . . ความรู้สึกของโลกคือแรงกดดันที่ไม่อาจต้านทานซึ่งจะมาในเวลาที่เหมาะสมเพื่อรวมพวกเขา (มนุษยชาติ) ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

“เราได้มาถึงทางแยกในวิวัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งทางเดียวที่นำไปสู่ความหลงใหลร่วมกัน . . การวางความหวังของเราต่อไปในระเบียบทางสังคมที่ได้รับจากความรุนแรงภายนอกก็เท่ากับว่าเราละทิ้งความหวังทั้งหมดที่จะนำพา Spirit of the Earth จนถึงขีดจำกัด”

เพื่อจุดประสงค์นี้ เขาเสนอว่าโลกในวิวัฒนาการที่แผ่ขยายออกไป กำลังเติบโตอวัยวะใหม่แห่งจิตสำนึกที่เรียกว่า นูสเฟียร์ นูสเฟียร์มีความคล้ายคลึงกันในระดับดาวเคราะห์กับวิวัฒนาการของเปลือกสมองในมนุษย์ นูสเฟียร์เป็น "เครือข่ายความคิดของดาวเคราะห์" ซึ่งเป็นระบบที่เชื่อมโยงกันของจิตสำนึกและข้อมูล เครือข่ายระดับโลกของการตระหนักรู้ในตนเอง การตอบกลับทันที และการสื่อสารของดาวเคราะห์ ในช่วงเวลาที่เขาเขียน คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะมีประโยชน์อะไรก็มีขนาดเท่าบล็อกเมือง และอินเทอร์เน็ตก็เป็นส่วนหนึ่งของนิยายวิทยาศาสตร์เชิงคาดเดา แต่วิวัฒนาการนี้กำลังเกิดขึ้นจริงและรวดเร็ว ซึ่งใน “เวลาไกอา” นั้นเป็นเพียงเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น ในช่วงเวลาอันมีค่าเหล่านี้ ดาวเคราะห์กำลังพัฒนาเปลือกสมองของเธอ เรากำลังเข้าใกล้จุดโอเมก้าที่ Teilhard de Chardin รู้สึกตื่นเต้นมาก

ตามเว็บไซต์ Universalist Quaker นี้:

“เปิดรับกระแสใหม่ๆ ในประสบการณ์ทางโลกและทางธรรม Teilhard de Chardin, Gregory Baum และ Paul Knitter ได้เสนอการแก้ไขศาสนาคริสต์แบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยมีนัยสำคัญสำหรับการสนทนาระหว่างศาสนา Teilhard de Chardin เชื่อมั่นว่าการเผชิญหน้าระหว่างศาสนาในปัจจุบันไม่สามารถบรรลุคำสัญญาได้เว้นแต่จะคำนึงถึงการวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาโดยลัทธิมนุษยนิยมทางโลก ถึงกระนั้น ลัทธิมนุษยนิยมทางโลกซึ่งขาดจุดสนใจเหนือธรรมชาติที่ได้รับจากการเปิดเผย ก็ไม่สามารถให้ประเภทของศรัทธาที่จำเป็นต่อการค้ำจุนมนุษยชาติในยุคดาวเคราะห์ที่รุ่งอรุณ ศาสนาทางตะวันออกที่แฝงไปด้วยความรู้สึกลึกลับของเอกภาพสากล เป็นจุดสนใจที่เหนือธรรมชาติ แต่ล้มเหลวในการให้ความหมายแก่ความพยายามของมนุษย์และความก้าวหน้าทางวิวัฒนาการ ศาสนาคริสต์ในรูปแบบปกติ (“ศาสนาคริสต์ยุคพาเลโอ” บางครั้ง Teilhard ก็เรียกเช่นนั้น) ได้รับความทุกข์ทรมานจากความไม่เป็นโลกเดียวกันบางประการ ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องให้มี "ศาสนาคริสต์ใหม่" ซึ่งเป็น "เวทย์มนต์ใหม่" ซึ่ง "เรายังไม่มีชื่อ" เพื่อทำหน้าที่เป็น "แกนกลางที่มีอภิสิทธิ์" ซึ่งศาสนาอาจมาบรรจบกัน 46

“การบรรจบกันโดยทั่วไปของศาสนากับพระคริสต์สากลซึ่งโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาทั้งหมดพอใจ: นั่นดูเหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงเดียวที่เป็นไปได้ของโลกและเป็นรูปแบบเดียวที่ศาสนาแห่งอนาคตจะเกิดขึ้นได้” 47

ต่างจากลัทธินักบวชปลอมที่ทำงานในรูปแบบตะวันออกและตะวันตกของลัทธิแพนเทวนิยม ลัทธิแพน-คริสต์ที่แท้จริงตามความเห็นของ Teilhard สามารถผสมผสานความกังวลของตะวันออกเกี่ยวกับเอกภาพสากลเข้ากับความกังวลของตะวันตกเกี่ยวกับศักดิ์ศรีและเสรีภาพส่วนบุคคล แม้จะมีคำพูดผ่านๆ บางประการถึงผลกระทบที่ว่าพระคริสต์ต้องถูกตีความใหม่ในลักษณะที่จะ "รวมเอาแง่มุมเหล่านั้นของพระเจ้าที่แสดงโดยพระอิศวรเทพเจ้าของอินเดีย" Teilhard มักจะพูดถึงข้อจำกัดมากกว่าข้อดีของ "ถนน" แห่งภาคตะวันออก” เมื่อถูกถามว่าชาวพุทธหรือชาวฮินดูควรเปลี่ยนมาเป็นคริสเตียนหรือไม่ เขาตอบว่า “จะเป็นการดีกว่าถ้าคุณพยายามนำความจริง [ของศาสนาเดิมของคุณ] ติดตัวไปด้วย และเปลี่ยนมันถ้าคุณทำได้ แม้ว่าบางครั้งสิ่งนี้อาจเป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้”

ข)จากเว็บไซต์ของสหประชาชาติUNESCO.org:

ในปี พ.ศ. 2524 ยูเนสโกได้จัดประชุมสัมมนาและนิทรรศการระดับนานาชาติเพื่อฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปีของปิแอร์ เตยฮาร์ด เดอ ชาร์แด็ง นักเทววิทยา นักปรัชญา และนักบรรพชีวินวิทยาชาวฝรั่งเศส มีการออกเหรียญด้วย ออกแบบโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Paul Belmondo และประทับที่โรงกษาปณ์ปารีส ด้านข้างแสดงภาพเหมือนของ Teilhard de Chardin

ด้านหลังมีแผนที่โลกซึ่งมีอักษรกรีก "โอเมก้า" อยู่ตรงกลาง ซึ่งเป็นศัพท์ของนักปรัชญาที่หมายถึงจุดบรรจบของวิวัฒนาการของโลก จารึกที่ด้านหลัง La compréhension et le เคารพ sacré de l’humain (ความเข้าใจและความเคารพในทุกสิ่งที่เป็นมนุษย์) นำมาจากจดหมายที่ Teilhard de Chardin เขียนถึงคุณพ่อ Auguste Valensin ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2471

ค) สมาคมลินดิสฟาร์น,“วัฒนธรรมดาวเคราะห์ดวงใหม่” และ Crestone/Baca โคโลราโด

ETK บันทึก:ส่วนนี้อธิบายมากเกี่ยวกับต้นกำเนิดของชุมชน Crestone/Baca interfaith (“ที่พึ่งแห่งความจริงของโลก”). เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงโดยเจตนาของเมืองเหมืองแร่/ฟาร์มปศุสัตว์ในโคโลราโดอันห่างไกลของเราให้กลายเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณระหว่างศาสนานั้นมาพร้อมกับอุดมคติในเชิงบวกมากมาย รวมถึงทรัพยากรทางปัญญาและการเงินจำนวนมากจากผู้เล่นรายใหญ่ของโลก ฉันพร้อมยอมรับว่าวีรบุรุษทางปัญญาหลักหลายคนในเรื่องนี้การเคลื่อนไหวทางนิเวศวิทยาของโลก, รวมทั้งTeilhard de Chardin, James Lovelock, E. F. Schumacher, Wendell Berry, Wes Jackson, Francis Verala, Dalai Lama และ Robert Thurmanในอดีตเคยเป็นหนึ่งในวีรบุรุษส่วนตัวของฉัน หนังสือของพวกเขาอยู่บนชั้นห้องสมุดของฉัน และฉันได้อ่านแล้ว ขณะสอนวิชาภูมิศาสตร์ที่ California State University, Stanislaus ระหว่างปี 1990 ถึง 2011 ฉันได้สอนหลักสูตรชื่อ “นิเวศวิทยาของมนุษย์” ซึ่งมักจะนำเสนอแนวคิดของคนเหล่านี้และผู้มีวิสัยทัศน์ระดับโลกคนอื่นๆ อันที่จริง ทั้งดีและ/หรือไม่ดี สหรัฐอเมริกาและโลกได้รับการเปลี่ยนแปลงโดยงานบุกเบิกของมูลนิธิลินเดสฟาร์นและบริษัทในเครืออีกมากมาย แต่ดังคำกล่าวที่ว่า“สิ่งที่แวววาวนั้นไม่ใช่ทองคำ”และแนวคิดแบบยูโทเปียที่ดูมีเมตตากรุณาเหล่านี้ยังทำหน้าที่เสมือนการแสดงออกทางพื้นผิวที่แวววาวของขบวนการยุคใหม่ซึ่งตามที่เราได้แสดงให้เห็นอย่างเพียงพอมีรากฐานมาจากปรัชญาและเหตุผล และพวกเขามีรากฐานมาจากลัทธิซาตาน.

สมาคมลินดิสซาร์น (จากวิกิพีเดีย):

สมาคมลินดิสฟาร์นเป็นกลุ่มปัญญาชนที่มีความสนใจหลากหลาย ซึ่งจัดตั้งโดยนักประวัติศาสตร์วัฒนธรรม วิลเลียม เออร์วิน ทอมป์สัน เพื่อ "ศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของดาวเคราะห์ดวงใหม่" ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดของ Jean Gebser เกี่ยวกับ "โครงสร้างที่เป็นส่วนประกอบของจิตสำนึก" และแนวคิดเกี่ยวกับ noosphere ของ Teilhard de Chardin ในปี พ.ศ. 2515 ด้วยเงินทุนจากซิดนีย์และฌอง ลาเนียร์ และต่อจากลอแรนซ์ ร็อคกี้เฟลเลอร์ ธอมป์สันได้ก่อตั้งสมาคมลินดิสฟาร์น (Lindisfarne Association) ซึ่งทำหน้าที่ต่างๆ มากมายในฐานะผู้ให้การสนับสนุนกิจกรรมและการบรรยายในยุคใหม่ และเป็นคลังความคิดและแหล่งพักผ่อน เช่นเดียวกับสถาบันเอซาเลนใน แคลิฟอร์เนีย. ลินดิสฟาร์นทำหน้าที่ดูแลอาสนวิหารนักบุญยอห์นในนิวยอร์กเป็นเวลาหลายปี ปัจจุบันลินดิสฟาร์นทำหน้าที่เป็นสมาคมเสมือนของเฟลโลว์ และพบปะกันปีละครั้งที่ Upaya Zen Center ในเมืองซานตาเฟ รัฐนิวเม็กซิโก ตามเว็บไซต์ของสมาคมลินดิสฟาร์น เป้าหมายสี่ประการของลินดิสฟาร์นคือ:

1. ดาวเคราะห์ของความลับ
2. การตระหนักถึงความสามัคคีภายในของศาสนาสากลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดและประเพณีทางจิตวิญญาณของชนเผ่าต่างๆ ในโลก
3. การส่งเสริมความสมดุลใหม่และดีต่อสุขภาพระหว่างธรรมชาติและวัฒนธรรมผ่านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสม การตั้งถิ่นฐานทางสถาปัตยกรรมและเศรษฐกิจที่เห็นอกเห็นใจสำหรับหมู่บ้านอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และเมืองที่สนุกสนาน
4. การส่องสว่างของรากฐานทางจิตวิญญาณของการปกครองทางการเมืองผ่านวิชาการและการสื่อสารทางศิลปะที่หล่อเลี้ยงระบบนิเวศแห่งจิตสำนึกทั่วโลกนอกเหนือจากระบบอุดมการณ์ในปัจจุบันที่ทำสงครามกับรัฐชาติอุตสาหกรรม สังคมดั้งเดิมที่เดือดดาล แผ่นดินและทะเลที่ถูกทำลาย

สมาชิกของลินดิสฟาร์น ได้แก่ นักวิทยาศาสตร์ เจมส์ เลิฟล็อก ครูสอนจิตวิญญาณ เดวิด สแปงเลอร์ นักแต่งเพลง พอล วินเทอร์ [อีกหลายคนในลิงก์] จากไซต์ของ Paul Winter:

“ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2522 ฉันอยู่ที่นั่นเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของ Lindisfarne Fellowship ซึ่งเป็นสมาคมของบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์ในศิลปะ วิทยาศาสตร์ และการฝึกครุ่นคิด ซึ่งอุทิศให้กับการศึกษาและการทำให้วัฒนธรรมของดาวเคราะห์ดวงใหม่เป็นจริง วิลเลียม เออร์วิน ทอมป์สัน ผู้ก่อตั้ง กวี และนักปรัชญาด้านวัฒนธรรมของลินดิสฟาร์น เดินทางมาที่ครีสโตนเพื่อสร้างหมู่บ้านพลังงานแสงอาทิตย์บนเทือกเขาแซงเกร เดอ คริสโต ในบรรดากลุ่มเพื่อนลินดิสฟาร์นในการประชุมครั้งแรกที่เมืองเครสโตนนั้นมีเวนเดลล์ เบอร์รี กวี/ชาวนา; นักมานุษยวิทยา Joan Halifax; นักบินอวกาศ รัสตี ชไวการ์ต; นักฟิสิกส์ Amory Lovins; นักนิเวศวิทยา Nancy Jack Todd และ John Todd; ผู้ก่อตั้ง Whole Earth Catalog สจ๊วตแบรนด์; กวี แกรี่ สไนเดอร์; นักชีววิทยาลินน์ มาร์กูลิส; ผู้สร้าง Arcosanti เปาโลโซเลรี; นักวิทยาศาสตร์ระบบประสาท Francisco Varela; ผู้ก่อตั้ง Esalen Michael Murphy; นักเศรษฐศาสตร์ เฮเซล เฮนเดอร์สัน; นักการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม David Orr; นักนิเวศวิทยา Dana Jackson; นักพฤกษศาสตร์ เวส แจ็คสัน; สถาปนิก Sim Van der Ryn; และคณบดีแห่งมหาวิหารเซนต์จอห์นแห่งนิวยอร์ก สาธุคุณเจมส์ พาร์คส์ มอร์ตัน การได้ใช้เวลาร่วมกับผู้คนที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้ในบรรยากาศอันน่าตื่นเต้นของเครสโตนนั้นเป็นแรงบันดาลใจอย่างมาก ฉันจำสิ่งที่เราคุยกันในช่วงเวลานั้นด้วยกันไม่ได้มากนัก แต่ฉันจำได้เต็มตาถึงเกมวอลเลย์บอลที่ยิ่งใหญ่ของเรา การปิกนิกยามพระอาทิตย์ตกดินที่ Great Sand Dunes และที่พักเรียกเหงื่อ”

จากเว็บไซต์ William Irwin Thompson World Wide:

“สมาคมลินดิสฟาร์นก่อตั้งขึ้นโดยนักเขียนชาวอเมริกัน วิลเลียม เออร์วิน ทอมป์สัน ในนครนิวยอร์กในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2515 โดยได้รับแรงบันดาลใจในปี พ.ศ. 2510 จากงานของไมเคิล เมอร์ฟี ในการนำปรัชญาตะวันออกและจิตวิทยาตะวันตกมารวมกันในการก่อตั้งสถาบัน Esalen ในเมืองบิ๊กซูร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ศาสตราจารย์ ทอมป์สันกลับไปสอนที่ M.I.T. และแสวงหาวิธีการใหม่ๆ ในการขยายขอบเขตของมนุษยศาสตร์โดยการสำรวจรากเหง้าลึกลับของวิทยาศาสตร์ตะวันตก และนำสมาธิเข้าสู่ความคิดของปรัชญาและการปฏิบัติของวิทยาศาสตร์และศิลปะ

จากการริเริ่มของ Gene Fairly ลินดิสฟาร์นได้ก่อตั้งขึ้นในนิวยอร์กแทนที่จะเป็นโตรอนโต และเอมิลี่ เซลลอน บรรณาธิการของ New York’s Main Currents in Modern Thought ร่วมงานกับทอมป์สันและแฟร์ลีในฐานะคณะกรรมการผู้ก่อตั้งสมาคมลินดิสฟาร์น ด้วยความพยายามของ Nancy Wilson Ross ผู้เขียน Three Ways of Asian Wisdom และอดีตนักเรียนของ Bauhaus ในเยอรมนี งานเขียนและการบรรยายของ Thompson ได้รับความสนใจจาก Laurance S. Rockefeller และ Sydney และ Jean Lanier และพวกเขาได้ช่วยเหลือใน ก่อตั้งโรงงานบนลองไอส์แลนด์ในปี พ.ศ. 2516 ด้วยการสนับสนุนของแนนซี วิลสัน รอส และดีน เจมส์ พี. มอร์ตัน ลินดิสฟาร์นเริ่มกิจกรรมโดยทำงานร่วมกับศูนย์เซนในซานฟรานซิสโกและอาสนวิหารนักบุญยอห์นใน นิวยอร์กและสิ่งนี้ช่วยให้งานของลินดิสฟาร์นเป็นที่รู้จักทั่วโลกและระดับชาติตั้งแต่เริ่มต้น

แม้ว่าคณบดี มอร์ตันจะเสนอให้จัดโปรแกรมการศึกษาของลินดิสฟาร์นที่อาสนวิหารตั้งแต่เริ่มต้นกิจกรรมในปี 1973 ดร. ทอมป์สันรู้สึกว่ารูปแบบการศึกษาและการไตร่ตรองแบบมีส่วนร่วมและครุ่นคิดมากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นในการแยกลินดิสฟาร์นออกจากโบสถ์และมหาวิทยาลัย ดังนั้นลินดิสฟาร์นจึงก่อตั้งขึ้นในชนบทบนเกาะลองไอส์แลนด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ถึง พ.ศ. 2520 พนักงานประจำอาศัยอยู่ในชุมชนบนพื้นที่ 13 เอเคอร์ที่ Fishcove ในเมือง Southampton แต่ได้จัดโปรแกรมการศึกษาสำหรับพื้นที่ Greater New York ผ่านการสัมมนา หลักสูตรที่อยู่อาศัย และการประชุมภาคฤดูร้อน ผู้บุกเบิก "การเคลื่อนไหวทางเลือก" หลายคน นักคิดที่มีชื่อเสียงเช่น Gregory Bateson และ E. F. Schumacher กลายเป็น Lindisfarne Fellows หรือ Scholars-in-Residence และช่วยผ่านการปรากฏตัวและสิ่งพิมพ์ของพวกเขาเพื่อร่างโครงร่างของสำนึกทางนิเวศวิทยาใหม่ ทุนการศึกษาของลินดิสฟาร์นจากช่วงเวลานี้ บางทีอาจสรุปได้ดีที่สุดในหนังสือ Earth’s Answer: Explorations of Planetary Culture ณ การประชุมลินดิสฟาร์น (นิวยอร์ก, Harper & Row, 1977)”

ดังนั้นสำหรับยุค 80 และ 90 ลินดิสฟาร์นจึงนำเสนอโปรแกรมที่มหาวิหารเซนต์จอห์น ดิไวน์ ภายใต้การอุปถัมภ์ของ “คณบดีสีเขียว” รายได้ เจมส์ มอร์ตัน

ตามคำเชิญของ Hanne และ Maurice Strong เบียทริซและวิลเลียม ทอมป์สันย้ายไปที่ Crestone ในปี 1979 และเริ่มโครงการสร้างสถาบัน Lindisfarne สำหรับการประชุมและโรงเรียนภาคฤดูร้อน และสนับสนุนให้ชาว Crestone ใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมของพวกเขาเพื่อสร้างหมู่บ้านพลังงานแสงอาทิตย์ . ธอมป์สันเลือกซิม แวน เดอร์ รินให้ออกแบบบ้านลินดิสฟาร์นเฟลโลว์ และคีธ คริตชโลว์ออกแบบโดมสำหรับโบสถ์ทรงกลมที่ทอมป์สันออกแบบเพื่อใช้เป็นโบสถ์ทำสมาธิระหว่างศาสนาของลินดิสฟาร์น ด้วยการนำของ Hanne Strong ครีสโตนเริ่มเคลื่อนตัวไปในทิศทางของการเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับสายเลือดที่ครุ่นคิดแบบดั้งเดิม และมูลนิธิ Manitou ของเธอเริ่มมอบที่ดินให้กับอาศรมนิกายโรมันคาทอลิคคาร์เมไลท์ อาศรมโยคีสองแห่ง และศูนย์พุทธศาสนาหลายแห่ง ในปี 1988 ทอมป์สันยอมรับความจริงที่ว่า Crestone อยู่ไกลเกินไปและมีค่าใช้จ่ายสูงในด้านค่าเดินทางเพื่อนำเข้าคณาจารย์สำหรับการประชุมภาคฤดูร้อนและโรงเรียน แต่ตามที่ Hanne Strong ทราบดีว่าเหมาะสำหรับการพักผ่อนเพื่อการครุ่นคิด เมื่อคำนึงถึงสิ่งนี้ ลินดิสฟาร์นจึงบริจาควิทยาเขตขนาด 80 เอเคอร์ให้กับ Crestone Mountain Zen Center และ Hanne Strong และมูลนิธิ Manitou Foundation ของเธอได้รวมพลังให้กับโครงการหมู่บ้านพลังงานแสงอาทิตย์ที่ลินดิสฟาร์นริเริ่มในปี 1979 และโครงการนี้ยังคงดำเนินต่อไปภายใต้การนำของเธอจนถึงทุกวันนี้ (ตัวเอียง ของฉัน, อีทีเค).

ด้วยการจัดตั้ง Crestone Mountain Zen Center โดยคณะกรรมการบริหารของลินดิสฟาร์นในการประชุมที่อาสนวิหารนักบุญยอห์นในนครนิวยอร์กในปี พ.ศ. 2531 (http://www.dharmasangha.com/index.html) ความสนใจของลินดิสฟาร์นกลับไปอยู่ที่โปรแกรมการสอนที่อาสนวิหาร (พ.ศ. 2531-2539) และการประชุมประจำปีกับลินดิสฟาร์นเฟลโลว์ในสถานที่ต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2531 ลินดิสฟาร์นเป็นผู้อำนวยการโครงการชีววิทยา ความรู้ความเข้าใจ และจริยธรรมที่อาสนวิหาร ซึ่งสำรวจนัยทางการเมืองและวัฒนธรรมของสมมติฐานไกอา และนัยของจิตวิทยาชาวพุทธและการฝึกสมาธิสำหรับปรากฏการณ์วิทยาในยุโรปและวิทยาศาสตร์การรับรู้ของอเมริกา โปรแกรมนี้มุ่งเน้นไปที่ CREA ที่ Ecole Polytechnique ในปารีส และการวิจัยและงานเขียนของ Evan Thompson และ Francisco Varela ด้วยความพยายามของวิลเลียม เออร์วิน ทอมป์สันและฟรานซิสโก วาเรลา การประชุมหลายครั้งจัดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรป สิ่งพิมพ์ที่เกิดจากโปรแกรมนี้คือ:

* ไกอา วิธีรู้: นัยทางการเมืองของชีววิทยาใหม่ เอ็ด วิลเลียม ทอมป์สัน (สำนักพิมพ์ลินดิสฟาร์น เกรตแบร์ริงตัน แมสซาชูเซตส์ 2530) * ภูมิทัศน์ในจินตนาการ: การสร้างโลกแห่งตำนานและวิทยาศาสตร์, วิลเลียม เออร์วิน ทอมป์สัน (สำนักพิมพ์เซนต์มาร์ติน, นิวยอร์ก, 1989) * Gaia Two, Emergence: วิทยาศาสตร์ใหม่แห่งการเป็นเอ็ด William Irwin Thompson, (Lindisfarne Press, Hudson, New York, 1991) * The Embedded Mind: Cognitive Science and Human Experience, Francisco Varela, Evan Thompson, and Eleanor Rosch (M.I.T. Press, Cambridge, Mass., 1991) * The American Replacement of Nature, William Irwin Thompson (Doubleday/Currency Books, New York, 1991) * การมองเห็นสี: การศึกษาในวิทยาศาสตร์การรับรู้และปรัชญาของการรับรู้, Evan Thompson, Routledge, London, 1995 , 2539 & 2541). * Mind in Life: Biology, Phenomenology, and the Sciences of Mind, Evan Thompson (Harvard University Press, Cambridge, MA, 2007)

บทบาทของลินดิสฟาร์นคือการเริ่มต้นแรงกระตุ้นในวัฒนธรรม แต่ไม่ใช่เพื่อพยายามเป็นเจ้าของหรือทำให้เป็นสถาบัน ตัวอย่างเช่น ลินดิสฟาร์นได้ก่อตั้งสถานที่ฝึกสมาธิด้วยการทำสมาธิและชั้นเรียนหฐโยคะ ไท่เก๊ก และปรัชญาในแฮมป์ตันส์ในปี 2516 (ผู้คนคิดว่าโครงการวัฒนธรรมนี้ค่อนข้างแปลกในเวลานั้น) ในแมนฮัตตันตั้งแต่ปี 2519-2522 ลินดิสฟาร์นตั้ง จัดทำโปรแกรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาและวิทยาการทางปัญญาโดยบรรยายโดย Nechung Rinpoche, Robert Thurman และ Francisco Varela เมื่อสถานที่พักผ่อนในยุคใหม่เริ่มกลายเป็นโรงแรมและสปาที่มีธีมที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ ลินดิสฟาร์นก็เปลี่ยนจากการทำหน้าที่เป็นศูนย์พักผ่อนเพื่อตั้งโรงเรียนสำหรับสถาปัตยกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในเมืองเครสโตนในปี 1980 เมื่อโปรแกรมเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ได้รับการสนับสนุนจากเจ้าชายแห่งเวลส์ และ เมื่อดาไลลามะสนับสนุนโปรแกรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาและพุทธิปัญญา ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะดำเนินการโปรแกรมทั้งสองของลินดิสฟาร์นในสาขานี้ต่อไป ดังนั้นโปรแกรมนี้จึงย้ายไปยังขอบฟ้าของวัฒนธรรมสาธารณะน้อยลงในวิชาต่างๆ เช่น การเมืองไกอา แนวทางแบบสหวิทยาการ ระบบไดนามิกที่ซับซ้อน และการสำรวจศิลปะของ Wissenskunst

ขณะนี้แนวทางเชิงนิเวศวิทยาและการครุ่นคิดในการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่ลินดิสฟาร์นช่วยริเริ่มในช่วงต้นทศวรรษที่เจ็ดสิบได้รับการปลูกฝังอย่างเต็มที่ในวัฒนธรรมอเมริกันและมีอยู่ในรูปแบบโปรแกรมที่วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยหลายแห่ง เช่นเดียวกับศูนย์ศาสนาดั้งเดิมหลายแห่ง และตอนนี้ใคร ๆ ก็สามารถมองได้ สำหรับฝ่ายบริหารของโอบามาเพื่อสนับสนุนโครงการใหม่ ๆ ในด้านเทคโนโลยีสีเขียวและการดูแลระบบนิเวศน์ โครงการริเริ่มของสมาคมกำลังจางหายไปพร้อมกับยุคสีเทาในยุคเจ็ดสิบ สมาคมลินดิสฟาร์นเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่างเป็นทางการซึ่งมีโครงสร้างเป็นกรรมการ เจ้าหน้าที่ และนักเรียน ได้ถูกยุบอย่างเป็นทางการในปี 2552 สมาคมลินดิสฟาร์นแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นในปี 2552 ที่ Upaya Zen Center เพื่อทำหน้าที่เป็นกลุ่มสร้างสรรค์อย่างไม่เป็นทางการที่รวมพลังกัน ผลงานและโครงการสร้างสรรค์ของผู้อื่น

ง) (จาก) ตอนที่ 7:สหประชาชาติเข้าไปยุ่งกับศาสนา: ประวัติศาสตร์การประชุมสุดยอดโลกปี 1992

การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (UNCED), ริโอ เดอ จาเนโร, 3-14 มิถุนายน 2535

Context & Connections- Compilation – 9/11 New World Order (1)

เรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า Earth Summit ปี 1992 ที่เมืองริโอ ประเทศบราซิล

อีกตัวอย่างหนึ่งขององค์การสหประชาชาติที่พยายามผสมผสานทุกศาสนาเข้าด้วยกันเป็น "จิตสำนึกสากลโลก aka: การเปลี่ยนแปลงของดาวเคราะห์ที่กำลังจะมาถึง aka: การตื่นขึ้นของโลก aka: Shift to the New Aquarian Age" และกำจัด Christian Gospel ที่ "พิเศษ"

เลขาธิการการประชุม: Maurice Strong

จากเพจ UN นี้: การประชุมสุดยอด Earth Summit สองสัปดาห์เป็นจุดสูงสุดของกระบวนการที่เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 1989 ของการวางแผน การศึกษา และการเจรจาระหว่างประเทศสมาชิกทั้งหมดของสหประชาชาติ ซึ่งนำไปสู่การยอมรับวาระที่ 21 ซึ่งมีเนื้อหาหลากหลาย พิมพ์เขียวสำหรับการดำเนินการเพื่อบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก ในตอนท้าย Maurice Strong เลขาธิการการประชุมเรียกการประชุมสุดยอดว่าเป็น “ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์สำหรับมนุษยชาติ” แม้ว่าวาระที่ 21 จะถูกทำให้อ่อนแอลงจากการประนีประนอมและการเจรจา แต่เขากล่าวว่า วาระนี้ยังคงเป็นแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุมที่สุด และหากนำไปใช้ ก็จะมีประสิทธิผลตามที่ประชาคมระหว่างประเทศเคยคว่ำบาตร ทุกวันนี้ ความพยายามเพื่อให้แน่ใจว่ามีการดำเนินการที่เหมาะสมยังคงดำเนินต่อไป และสิ่งเหล่านี้จะได้รับการตรวจสอบโดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในการประชุมสมัยพิเศษที่จะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน 1997

การประชุม Earth Summit มีอิทธิพลต่อการประชุมของสหประชาชาติที่ตามมาทั้งหมด ซึ่งได้ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชน ประชากร การพัฒนาสังคม สตรีและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ และความจำเป็นในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตัวอย่างเช่น การประชุมระดับโลกว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเวียนนาในปี พ.ศ. 2536 ได้เน้นย้ำถึงสิทธิของประชาชนในการมีสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและสิทธิในการพัฒนา ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่มีความขัดแย้งซึ่งได้รับการต่อต้านจากประเทศสมาชิกบางประเทศจนถึงริโอ

“สำหรับนักสิ่งแวดล้อมหลายคน การประชุม Earth Summit ครั้งแรกเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวระดับโลก”

ข้อตกลงการประชุมสุดยอดโลก:

ในริโอ รัฐบาลซึ่งเป็นตัวแทนของประมุขแห่งรัฐหรือรัฐบาล 108 แห่งได้รับรองข้อตกลงหลัก 3 ข้อที่มุ่งเปลี่ยนแนวทางดั้งเดิมในการพัฒนา:

* วาระที่ 21 — โครงการปฏิบัติการที่ครอบคลุมสำหรับการดำเนินการระดับโลกในทุกด้านของการพัฒนาที่ยั่งยืน
* ปฏิญญาริโอว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา — ชุดหลักการที่กำหนดสิทธิและความรับผิดชอบของรัฐ;
* The Statement of Forest Principles — ชุดหลักการเพื่อรองรับการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนทั่วโลก
นอกจากนี้ อนุสัญญาที่มีผลผูกพันตามกฎหมายสองฉบับที่มุ่งป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกและการกำจัดความหลากหลายของสายพันธุ์ทางชีววิทยาได้เปิดให้ลงนามในการประชุมสุดยอด ซึ่งให้ความสำคัญกับความพยายามเหล่านี้:
* กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และ
* อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ

(สำหรับความจริงในวาระที่ 21: Henry Lamb:วาระที่ 21 และสหประชาชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ [ดร. Michael Coffman: ความหลากหลายทางชีวภาพ: การเมืองและศาสนาของขบวนการสิ่งแวดล้อม ตอนที่ 1 https://www.youtube.com/watch?v=lnqGCiCqIk8 | ความหลากหลายทางชีวภาพ: การเมืองและศาสนาของขบวนการสิ่งแวดล้อม ตอนที่ 2 | https://www.youtube.com/watch?v=YdbeOK5Zjl8&feature=related) โปรดดูลิงก์เหล่านี้รวมถึงบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับ Agenda 21/การพัฒนาที่ยั่งยืนกับ Henry Lamb (http://freedom21.org/) โดย Brannon Howse ในรายการวิทยุ "Understanding the Times" ของ Jan Markell)

ปีหน้าที่ริโอและปากของสื่อกระแสหลักที่ซื่อสัตย์ของเรา: วันครบรอบ 20 ปีของการประชุมสุดยอดโลกปี 1992: (http://www.worldwatch.org/node/6286)

นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมวางแผนสำหรับการประชุมสุดยอด Earth 2012:

ขณะที่รัฐบาลทั่วโลกถกเถียงกันถึงบทบาทของตนในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แผนเบื้องหลังการประชุมผู้นำระดับโลกก็กำลังก่อตัวขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นานาชาติให้ความสนใจในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แผนดังกล่าววาดภาพการชุมนุมที่ชวนให้นึกถึงการประชุมสุดยอด Earth Summit ในปี 1992 ที่ริโอเดจาเนโร ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ดึงดูดความสนใจของโลกและกระตุ้นคลื่นความคิดใหม่และความกระตือรือร้นในการกำกับดูแลสิ่งแวดล้อม บังเอิญหรือไม่ รัฐบาลบราซิลได้ตกลงเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในปี 2555 โดยมีตราสินค้าว่า “Rio +20”

สำหรับนักสิ่งแวดล้อมหลายคน การประชุม Earth Summit ครั้งแรกเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวระดับโลก ท่ามกลางกระแสความวิตกของสาธารณชนเกี่ยวกับความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม การประชุมสุดยอดดังกล่าวได้รวบรวมแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและจัดทำข้อตกลงระหว่างประเทศที่สำคัญหลายฉบับ นักวางแผนและผู้สนับสนุน Rio +20 มองเห็นบทบาทที่คล้ายกันสำหรับกิจกรรมใหม่นี้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้รับความสนใจจากนานาชาติเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น มลพิษของน้ำจืดและระบบนิเวศทางทะเล การสะสมของสารพิษ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในระดับนานาชาติมากขึ้น ผู้จัดงานกล่าว

Felix Dodds ผู้อำนวยการบริหารของ Stakeholder Forum ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้เสนอแนะว่าอาจมีการทบทวนหรือเจรจาใหม่เกี่ยวกับสถาบันและข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศบางแห่งในการประชุม Earth Summit สิ่งเหล่านี้อาจรวมถึงโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติและกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Dodds ผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดวิสัยทัศน์สำหรับ Earth Summit 2012 กล่าวว่าหัวข้อหลักสำหรับการประชุมสุดยอดครั้งนี้คือ "เศรษฐกิจสีเขียว" ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในบริบทตั้งแต่นโยบายพลังงานและแรงงานไปจนถึงการตัดสินใจลงทุน ในระหว่างการวางแผนหารือกับรัฐบาลบราซิลและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม Dodds กล่าวว่ามีการเรียกร้องร่วมกัน "เพื่อรวบรวมและพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐกิจสีเขียว…. [เรา] ต้องนำข้อกังวลด้านเศรษฐกิจและการพัฒนามาด้วย”...

ตอนนี้ลองมองย้อนกลับไปที่ความอุดมสมบูรณ์ของศาสนาและพิธีกรรมนอกรีต / ยุคใหม่ซึ่งสามารถพบได้ในริโอเมื่อ 20 ปีที่แล้วโดยได้รับความอนุเคราะห์จากสหประชาชาติ:

**โปรดเริ่มต้นด้วยการดูวิดีโอ YouTube นี้ซึ่งแสดงให้เห็นถุงของ "จิตวิญญาณ" อย่างสมบูรณ์แบบที่จัดแสดงที่ Earth Summit (เราจะทำให้มันเกิดขึ้นไปด้วยกัน)
วิดีโอนี้ให้ข้อมูลสรุปที่ดีเกี่ยวกับ “The Global Forum” ซึ่งประกอบขึ้นจากเสียงคร่ำครวญและปลุกปั่นกลุ่มความยุติธรรมทางสังคม (เช่น NGOs/Non-Governmental Organizations) ซึ่งพวกเขาอ้างว่าไม่ได้รับการเหลียวแลจากชายใหญ่ . เพิ่มพลังให้กับผู้คนที่ปั่นป่วน!
นี่คือคลิป YouTube อื่นที่จะดู:

“ข้อความที่ตัดตอนมาจากสารคดี”ในมือของเรา: นอกเหนือจากการประชุมสุดยอด Earth". มีบทสัมภาษณ์อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ อัล กอร์, เบียงกา แจ็กเกอร์, ดร. เฮเลน คัลดิคอตต์, เอ็ดเวิร์ด เจมส์ โอลมอส และอีกมากมาย” ทำไม บีชบอย ทำไม??

ฟื้นศรัทธาระหว่างการประชุมสุดยอดโลกที่ริโอ:

ISER ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนของบราซิลได้ริเริ่มการเฝ้าระวังระหว่างศาสนาทั้งคืนเพื่อโลกในระหว่างการประชุม UNCED ที่เมืองรีโอเดจาเนโรในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2535 Rubem Fernandes รายงานว่า “อาณาเขตของ NGO ที่ Flamengo Park ในริโอเดจาเนโร กลายเป็น “หมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์ ” ในคืนวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2535 ประเพณีทางศาสนาที่แตกต่างกัน 25 ศาสนาเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ถึง 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ตามการรักษาความปลอดภัย ราวสามหมื่นห้าพันคนเข้ามาที่ประตูเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเฝ้าระวังตลอดทั้งคืน กลุ่มศาสนาแต่ละกลุ่มเข้าครอบครองหนึ่งในเต็นท์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับ Global Forum ทำให้เป็นพื้นที่ทำงานที่สามารถเฉลิมฉลองโลกตามพิธีกรรมเฉพาะของประเพณีนั้น เดินไปรอบ ๆ เต็นท์ตามที่หลายคนเลือกทำ คนหนึ่งเข้าไปในป่าแห่งสัญลักษณ์ที่ประกอบขึ้นเป็นชั้นลึกที่สุดของประวัติศาสตร์โลก การทดลองสัมผัสกับเส้นเขตแดนที่เปราะบาง ความแตกต่างทางความเชื่อซึ่งเป็นต้นตอของความขัดแย้งมากมายถูกนำเข้ามาอย่างใกล้ชิดเพื่อการเฝ้าระวัง ศีลมหาสนิทของชาวโรมันคาทอลิก (ร่วมกับพิธีมิสซาเพื่อวิวัฒนาการของโลกของ Teilhard de Chardin) เกิดขึ้นห่างจากการชุมนุมของนักบวชหญิง Candomblé ที่ใหญ่ที่สุดเพียงไม่กี่หลา ครั้งแรกในอเมริกา ลำดับชั้นของคาทอลิกได้แบ่งปันการเฉลิมฉลองกับทายาททางศาสนากับทาสแอฟริกัน นิกายลูเทอแรนนิกาย Aastere นำโดยประธานของสหพันธ์ลูเธอรันโลก เคารพบูชาผู้นับถือผีชาวบราซิลที่อยู่ติดกัน กลุ่มชาวฮินดู เช่น Ananda Marga, Brahma Kumaris, Sai Baba Movement, Guinana Mandiram, Hare Krishna อดทนต่อความแตกต่างของพวกเขา ทำสมาธิหรือเต้นรำในบริเวณใกล้เคียง ชาวญี่ปุ่น (Rissho Kosei-Kai) และพุทธศาสนาในทิเบตสามารถพบกันได้ ศาสนาที่ประสานกัน เช่น โบสถ์เมสสิยานิกแห่งบราซิลของญี่ปุ่นหรือซานโตไดเมแห่งอะเมซอน (ที่แบ่งปันสิ่งหลอนประสาท "อายูอัสกา" อย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่) แสดงความเคารพในเต็นท์ที่มีผู้คนพลุกพล่าน อยู่ด้วยกันอีกครั้งในตอนรุ่งสาง พวกเขาอยู่ในความเงียบชั่วขณะหนึ่ง ฟังเสียงนกขณะรอการมาถึงขององค์ทะไลลามะ พวกเขาได้ยินคำพูดของกษัตริย์ทิเบตผู้ตรงไปตรงมาและจากบาทหลวงชาวบราซิลผู้ถ่อมตน ดอน เฮลเดอร์ คามารา พวกเขายังได้ยินเสียงแซ็กโหยหวนของพอล วินเทอร์ จับมือกันและร้องไห้ตามการร้องเพลงของโอลิเวีย ไบยิงตัน และแสดงความเคารพต่อวันใหม่ด้วยการเต้นรำอย่างสนุกสนานตามจังหวะของมนต์ฮินดู”

จากนิตยสาร People:

เวลา: คืนก่อนการเปิดการประชุมสุดยอดโลกในริโอเดจาเนโร สถานที่: หาด Leme นักแสดง: สมาชิกกว่า 1,000 คนของกลุ่มสตรีจากทั่วโลกที่เรียกตัวเองว่า Female Planet มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นักเต้นบาเฮียที่นุ่งขาวห่มขาวลุยลงไปในมหาสมุทรและวิงวอนเทพธิดาแห่งท้องทะเล Iemanja ของพวกเขาให้เปิดความคิดของผู้นำโลก ต่อมา ก่อนรุ่งสาง ผู้เข้าร่วมได้เล็งกระจกพกไปที่ดวงอาทิตย์ บาร์บารา ฮัฟฟ์สมิธ ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์แองเคอเรจกล่าวว่า เพื่อชี้ "แสงแห่งความหวังของเรา" ไปยังข้าราชการในชุดสีเทาที่มารวมตัวกันที่ศูนย์ประชุม Rio Centro

อนิจจา แม้แต่สภาพอากาศก็ดูเหมือนจะไม่สนใจที่จะช่วยให้การประชุมด้านสิ่งแวดล้อมที่ทะเยอทะยานนี้ประสบความสำเร็จ แสงแรกของดวงอาทิตย์ซ่อนอยู่หลังหมอกหนาในตอนเช้า

(Video) Bilahari Kausikan on Singapore Foreign Policy (4): The New Global and Regional Strategic Context

ที่หนากว่านั้นก็คือหมอกควันในการปราศรัยที่เกิดจากตัวแทนอย่างเป็นทางการจาก 178 ประเทศและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม 40,000 คน ผู้ทำการแนะนำชักชวนสมาชิกรัฐสภาในอุตสาหกรรม และนักเคลื่อนไหวจากทุกแถบทุกสีที่มาให้กำลังใจหรือเย้ยหยันจากข้างสนาม ผู้นำทางจิตวิญญาณตั้งแต่ดาไลลามะไปจนถึงเชอร์ลีย์ แมคเลนแวะมาเยี่ยม วุฒิสมาชิกอัล กอร์แห่งเทนเนสซี ทิม เวิร์ธแห่งโคโลราโด และแลร์รี เพรสเลอร์แห่งเซาท์ดาโคตาเป็นสมาชิกสภาคองเกรสที่ให้คำแนะนำและคัดค้าน และในอดีตเจอร์รี บราวน์ ผู้หวังเป็นประธานาธิบดีได้ฉายหมายเลข 800 ของเขาแต่ขอร้องว่า “อย่าโทรมาจากริโอ! ”

บรรยากาศภายในริโอเซ็นโตรส่วนใหญ่ค่อนข้างครึ้ม แต่ที่อื่น ๆ ในเมืองก็คลายเนคไทออก Jane Fonda และ Ted Turner พุ่งขึ้นเครื่องบินเป็นเวลา 36 ชั่วโมง Placido Domingo, the Beach Boys และ John Denver แสดง Roger Moore และ Olivia Newton-John ได้รับหน้าที่อย่างเป็นทางการในฐานะทูตสหประชาชาติสำหรับ UNICEF และสิ่งแวดล้อม และ Bianca Jagger, River Phoenix, Jeremy Irons และ Edward James Olmos อยู่ที่นั่นเพราะอย่างน้อย Rio ก็เคยเป็นโรงละคร

เวทีหลักคือสวนสาธารณะฟลาเมงโกของริโอ ซึ่งมีกลุ่มสิ่งแวดล้อมหลายร้อยกลุ่มจากทั่วโลกออกบูธแสดงแนวคิดสีเขียว (คุณย่าต่อต้านสงครามนิวเคลียร์) และอุปกรณ์ (หม้อหุงพลังงานแสงอาทิตย์แบบพกพา) Jonas Froberg วัย 22 ปี ชาวสวีเดนทรงหางม้าและเท้าเปล่า นั่งลงบนพื้นและขอบคุณกล้วยและสับปะรดขณะที่เขากินมัน นักมายากลสวมเสื้อทักซิโด้กินถ่านเพลิงเพื่อประท้วงความหิวโหยของโลก นิกายทางศาสนาของบราซิลฉลองคืนหมู่บ้านอันศักดิ์สิทธิ์ ดื่มชาหลอนประสาท “มันช่างบ้าบอที่สุดในโลก” มาร์ค เอ็ดเวิร์ดส์ ช่างภาพชาวอังกฤษอุทาน “ถึงกระนั้น พลังงานและความคิดสร้างสรรค์ที่นี่มีมากกว่าในการประชุมหลัก” “ผู้คนทำสิ่งที่บ้าคลั่งและมหัศจรรย์เหล่านี้” บรันกา โมเรรา อัลเวส สตรีนิยมชาวริโอวัย 52 ปีกล่าว “แม้โลกของเราจะมีปัญหา แต่เราก็ยังคงมีความหวัง”

(กลับไปที่) Maurice และ Hanne Strong และมูลนิธิ Manitou ของพวกเขา

Maurice Strong เลขาธิการการประชุม เป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมากในโคโลราโดที่เรียกว่า Baca Ranch และเขาได้ก่อตั้งองค์กรชื่อ “Manitou Foundation” จุดประสงค์ของดินแดนและองค์กรนี้คือการรวบรวม "ประเพณีภูมิปัญญา" และกลุ่มยุคใหม่ทั้งหมดเพื่ออยู่ร่วมกันใน Interfaith Harmony และแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจล่าสุดที่พวกเขากำลังแพร่ระบาด อ้อ อย่าลืมเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย บลา บลา...

ภารกิจของชุมชน Baca นี้คือ:

1. สถานที่พักผ่อน ที่ซึ่งผู้ค้นหาสามารถบรรลุถึงสภาวะแห่งการตระหนักรู้ที่เด่นชัดด้วยคำแนะนำของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่จากประเพณีทางจิตวิญญาณต่างๆ
2. สถานที่ที่ประเพณีภูมิปัญญาของโลกสามารถรักษาและแบ่งปันความรู้กับผู้อื่นในสภาพแวดล้อมที่ครุ่นคิด;
3. การตั้งค่าสำหรับการสนทนาและการมีส่วนร่วมระหว่างศาสนา เพื่อก้าวข้ามความเชื่อที่แบ่งแยกมนุษยชาติและก่อให้เกิดความขัดแย้งและสงคราม และปลูกฝังความเข้าใจซึ่งกันและกัน การก้าวข้ามความแตกต่างมาพบกันบนพื้นฐานเดียวกัน เป็นแบบอย่างของสันติภาพและความเคารพ
4. โอกาสพิเศษในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ สร้างและสอนแนวปฏิบัติในการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน และการดูแลสิ่งแวดล้อม

PS: นี่คือ Maurice ในปี 1972 ที่พูดถึง "การเติบโตของประชากรเป็นศูนย์" (https://www.youtube.com/watch?v=1YCatox0Lxo&feature=player_embedded). กลับไปที่การประชุมสุดยอด Earth: Hanne Strong ภรรยาของ Maurice ก็เข้าร่วมการแสดงเช่นกัน: (http://www.ibavi.org/content/hanne-strong)

“ในปี 1992 Mrs. Strong ได้จัดและเป็นประธานการประชุมสองครั้งในริโอเดจาเนโรระหว่างการประชุม Earth Summit ที่มีชื่อว่า “Sacred Earth Gathering/Wisdom Keepers Convocation” วิทยากรมีทั้งนักวิทยาศาสตร์ ผู้นำศาสนา ตัวแทนกลุ่มชนพื้นเมืองและองค์กรพัฒนาเอกชน และรัฐบุรุษจากทั่วโลก ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา Mrs. Strong ได้ทำงานร่วมกับชนพื้นเมืองอเมริกันทั่วแคนาดาและสหรัฐอเมริกา รวมถึงชนพื้นเมืองทั่วโลกเพื่อช่วยเหลือในความพยายามที่จะรักษาจิตวิญญาณ คุณค่าทางวัฒนธรรม และดินแดนพื้นเมืองของพวกเขา เธอได้รับการฝึกฝนทางจิตวิญญาณอย่างกว้างขวางในรูปแบบของคำสอน การถ่ายทอดโดยตรง และการริเริ่มจากหมอผีในอเมริกาเหนือและใต้ ลามะชาวพุทธในทิเบต ปรมาจารย์ในศาสนาฮินดู ผู้นับถือนิกายซูฟี และผู้วิเศษอื่นๆ”

นี่คือรายงานจาก Earth Summit จาก "Tricycle":

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน Global Forum เปิดขึ้นที่ชายหาดยามอาทิตย์อัสดง ผู้หญิงยุคใหม่ตีกลองบนเวทีที่มีผู้คนพลุกพล่าน ท้องฟ้ามืดครึ้ม นักล้วงกระเป๋าล้วงกระเป๋าของฉัน ขณะที่เราเต้นรำไปกับเพลงของจิมมี่ คลิฟฟ์ “ริมแม่น้ำแห่งบาบิโลนที่เรานั่งลง และที่นั่นเราร้องไห้…”

วันพุธที่ 3 มิถุนายน …ภาคค่ำ ประตูสู่ฟาร์มปศุสัตว์ของ Vera ถูกเปิดโดยยาม เราขับรถผ่านสวน เพนียด นกเขา และโรงเรียน ฟาร์มปศุสัตว์แห่งนี้สร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของอารามเบเนดิกตินยุคแรกบนเนินเขาสูงชันที่มองเห็นเมืองริโอ Hanne Strong ภรรยาของ Maurice Strong ภรรยาของเลขาธิการ UNCED ได้เลือกสถานที่นี้สำหรับ “Sacred Earth Wisdom Keepers Circle” ของเธอ ซึ่งไฟจะลุกโชนและกลองจะถูกตีโดยไม่มีการหยุดชะงัก เพื่อให้มิติศักดิ์สิทธิ์แก่ การดำเนินการของสหประชาชาติ เธอได้เชิญเพื่อน ๆ ชนพื้นเมืองอเมริกัน ผู้เผยพระวจนะยุคใหม่และนักโหราศาสตร์ นักชีววิทยาและนักเศรษฐศาสตร์ Gaia และนักเคลื่อนไหวระดับรากหญ้า

หลังจากพิธีลุยไฟในตอนเย็น ฮันน์อธิบายโลกทัศน์ของเธอให้ฉันฟัง เป็นเรื่องปกติของผู้นำยุคใหม่ที่ฉันเคยพบ—เป็นการผสมผสานระหว่างคริสต์ศาสนิกชนและชนพื้นเมืองอเมริกันในยุคสันทรายที่ฉันพยากรณ์ เสริมสร้างด้วยแบบจำลองทางเศรษฐกิจแบบ เธอกล่าวว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจของอเมริกาจะเข้าสู่ความโกลาหล โรคที่ทำให้ดูเหมือนโรคเอดส์จะระบาดไปทั่วโลก ผู้คนสี่ห้าพันล้านคนจะ "เช็คเอาท์" ในอีกเจ็ดปีข้างหน้า สถานที่ไม่กี่แห่งจะปลอดภัยสำหรับการอยู่อาศัย เช่น หุบเขาบาคา รัฐโคโลราโด เธอดึงคนของเธอมารวมกันที่นั่น—ชาวนาออร์แกนิก ผู้นำทางจิตวิญญาณ “มาอยู่กับเราสิ” เธอเสนอ

Friday, June 5: Senator Al Gore opens the “Forum for Spiritual and Parliamentary Change.” He speaks more passionately than when I last saw him, but can he articulate a green platform? Miles beyond the others, but is he wily enough to take on the demon monkeys? The Dalai Lama’s morning prayer vigil with the children of the city and his visit to Greenpeace’s ship, Rainbow Warrior, are broadcast all over Brazil. Yet, due to pressure from the Chinese government he has not been invited to participate at UNCED. Li Peng, China’s leader, has refused to attend the conference while the Dalai Lama is still in town. He cannot mention Tibet during his visit, despite the fact that its environment is being devastated by the Chinese. Were he able to stay longer he might lend inspiration to a fragmented environmental community.

เขาให้คำจำกัดความอย่างกล้าหาญว่าการใช้กำลังทหารและจำนวนประชากรมากเกินไปเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดสองประการของการทำลายชีวิตบนโลก แม้ว่าการคุมกำเนิดจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับชาวพุทธ เขากล่าวว่า หากเราไม่ปฏิบัติจริงและจัดการกับปัญหาของประชากร เราก็ถึงวาระแล้ว

ความคิดของดาไลลามะเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้เปลี่ยนไปตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 80 เมื่อเขาสนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์เช่นเดียวกับชาวโลกที่สามหลายคนที่ประทับใจในศักยภาพของการแก้ปัญหาทางเทคโนโลยีเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากของโลก เพื่อประโยชน์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและรุ่นต่อ ๆ ไป เขาเรียกร้องให้หยุดการย่อยสลายของโลก เขาเสนอให้ทิเบตเป็น "เขตแห่งอหิงสา" แห่งแรกของโลกที่ห้ามใช้ความรุนแรงต่อสรรพสัตว์

วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน: ฉันเดินออกไปที่กองไฟเพื่อบรรเทาชาวแองโกลเคนยาที่ตีกลองอยู่คนเดียวตั้งแต่รุ่งสาง จะเป็นวันที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับริโอในเดือนมิถุนายน เราตีกลองด้วยกัน เขาบอกฉันว่าเขาเหมือนวิลเดอบีสต์ในการอพยพถาวร จากนั้นเขาก็ออกไปงีบหลับ ควันจากกองไฟและแสงแดดอันร้อนระอุไล่ฉันไปรอบวง ต้นไม้เต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูที่ผึ้งและนกฮัมมิ่งเบิร์ดดื่มจาก ฉันกำลังทดลองกับทุกจังหวะที่ฉันคิดได้ ทันใดนั้นฉันเห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์นั่งอยู่บนม้านั่งนอกวงกลม สูบบุหรี่และมองดูฉันตีกลอง เขาเป็นหนึ่งในชาวอินเดียจากแมนิโทบาซึ่งฉันตีกลองแรงเกินไป เขามาหาฉันและบอกฉันว่า “ตีกลองได้สองแบบ—แบบนี้…” เขาหยิบกลองอีกอันมาตีช้าๆ และแม้กระทั่งว่า “หรือนี่” เขาเต้นเป็นจังหวะของหัวใจ ด้วยความเขินอาย ฉันหยิบกลองอีกใบที่มีหัวที่แน่นกว่าและควายทาสี แล้วเล็งไปที่ตาของควาย ในกรณีที่คุณสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของ "Wisdom Keepers" ของ Hanne นี่คือบทความที่ตัดตอนมาจากหนึ่งในนั้น (Elisabet Sahtouris จาก "The Evolution of Governance," http://www.context.org/iclib/ic36/ sahtour/):

“ธรรมาภิบาลแบบใดที่เหมาะสมในสังคมโลกที่ซับซ้อน เพื่อพิจารณาสิ่งนั้น เราได้ย้อนเวลากลับไปในยุคก่อนมนุษย์ ก่อนไดโนเสาร์หรือแมลง จนถึงเวลาที่บรรพบุรุษจุลินทรีย์ของเราเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่พวกมันสร้างขึ้นเอง ในการศึกษาวิวัฒนาการของโลก เรื่องราวที่น่าสนใจที่สุดที่ฉันรู้คือเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในสมัยโบราณที่สร้างวิถีชีวิตที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ เต็มไปด้วยความสำเร็จทางเทคโนโลยี เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า พลังงานนิวเคลียร์ การรวมตัวกันของ DNA และระบบข้อมูลทั่วโลก พวกเขายังสร้าง – และแก้ไข – วิกฤตสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ทำลายล้างและให้บทเรียนมากมายที่เราจะนำมาพิจารณา นี่ไม่ใช่สถานการณ์ของ Von Daniken; สิ่งมีชีวิตไม่ได้มาจากนอกโลก พวกมันเป็นบรรพบุรุษของเรา แต่เป็นบรรพบุรุษที่อุดมสมบูรณ์: แบคทีเรียโบราณ ในบทความวิทยาศาสตร์ยอดนิยมชิ้นหนึ่งของเขา ลูอิส โทมัสสังเกตว่าไมโตคอนเดรียจำนวนมหาศาลในแต่ละเซลล์ของเราเป็นลูกหลานของแบคทีเรียเหล่านี้ โดยเสนอว่า เราอาจเป็นรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้ไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัย

จากมุมมองใดก็ตามที่เราเลือกที่จะกำหนดความสัมพันธ์ของเรากับพวกเขา เป็นที่ชัดเจนว่าตอนนี้เราได้สร้างวิกฤตแบบเดียวกับที่พวกเขาเคยเกิดขึ้นเมื่อสองพันล้านปีก่อน นอกจากนี้ เรากำลังดิ้นรนเพื่อหาทางออกที่พวกเขาได้รับ – วิธีแก้ปัญหาที่ทำให้วิวัฒนาการของเราเองเป็นไปได้ และตอนนี้สามารถปรับปรุงโอกาสของลูกหลานที่อยู่ห่างไกลของเราเอง ไม่ต้องพูดถึงอนาคตอันใกล้ของเรา

ในการประชุม Earth Summit ที่ริโอเมื่อปีที่แล้ว ฉันได้เล่าเรื่องราวของแบคทีเรียโบราณให้กลุ่ม “Wisdom Keepers” ซึ่งเป็นกลุ่มที่จัดโดย Hanne Strong ฟัง ฉันเสริมว่าฉันสงสัยมานานแล้วว่าแบคทีเรียโบราณทำได้อย่างไร และตอนนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เห็นกระบวนการเดียวกันโดยตรงในฐานะพยานและในฐานะผู้มีส่วนร่วม

อย่างไรก็ตาม สื่อของเรารายงานได้ไม่ดีนัก ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ที่ฉันพูดคุยด้วยรู้สึกว่าการชุมนุมเป็นเหตุการณ์สำคัญอย่างยิ่งในการปรับโครงสร้างองค์กรของมนุษยชาติ จากวิถีชีวิตที่มีการแข่งขัน ชนะ/แพ้ ไปสู่การร่วมมือกันทั่วโลก เห็นได้ชัดว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องในการประชุมสุดยอดประชาชน ไม่ใช่กระบวนการอย่างเป็นทางการ เป็นผู้นำทาง….”

ชื่อของเธอคือ Elisabet Sahtouris และนี่คือเว็บไซต์ของเธอ เธอเป็น “นักชีววิทยาวิวัฒนาการ นักอนาคต ที่ปรึกษาธุรกิจ ผู้จัดงาน และที่ปรึกษาสหประชาชาติเกี่ยวกับชนเผ่าพื้นเมือง” ฉันคิดว่าคุณจะเพลิดเพลินไปกับงานเขียนชิ้นนี้ของคุณ Sahtouris:

“ฉันมาถึงริโอหลังจากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยชนพื้นเมืองในซันติอาโกเดชิลี หลายวันก่อนที่ฉันจะเข้าร่วมการประชุม Sacred Earth ในสุดสัปดาห์ การไปครั้งแรกของฉัน […] คือการไปที่หมู่บ้าน Kari-Oca ของอินเดีย ซึ่งสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ Rio 92 ตั้งอยู่ในหุบเขาที่สวยงามหนึ่งชั่วโมงจากริโอ ใกล้กับสถานที่ประชุม Earth Summit ของ Riocentro ซึ่งผู้นำทางการเมืองของโลกจะ– หรือคิดว่าจะตัดสินชะตากรรมของโลกในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันไปที่ Kari-Oca กับ Leon Shenandoah, Tadadahoh (หัวหน้าหัวหน้าของ Haudenosaunee (อิโรควัวส์), Onandaga Nation ผู้ซื่อสัตย์ Oren Lyons, Barbara Pyle จาก CNN และคนอื่นๆ อีกหลายคน […]

หลังจากสิบหกชั่วโมงโดยรถประจำทาง เราก็ขับรถจี๊ปต่ออีกหนึ่งคัน บางครั้งก็ขับตรงผ่านแม่น้ำที่ละลายด้วยหิมะซึ่งมีน้ำสูงถึงกระจกหน้ารถ ชาวมาปูเชต้อนรับเราด้วยพิธีบูชาต้นไม้ Araucaria อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพวกเขาทาสีต้นไม้ด้วยเม็ดสีน้ำเงินเพื่อความอุดมสมบูรณ์ และด้วยการเต้นรำของนกกระจอกเทศอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิธี เม็ดสีฟ้ายังประดับแก้มของพวกเขาและถูกลูบบนพวกเราขณะที่ชาวบ้านแต่ละคนสวมกอดผู้มาเยือนแต่ละคน หลังจากชาวมาปูเชเล่าประวัติศาสตร์อันน่าเศร้าของพวกเขาภายใต้การปกครองของยุโรป คนพื้นเมืองในกลุ่มของเรา (ชาวอะบอริจินของออสเตรเลีย ชาวเมารี ชาวซามี ฯลฯ) ก็กลับมาต้อนรับขับสู้ด้วยการทักทายและการเต้นรำของพวกเขาเอง

Macsuara เล่าให้เราฟังถึงเรื่องราวการสร้างสรรค์อันสวยงามของผู้คนของเขาผ่านล่ามภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาอังกฤษ และ Barbara ก็ส่งเขามาที่กล้องขณะที่เขาพูดถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้คนของเขาต้องสอนโลกของเรา เมื่อเขาพูดจบ เราทุกคนไปที่เรือนยาวสำหรับทำพิธี ซึ่งคนพื้นเมืองจากหลายส่วนของโลกกำลังเต้นรำตามประเพณีของพวกเขา หลังจากเราดูการเต้นรำไปสองสามรอบ Davi Yanomami ซึ่งเป็นตัวแทนของคนของเขาในอเมริกาเหนือเดินทางไปอ้อนวอนให้ช่วยรักษาป่าอะเมซอนของพวกเขา ประกาศว่าเขาจะเต้นเพื่อติดต่อกับพระผู้สร้าง ห้ามใช้กล้องถ่ายรูปโดยเด็ดขาดเนื่องจากอาจสูญเสียข้อมูลประจำตัวของนักข่าวในการประชุม Earth Summit ทั้งหมด Davi สูดดมผงกระดูกของบรรพบุรุษ หลั่งเหงื่อจากร่างกายของเขาในการร่ายรำอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง Davi ประสบความสำเร็จในการติดต่อกับพระผู้สร้าง E liana Potiguara หญิงชาวอะเมซอนซึ่งต่อมาฉันเป็นประธานร่วมของวันสตรีที่รัฐสภาโลก ยืนอยู่ข้าง Davi และเข้าสู่ภวังค์ลึก Macsuara แสดงความคิดเห็นในภายหลังว่า Davi สานต่อเรื่องราวการสร้างสรรค์ของเขาเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญเนื่องจากทั้งหมดถูกถักทอเข้าด้วยกันเป็นดีไซน์เดียว ดู? ฉันไม่ได้คัดท้ายคุณผิด คุณสนุกใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อใจฉันในครั้งต่อไปเช่นกัน

เป็นอีกหนึ่งใน "Wisdom Keepers" ของ Hanne Strong: ผู้นำทางจิตวิญญาณของอินเดีย Dadi Janki วัย 88 ปีไม่ใช่คนธรรมดา และหลายคนในจอร์แดนพบว่าเธอมาเยือนประเทศนี้เป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้อย่างทันท่วงที และสร้างความมั่นใจในช่วงที่เกิดความปั่นป่วนรุนแรงในตะวันออกกลาง ในฐานะหนึ่งใน 10 “ผู้รักษาปัญญา” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้นำทางจิตวิญญาณที่โดดเด่นของโลกซึ่งให้คำแนะนำแก่ผู้นำทางการเมืองในการประชุม Earth Summit ปี 1992 ที่บราซิลเกี่ยวกับปัญหาทางจิตวิญญาณที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม Janki ในการเยือนจอร์แดนและการเผชิญหน้ากับผู้คนได้ปรากฏตัวขึ้น เพื่อปลูกฝังความหวังสู่สันติภาพ แม้ว่าจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในภูมิภาคก็ตาม ในระหว่างการประชุมประจำวันของเธอกับสาธารณชนและผู้นำมืออาชีพที่สนใจการสนทนาระหว่างศาสนาและการแลกเปลี่ยนข้ามวัฒนธรรม ครอบครัวและเพื่อนๆ ของพวกเขา เธอต้องเผชิญกับคำถามซ้ำๆ ว่า “จะมีสันติภาพได้อย่างไรกับความอยุติธรรมทั้งหมดในดินแดนปาเลสไตน์และ ในอิรัก? เราจะรักษาความสงบภายในท่ามกลางการเข่นฆ่าและการทำลายล้างได้อย่างไร? เราจะต่อสู้กับความรู้สึกเสียใจและความโกรธในสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรที่จะปกป้องตนเองจากพลังด้านลบและความมืดรอบ ๆ ภูมิภาคของเรา”

Janki ห่อด้วยส่าหรีอินเดียสีขาว รักษาความเรียบง่ายโดยเน้นว่า "สันติภาพเริ่มต้นจากภายใน" หากจะต้องมีสันติภาพในประเทศต่างๆ และเสริมว่า "สันติภาพภายใน" สามารถบรรลุได้โดยบุคคลผ่านการใช้ชีวิตตาม "คุณค่า" และ "คุณธรรม" ” เธอบอกชาวจอร์แดนให้ขจัดความเศร้าโศกออกจากความคิดของพวกเขาแม้จะมีความปั่นป่วน และส่ง "ความคิดเชิงบวกเกี่ยวกับสันติภาพ" โดยไม่คำนึงถึงแง่ลบ โดยยืนยันว่าแรงสั่นสะเทือนดังกล่าวสามารถแพร่กระจายไปยังประเทศต่างๆ ได้ เธอกล่าวว่า ความคิดเรื่องความเศร้ามีแต่จะ เช่นเดียวกับความคิดและความรู้สึกเชิงลบอื่น ๆ ดังนั้นความต้องการ "มีเพียงความคิดและความรู้สึกที่ดี"

(หมายเหตุ ETK:แน่นอน และชาวปาเลสไตน์ที่กำลังถูกทรมานอย่างช้าๆ และถูกกำจัดโดยผู้พิชิตชาวอิสราเอลของพวกเขา ควรหยุดแพร่กระจาย "การสั่นสะเทือนของความเศร้าโศก" และคิดในแง่บวก! ช่างไร้สาระอะไรเช่นนี้!)

ผู้นำทางจิตวิญญาณของอินเดีย ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยทางจิตวิญญาณโลกของบราห์มา กุมารี ในลอนดอนในปี พ.ศ. 2517 และต่อมาได้ดูแลการจัดตั้งศูนย์ที่คล้ายคลึงกันใน 84 ประเทศ กล่าวว่า การรักษา "ความสงบภายใน" ทำให้เกิด "พลังภายใน" ที่ความมืดมนที่สุดไม่สามารถทะลุทะลวงได้ กองกำลังเชิงลบ […] เธอมักจะแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ของเธอกับผู้ชมชาวจอร์แดนของเธอ ซึ่งบางครั้งรวมถึงกลุ่มคนหนุ่มสาวและวัยรุ่น เพื่อถ่ายทอดประเด็นที่เธอกำลังทำ รวมถึงเรื่องราวที่เธอไม่เคยร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกจากการสูญเสียผู้เป็นที่รัก หนึ่ง แต่ส่ง "ความคิดและการสั่นสะเทือนของความรักและสันติภาพ" ไปยังจิตวิญญาณของพวกเขาเท่านั้น “มหาวิทยาลัยทางจิตวิญญาณแห่งโลกของบราห์มา กุมารี” ของ Ms. Janki มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับ UN และสามารถพบได้เสมอในการประชุมสุดยอดทุกปี

บราห์มา กุมารี (BKs) คืออะไร?

ผ่านทางเครือข่ายศูนย์ระหว่างประเทศ องค์กรเสนอหลักสูตรการทำสมาธิแบบราชาโยคะและการบรรยาย หลักสูตรระยะสั้น และโปรแกรมต่างๆ มากมายในการพัฒนาตนเอง โครงการเผยแพร่สู่ชุมชนตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของท้องถิ่น ศูนย์พักผ่อนบราห์มา กุมารีมีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนและหล่อเลี้ยงซึ่งบุคคลและกลุ่มอาชีพสามารถสำรวจการทำสมาธิและการประยุกต์ใช้คุณค่าทางจิตวิญญาณในชีวิตประจำวัน ในระดับชาติและระดับนานาชาติ บราห์มา กุมารีได้ประสานงานโครงการต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสังคมและมนุษยธรรมในระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยการมีส่วนร่วมในความร่วมมือและการเจรจา จุดเน้นอยู่ที่การพัฒนาการเรียนรู้ทางจิตวิญญาณอยู่เสมอซึ่งเป็นกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงส่วนบุคคลและโลก

ดำเนินการคู่ขนานไปกับการประชุม Earth Summit (UNCED) ของรัฐบาลอย่างเป็นทางการในปี 2535 เป็นกิจกรรมและการประชุมสุดยอดอื่น ๆ เช่น:

** “Parliamentary Earth Summit” ที่มี “ผู้นำทางจิตวิญญาณและสมาชิกสภานิติบัญญัติ” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Dalai Lama, John Denver และ Al Gore...
** “การรวบรวมโลกศักดิ์สิทธิ์” จัดขึ้นเป็นเวลาสองวันก่อนถึงการประชุมสุดยอดโลก...
** การประชุม "Wisdom Keepers Convocation" เกิดขึ้นระหว่างการประชุม Earth Summit...
** “Global Forum” ซึ่งประกอบด้วยนักกิจกรรมสีเขียวตัวยงในบรรยากาศงานรื่นเริง...
** และ “การประชุมระดับโลกของชนพื้นเมือง”…

ทั้งการประชุม Sacred Earth Gathering และ Indigenous Peoples มีแถลงการณ์ซึ่งสามารถอ่านได้ที่นี่:

การประกาศการรวบรวมโลกอันศักดิ์สิทธิ์

คำประกาศหมู่บ้าน Kari-Oca ของการประชุมระดับโลกของชนเผ่าพื้นเมือง (ลิงก์ของชนพื้นเมืองนั้นยังมีคลิปวิดีโอสองสามคลิปสำหรับดูการอ่านเอกสารอย่างเป็นทางการ)

ส่วนหนึ่งของพิธีเปิดการประชุม Earth Summit: มูลนิธิ GaiaShip Foundation ได้สนับสนุนการเดินทางของเรือยาวไวกิ้งจำลองขนาดเต็มชื่อ GAIA ไปยังการประชุม Earth Summit ในปี 1992 ที่เมืองรีโอเดจาเนโร เรือลำนี้แล่นภายใต้ธงยูนิเซฟในฐานะทูตของเด็กๆ ทั่วโลก และ ‘สินค้า’ ของเธอคือข้อความแห่งความหวังและความห่วงใยจากเด็กๆ นับพันตลอดการเดินทาง 15,000 ไมล์จากนอร์เวย์ของเธอ

ไม่สามารถตั้งชื่อให้เหมาะสมกว่านี้ได้ (รูปตามลิงค์)

นี่คือบทความจาก Dallas Morning News:

“เดินเล่นบนชายหาดและคุณอาจเห็น Sting หรือ Placido Domingo รับชมการประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมของ มิคาอิล กอร์บาชอฟ ฟัง Shirley MacLaine สนทนาเรื่องเวทย์มนต์ หรือพูดคุยกับดาไลลามะตอนพระอาทิตย์ขึ้น มันคือการประชุม Earth Summit ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการพูดคุยของ Woodstock และ Yalta โดยมีมากกว่าเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ สิ่งที่ควรจะเป็นการแสดงความเคารพอย่างเคร่งขรึมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมได้กลายเป็นส่วนผสมของความถูกต้องทางการเมือง ความละเอียดอ่อนทางนิเวศวิทยา และความแปลกประหลาดธรรมดา” […]

สถานที่ท่องเที่ยวที่แปลกประหลาดที่สุดแห่งหนึ่งคือการประชุมเงาที่เรียกว่า Global Forum ซึ่งเป็นเต็นท์ยาว 2 ไมล์และเต็นท์ชั่วคราวที่วุ่นวายซึ่งดึงดูดขบวนพาเหรดของผู้คนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 เครื่องแต่งกายที่เลือกคือรองเท้าแตะ กางเกงขาสั้นทรงหลวม และเสื้อยืดที่มีข้อความว่า ”อนุสรณ์ 500 ปีแห่งการรุกรานของอเมริกา” เป็นการยากที่จะเดินไป 5 หลาโดยไม่เจอใครสักคนที่ลากกลองบองโกหรือจุดธูปหรือทิ้งคำว่า "องค์รวม" ในการสนทนา คุณคาดว่าเจอร์รี่ บราวน์จะโผล่ออกมาจากร่มเงาของต้นมะม่วงในเวลาใดก็ตาม มองไม่เพิ่มเติม บราวน์สละเวลาจากการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันศุกร์เพื่อเข้าร่วมการสัมมนาที่นำโดย Sierra Club และกล่าวสุนทรพจน์ในวันเสาร์ […]

วันก่อน ผู้หญิงแปดคนจากนิวซีแลนด์ นิวเจอร์ซีย์ และระเบียบโลกใหม่นั่งล้อมวงกันใต้ป้ายที่เขียนว่า "การรักษาเครือข่าย: ภูมิปัญญาของไม้เท้าพูดได้" พี่เลี้ยงเตือนพวกเขาว่า “อย่าถือไม้เท้านานเกินไป” เช่นเดียวกับผู้คนจำนวนมากในฟอรัม พวกเขาได้สัมผัสกับความรู้สึกของพวกเขา ความรู้สึกมีความสำคัญในฟอรัม เช่นเดียวกับที่เอกสารและการสร้างฉันทามติมีความสำคัญในห้องประชุมที่จัดการประชุม Earth Summit ในขณะที่กษัตริย์คาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดนบอกกับผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดที่ใส่เสื้อสูทเต็มยศเกี่ยวกับการพัฒนาอย่างรับผิดชอบ หลายสิบคนมารวมตัวกันห่างออกไป 25 ไมล์ที่กระโจม Global Heart ของฟอรัมเพื่อ "การฝึกตีกลองและการหายใจแบบตะวันออก" และโปรแกรมอื่นๆ

ด้านนอก ผู้ประทับจิตนั่งลงเพื่อ "การชำระล้างผู้คนทั่วโลก" ในรูปแบบของ Arte Mahikari ซึ่งเป็นเทคนิคของญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับการโบกมือต่อหน้าเพื่อปลดปล่อยพลังงาน “พระพุทธเจ้า พระเยซู โมเสส ชาวอียิปต์และผู้รู้แจ้งทุกคนใช้ศิลปะนี้ไม่ใช่เพื่อการรักษา แต่เพื่อยกระดับจิตวิญญาณ” Claudia Stylita ผู้ซึ่งทำงานให้กับ Arte Mahikari ในฐานะ “ผู้พิทักษ์” กล่าว เธอเสริมว่าการสัมมนาสามวันเพื่อการยกระดับจิตวิญญาณมีขึ้นในใจกลางเมืองริโอในราคา 100 ดอลลาร์

สาระไม่มาก

บรรยากาศของคณะละครสัตว์ชวนให้เกิดคำถาม: ฟอรัมดังกล่าวสามารถทำอะไรเพื่อสิ่งแวดล้อมได้จริงหรือ? คำตอบคือ: ไม่มากนัก ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่พูดถึง "เครือข่าย" "การเสริมอำนาจ" และ "เทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกัน" พวกเขาเสริมว่าพวกเขามีหน้าที่ในการจับตาดูกลุ่มคนชุดดำที่โถงประชุมสุดยอด อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการแสดงตลกของ Shirley MacLaine หรือไม่? นี่คือบางส่วนจากบล็อกสปอตของ Akio Matsumura:

ในมื้อกลางวันที่เขาเคยเป็นเจ้าภาพให้ฉัน ผู้ว่าการบราวน์แนะนำให้ฉันรู้จักกับนักแสดงหญิงเชอร์ลีย์ แมคเลน ซึ่งฉันรู้จักดีเมื่อเธอเข้าร่วมการประชุมสุดยอดรัฐสภาโลกปี 1992 ที่เมืองริโอเดจาเนโร เชอร์ลี่ย์ได้ผลิตหนังสือขายดีหลายเล่มและติดต่อกับโลกแห่งจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง ฉันสามารถเข้าใจสายสัมพันธ์ระหว่าง Shirley และ Governor Brown ได้อย่างแน่นอน (เชอร์ลี่ย์และคุณบริท เอ็ลเดอร์ส มือขวาผู้ใจดีของเธอ ใจดีพอที่จะแบ่งปันบล็อกของฉันบนเว็บไซต์ของเธอเสมอ)”

เกี่ยวกับ Akio: Akio Matsumura ทำงานในองค์กรต่างๆ มากมายในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อรวบรวมผู้คนจากทุกเชื้อชาติ การเมือง สัญชาติ และศาสนา เพื่อเอาชนะความแตกแยกทางอุดมการณ์และมุ่งสู่เป้าหมายเพื่ออนาคตร่วมกัน ใช่ การกระทำระหว่างศาสนามากขึ้น ถอนหายใจอีกตัวอย่างหนึ่งของ Shirley จากcontext.org:

แต่มันทำได้มากกว่านั้น นอกจากการประชุมสุดยอดของรัฐบาลแล้ว ยังมีการประชุมสุดยอดทางธุรกิจ ซึ่งบริษัทต่างๆ ได้ส่งเสริมเทคโนโลยีสีเขียวใหม่ๆ มีการประชุมสุดยอดทางจิตวิญญาณ โดยมีดาไลลามะ เชอร์ลีย์ แมคเลน หมอผีในป่าดงดิบ และผู้ทำสมาธิที่จริงจังเข้าร่วม ซึ่งลงมาที่ห้องประชุมล่วงหน้าสองวันเพื่อเติมเต็มความสงบและความเห็นอกเห็นใจ

บทความจาก: The Birmingham Post (อังกฤษ)

Jane Fonda อยู่ที่นั่น เปเล่ก็เช่นกัน วุฒิสมาชิกสหรัฐที่ค่อนข้างคลุมเครือชื่ออัล กอร์ เข้าไปในเมืองและดูประทับใจกับ "ต้นไม้แห่งชีวิต" ที่เป็นสัญลักษณ์ จอห์น เดนเวอร์ ร้องเพลงเพื่อรัฐสภาฝ่ายวิญญาณ ดาราฮอลลีวูด Shirley MacLaine นั่งสมาธิกับดาไลลามะ

เมื่อสิบปีที่แล้ว เมืองรีโอเดจาเนโรของบราซิลเต็มไปด้วยนักการเมือง คนดัง และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื่องจากองค์การสหประชาชาติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Earth Summit

นี่คือวิดีโอ C-Span บางส่วนที่ควรรับชม: ฟอรัมผู้นำทางจิตวิญญาณและรัฐสภาเพื่อการอยู่รอดของมนุษย์สนับสนุนการแถลงข่าวก่อนการประชุมสุดยอดรัฐสภาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร เพื่อให้สอดคล้องกับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา ส.ว. อัลเบิร์ต กอร์ นักร้อง จอห์น เดนเวอร์ และดาไล ลามะ แถลงและตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อมและความคืบหน้าของการประชุมสุดยอดโลกของสหประชาชาติ”

มีอะไรเพิ่มเติมสำหรับคุณที่คลั่งไคล้ C-Span: ส.ว. อัลเบิร์ต กอร์ สมาชิกวุฒิสภาคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ วิทยาศาสตร์ และการขนส่ง และผู้เขียนหนังสือขายดีเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมชื่อ Earth in the Balance เป็นผู้บรรยายหลักที่รัฐสภา Earth การประชุมสุดยอดที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล งานนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Forum of Spiritual and Parliamentary Leaders on Human Survival และจัดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน Sen. Gore สนับสนุนการเมืองโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของโลกเมื่อทำการตัดสินใจเกี่ยวกับทรัพยากรทางเศรษฐกิจและการเมือง

ส่วนหนึ่งของคำแถลงของดาไลลามะในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (UNCED) นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล 5 มิถุนายน 2535:

ฉันมีความสุขมากและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้อยู่กับคุณที่นี่ ความเชื่อพื้นฐานของฉันคือจุดประสงค์ของชีวิตเราคือความสุข และความสุขขึ้นอยู่กับพื้นฐานของมันเอง ข้าพเจ้าเชื่อว่าพื้นฐานหรือเหตุแห่งความสุขและความพอใจคือการพัฒนาทางวัตถุและจิตวิญญาณ จากนั้นอีกครั้ง มนุษย์โดยไม่คำนึงถึงความสามารถ ความรู้ เทคโนโลยี โดยพื้นฐานแล้วเป็นผลผลิตจากธรรมชาติ ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วชะตากรรมของเราขึ้นอยู่กับธรรมชาติเป็นอย่างมาก

ในสมัยโบราณ ข้าพเจ้าคิดว่าเมื่อความสามารถของมนุษย์มีจำกัด เราก็ตระหนักดีถึงความสำคัญของธรรมชาติ ดังนั้นเราจึงเคารพธรรมชาติ แล้วเวลาก็มาถึงเมื่อเราพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเรามีความสามารถมากขึ้น บางครั้งดูเหมือนว่าผู้คนลืมความสำคัญของธรรมชาติ บางครั้งเราได้รับความเชื่อผิดๆ บางอย่างที่ว่ามนุษย์เราสามารถควบคุมธรรมชาติได้ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยี แน่นอนว่าในพื้นที่จำกัดเราทำได้ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับโลกโดยรวมแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ ความสำคัญของโลกของเรา สักวันหนึ่งเราอาจพบว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้รวมถึงมนุษย์ต้องถึงวาระ...

เราสามารถพบคำพูดที่น่าสนใจในรายงานของ UN จากการประชุมสุดยอด:

เลขาธิการขอให้ที่ประชุมงดออกเสียง 2 นาทีในนามของโลก และเสริมว่าตามความคิดริเริ่มของเลขาธิการที่ประชุม จะมีการงดออกเสียง 2 นาทีพร้อมกันทั่วโลก

แถลงการณ์เปิด: ถ้อยแถลงโดย Boutros Boutros-Ghali เลขาธิการสหประชาชาติ:

“…ในฐานะเลขาธิการ ยังใหม่กับงาน แต่ไม่มีใครทราบดีถึงข้อจำกัดในอำนาจของรัฐบาล และแท้จริงแล้วขององค์กรระหว่างประเทศ ความหวังของฉันคือสิ่งที่ฉันสามารถเรียกว่า “จิตวิญญาณแห่งริโอ”/- นั่นคือ จิตวิญญาณของ Planet Earth - จะแพร่กระจายไปทั่วโลก จิตวิญญาณของริโอจะต้องตระหนักถึงความเปราะบางของโลกของเราอย่างเต็มที่ จิตวิญญาณของริโอต้องทำให้เราคิดถึงอนาคตตลอดเวลา อนาคตของลูกหลานของเรา…”

ถ้อยแถลงโดย Maurice F. Strong เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา:

“การกระจุกตัวของการเติบโตของประชากรในประเทศกำลังพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศอุตสาหกรรมมีมากขึ้น สร้างความไม่สมดุลซึ่งไม่ยั่งยืนไม่ว่าจะในแง่สิ่งแวดล้อมหรือเศรษฐกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 ประชากรโลกเพิ่มขึ้น 1.7 พันล้านคน เทียบเท่ากับประชากรเกือบทั้งหมดในช่วงต้นศตวรรษนี้ 1.5 พันล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเป็นประเทศที่สามารถรองรับได้น้อยที่สุด สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ประชากรจะต้องคงที่และรวดเร็ว หากเราไม่ทำ ธรรมชาติจะทำและรุนแรงกว่านั้นมาก

เราได้รับการเตือนใจจากคำประกาศการรวบรวมโลกอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งพบที่นี่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและทิศทางที่เรียกร้องให้เกิดขึ้นที่นี่ต้องหยั่งรากลึกลงในคุณค่าทางจิตวิญญาณ ศีลธรรม และจริยธรรมที่ลึกซึ้งที่สุดของเรา เราต้องคืนสถานะในชีวิตของเราด้วยหลักจริยธรรมแห่งความรักและความเคารพต่อโลก ซึ่งชนชาติดั้งเดิมยึดถือไว้เป็นหัวใจสำคัญของระบบคุณค่าของพวกเขา สิ่งนี้จะต้องมาพร้อมกับการฟื้นฟูคุณค่าที่เป็นหัวใจของประเพณีทางศาสนาและปรัชญาหลักทั้งหมดของเรา การดูแล การแบ่งปัน ความร่วมมือ และความรักซึ่งกันและกันจะต้องไม่ถูกมองว่าเป็นอุดมคติที่เคร่งศาสนา ขาดจากความเป็นจริงอีกต่อไป แต่ควรเป็นพื้นฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับความเป็นจริงใหม่ที่ซึ่งความอยู่รอดและความเป็นอยู่ที่ดีของเราจะต้องเป็นพื้นฐาน…”

ถ้อยแถลงของ Gro Harlem Brundtland นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์และประธานคณะกรรมาธิการโลกด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา:

“…หากความยากจนไม่บรรเทาลง ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เราจะสามารถทำให้ประชากรโลกมีเสถียรภาพได้ มันเติบโตขึ้น 500/ล้าน นับตั้งแต่คณะกรรมการพบครั้งสุดท้ายเมื่อห้าปีที่แล้ว เราต้องจัดการกับการเติบโตของประชากรด้วยแนวทางแบบบูรณาการ รวมถึงการศึกษาและการเพิ่มพูนสถานะของผู้หญิง สาธารณสุขที่ดีขึ้นและการวางแผนครอบครัว ในระหว่างการเตรียมการสำหรับการประชุม ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมากประกาศตนเองว่าพร้อมที่จะให้คำมั่นสัญญาทางการเมืองเพื่อควบคุมการเติบโตของประชากร แต่คณะผู้แทนบางส่วนได้ต่อต้านการเรียกร้องให้มีการวางแผนครอบครัวสมัยใหม่ในระดับสากล เราทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องเอาชนะการต่อต้านนี้และลุกขึ้นเพื่อเผชิญกับความท้าทายที่แท้จริงในยุคของเรา….”

คำแถลงของ Mario Soares ประธานาธิบดีโปรตุเกส:

“…ฉันมาที่นี่ในฐานะตัวแทนของประเทศเล็ก ๆ ในยุโรปที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและภาคภูมิใจในคุณูปการที่สร้างอารยธรรมแห่ง “สากล” ซึ่ง Teilhard/de/Chardin กล่าวถึง…”

ปิดงบ:

ถ้อยแถลงของ Fernando Collor ประธานาธิบดีบราซิลและประธานการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา:

“…การประชุมที่ริโอไม่ได้จบลงที่ริโอ จิตวิญญาณที่นำทางการโต้วาทีและการพิจารณา – ซึ่งเลขาธิการ Boutros-Ghali เรียกว่า “จิตวิญญาณแห่งริโอ” – จะต้องคงอยู่และนำทางเราไปสู่อนาคตที่ไกลออกไปกว่าปี 1992 คณะกรรมาธิการการพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องแสดงออกอย่างซื่อสัตย์ในเรื่องนั้น วิญญาณ. เป้าหมายของเราคือการสร้างความสามัคคี เพื่อให้แน่ใจว่า การประชุมไม่ได้หักกลบลบล้างแนวโน้มการแบ่งขั้วระหว่างคนรวยกับคนจนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด มันตอบสนองจุดประสงค์ในการเพิ่มความตระหนักในสากลถึงชะตากรรมร่วมกันของเราอย่างไม่ต้องสงสัย…”

ถ้อยแถลงโดย Boutros Boutros-Ghali เลขาธิการสหประชาชาติ:

“ฉันอยากจะสรุปด้วยการบอกว่าจิตวิญญาณของริโอต้องสร้างรูปแบบใหม่ของการเป็นพลเมืองที่ดี หลังจากรักเพื่อนบ้านตามที่คัมภีร์ไบเบิลกำหนดให้แล้ว มนุษย์หลังยุคริโอต้องรักโลกด้วย รวมทั้งดอกไม้ นก และต้นไม้ – ทุกส่วนของสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เราทำลายอย่างต่อเนื่อง เหนือกว่าสัญญาทางศีลธรรมกับพระเจ้า เหนือและเหนือสัญญาทางสังคมที่ทำกับมนุษย์ ตอนนี้เราต้องทำสัญญาทางจริยธรรมและการเมืองกับธรรมชาติ กับโลกนี้ที่เราเป็นหนี้การดำรงอยู่ของเราและให้ชีวิตแก่เรา ในสมัยโบราณ แม่น้ำไนล์เป็นเทพเจ้าที่ควรเคารพบูชา เช่นเดียวกับแม่น้ำไรน์ แหล่งกำเนิดแห่งตำนานปรัมปราของยุโรปที่ไม่มีที่สิ้นสุด หรือป่าอะเมซอนซึ่งเป็นแม่ของป่าไม้ ทั่วทั้งโลก ธรรมชาติเป็นที่พำนักของเหล่าทวยเทพที่บันดาลให้ป่า ทะเลทราย หรือภูเขามีบุคลิกอันเป็นที่เคารพสักการะ โลกมีจิตวิญญาณ เพื่อตามหาดวงวิญญาณนั้นอีกครั้ง ให้ชีวิตใหม่ นั่นคือแก่นแท้ของริโอ”

เพียงพอ!! มาเปลี่ยนเป็น:

พันธกิจ Mahavira Jain ระหว่างประเทศ:

“เป้าหมายของเราที่สหประชาชาติคือการส่งเสริมสันติภาพ การสนทนาระหว่างศาสนา และความเคารพต่อสิ่งแวดล้อม สหประชาชาติมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ เราได้รับสิทธิพิเศษในการแบ่งปันข้อความแห่งสันติภาพ ภราดรภาพ และความเคารพต่อสิ่งแวดล้อมขององค์การสหประชาชาติ International Mahavira Jain Mission พยายามที่จะส่งเสริมความเข้าใจและการปฏิบัติเกี่ยวกับอหิงสา (อหิงสา) และอเนกนทวาท Ahimsa เกี่ยวข้องกับการเคารพต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมด อเนกนิบาต แปลว่า ญาณขึ้นอยู่กับทิฏฐิ หมายความว่าไม่มีใครผูกขาดความจริงได้ ในบริบทที่ใช้งานได้จริง Ahimsa รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการปกป้องสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ และการส่งเสริมสันติภาพของโลกอย่างแข็งขัน หลักการสำคัญเหล่านี้ขององค์กรของเราช่วยในการส่งเสริมเป้าหมายที่สำคัญขององค์การสหประชาชาติอย่างจริงจัง […]

ในปี พ.ศ. 2535 คุรุจิซึ่งได้รับการเรียกขานด้วยความรักนั้น เป็นผู้นำในการประชุม Sacred Earth Gathering ในการประชุม United Nations Earth Summit ซึ่งจัดขึ้นที่ริโอ เดอ จาเนริโอ เขามีบทบาทสำคัญในการทำให้ Sacred Earth Gathering ประกาศว่า "เราเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งมีชีวิตและรูปแบบชีวิตทั้งหมด" และ "จักรวาลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์" และต้องได้รับการปกป้องเพื่อประโยชน์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ไม่ใช่แค่มนุษย์ . ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา IMJM ยังคงส่งเสริมและสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสันติภาพของโลกอย่างต่อเนื่อง”

เกี่ยวกับ Guruji: Guruji เป็นพระเชนองค์แรกที่ออกจากชายฝั่งของอินเดียและใช้การขนส่งทางกลในขณะที่ยังคงเป็นพระเชนต่อไป […] แม้จะมีโปรไฟล์สาธารณะ แต่การปฏิบัติสมาธิและโยคะและการนมัสการของ Guruji เองจำเป็นต้องแยกตัวออกไป คุรุจิทำสมาธิและสัทธาเป็นจำนวนมากในช่วงเวลาที่ยาวนาน และมีประสบการณ์ของตัวเองเพื่อเป็นฐานในคำสอนทางจิตวิญญาณของเขา คำสอนของคุรุจิเองส่วนใหญ่นำไปใช้ได้จริงโดยที่เขาสอนการสวดมนต์ ปราณยัม และการทำสมาธิ เขาก่อตั้งศูนย์วิทยาศาสตร์ Kundalini ในปี 1977 เขาจัดการสัมมนาและเซสชันต่างๆ มากมายเกี่ยวกับการฝึกโยคะ การบรรยายของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับโยคะและการทำสมาธิ Guruji ไม่ได้พรากจากคำสอนของเชนมากพอ ๆ กับลอร์ด Parshwanath Tirthankar ที่ยี่สิบสามเองก็เดินตามเส้นทาง Yogik Guruji’s Song of the Soul ตีพิมพ์ในปี 1986 ในสิ่งพิมพ์นี้ Guruji ได้จัดทำคู่มือเชิงปฏิบัติสำหรับควบคุมพลังแห่งเสียงผ่าน Mantras และ Root Sounds และอธิบายถึงพลังของ Kundalini ที่แฝงตัวอยู่

ประกาศการรวบรวมโลกศักดิ์สิทธิ์:

“โลกอยู่ในอันตรายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยความเย่อหยิ่งและความทะนงตน มนุษยชาติได้ฝ่าฝืนกฎของผู้สร้างซึ่งปรากฏชัดในระเบียบธรรมชาติอันสูงส่ง วิกฤตเป็นเรื่องระดับโลก มันอยู่เหนือขอบเขตของชาติ ศาสนา วัฒนธรรม สังคม การเมือง และเศรษฐกิจทั้งหมด วิกฤตการณ์ทางนิเวศวิทยาเป็นอาการของวิกฤตทางจิตวิญญาณของมนุษย์ ซึ่งเกิดจากความไม่รู้ [ความโลภ การขาดความเอาใจใส่ และความอ่อนแอของมนุษย์] วงเล็บระบุว่าข้อความนี้ไม่ได้รับความเห็นพ้องต้องกัน -?

ความรับผิดชอบของมนุษย์แต่ละคนในปัจจุบันคือการเลือกระหว่างพลังแห่งความมืดและพลังแห่งแสงสว่าง ดังนั้นเราจึงต้องเปลี่ยนทัศนคติและค่านิยมของเรา และยอมรับการเคารพกฎที่เหนือกว่าของธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง การอ่านทางเลือก: “กฎที่เหนือกว่าของการสำแดงของพระเจ้าในธรรมชาติและระเบียบที่สร้างขึ้น” ธรรมชาติไม่ได้ขึ้นอยู่กับมนุษย์และเทคโนโลยีของพวกเขา มนุษย์ต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติเพื่อความอยู่รอด ปัจเจกชนและรัฐบาลจำเป็นต้องพัฒนา “จริยธรรมแห่งโลก” ด้วยการวางแนวจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้ง มิฉะนั้นโลกจะถูกชำระล้าง [จากพลังทำลายล้างทั้งหมด]

เราเชื่อว่าจักรวาลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียว เราเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และความสมบูรณ์ของทุกชีวิตและรูปแบบชีวิต เรายืนยันหลักการแห่งสันติและอหิงสาในการปกครองพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีต่อกันและกันและต่อชีวิตทั้งมวล เรามองว่าการหยุดชะงักของระบบนิเวศเป็นการแทรกแซงอย่างรุนแรงในสายใยแห่งชีวิต พันธุวิศวกรรมคุกคามโครงสร้างของชีวิต เราขอเรียกร้องให้รัฐบาล นักวิทยาศาสตร์ และภาคอุตสาหกรรมละเว้นจากการเร่งรีบเข้าสู่การจัดการทางพันธุกรรม เราเรียกร้องให้ผู้นำทางการเมืองทุกคนมีมุมมองทางจิตวิญญาณเมื่อทำการตัดสินใจ ผู้นำทุกคนต้องตระหนักถึงผลของการกระทำของพวกเขาที่มีต่อคนรุ่นหลัง เราเรียกร้องให้นักการศึกษาของเรากระตุ้นผู้คนให้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับทุกชีวิต เยาวชนและเด็กๆ ของเราต้องพร้อมรับหน้าที่เป็นพลเมืองของโลกอนาคต

เราเรียกร้องให้พี่น้องของเราทั่วโลกตระหนักและกำจัดแรงกระตุ้นของความโลภ บริโภคนิยม และไม่สนใจกฎธรรมชาติ การอยู่รอดของเราขึ้นอยู่กับการพัฒนาคุณธรรมของการอยู่อย่างเรียบง่ายและพอเพียง ความรัก ความเมตตาด้วยปัญญา

เราเน้นถึงความสำคัญของการเคารพประเพณีทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรมทั้งหมด เรายืนหยัดในการอนุรักษ์ที่อยู่อาศัยและวิถีชีวิตของชนพื้นเมือง และขอให้ยับยั้งชั่งใจจากการรบกวนการมีส่วนร่วมกับธรรมชาติ ประชาคมโลกต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วด้วยวิสัยทัศน์และความละเอียดรอบคอบเพื่อรักษาโลก ธรรมชาติ และมนุษยชาติจากภัยพิบัติ ถึงเวลาลงมือแล้ว ตอนนี้หรือไม่.-?

เกี่ยวกับผู้เขียน

คำประกาศนี้จัดทำขึ้นเพื่อและสนับสนุนโดยผู้นำชนพื้นเมือง ศาสนา การเมือง และองค์กรพัฒนาเอกชนจำนวนมากที่เข้าร่วมการประชุม Sacred Earth เป็นเวลาสองวันก่อนการประชุม Earth Summit (UNCED) ในปี 1992 การชุมนุมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Manitoun ความร่วมมือกับองค์การเพื่อความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม จิตวิญญาณ และวัฒนธรรมองค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศญี่ปุ่นการรวบรวมตามมาด้วยการประชุมผู้รักษาภูมิปัญญาซึ่งพบกันตั้งแต่วันที่ 1-14 มิถุนายน ณ สถานที่เปลี่ยวใกล้กับเมืองริโอไฟศักดิ์สิทธิ์ เสียงกลอง และคำอธิษฐานจากประเพณีของชนพื้นเมืองและศาสนามากมายยังคงดำเนินต่อไปตลอด 24 ชั่วโมงต่อวันตลอดระยะเวลาของการประชุมสุดยอด เพื่อแสวงหาความรู้แจ้งในการประชุมและการตัดสินใจ

นี่คือคำประกาศเกี่ยวกับ: Satguru Sivaya Subramuniyaswami อุปัชฌาย์คนที่ 162 ของ Kailasa Parampara ของ Nandinatha Sampradaya:

“…ในปี พ.ศ. 2529 สภาศาสนาโลกของนิวเดลีเสนอชื่อกูรูเดวาให้เป็นหนึ่งในห้าของครูบาอาจารย์จากาดาชาร์ยายุคปัจจุบัน จากความพยายามระดับนานาชาติในการส่งเสริมและบันทึกประวัติศาสตร์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของชาวฮินดู จากนั้นในปี พ.ศ. 2538 ได้มีการพระราชทานชื่อธรรมจักรให้กับพระองค์สำหรับสิ่งพิมพ์ที่โดดเด่นของพระองค์ ฟอรัมระดับโลกของผู้นำทางจิตวิญญาณและรัฐสภาเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ได้เลือก Subramuniyaswami เป็นตัวแทนชาวฮินดูในการประชุมที่ไม่เหมือนใคร ดังนั้น ที่อ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ในปี 1988 มอสโกในปี 1990 และริโอ เด จานิเอโร ในปี 1992 เขาเข้าร่วมกับผู้นำทางศาสนา การเมือง และวิทยาศาสตร์หลายร้อยคนจากทุกประเทศเพื่อหารือเป็นการส่วนตัวเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับอนาคตของชีวิตมนุษย์บนโลกใบนี้ …”

ตอนนี้ฉันรู้สึกอยากกลับไปอ่านงานเขียนของ Elisabet Sahtouris ฉันหวังว่าคุณจะไม่รังเกียจ:

ก่อนที่ฉันจะได้พบกับมอร์แกน ก่อนที่การประชุม Earth Summit จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ การรวมตัวของผู้นำทางจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของ Hanne Strong จากทั่วโลก รวมถึงชาวพื้นเมืองในอเมริกาเหนือและใต้จำนวนหนึ่ง ได้มาพบกันในอารามบนภูเขาที่งดงาม (Crestone/Baca) . Hanne ซึ่งมุ่งเน้นที่จะนำจิตวิญญาณมาสู่การประชุม Earth Summit ซึ่งจัดโดย Maurice สามีของเธอ ได้ขอให้ฉันเข้าร่วมในการรวบรวมครั้งนี้ รวมทั้งขอความร่วมมือจาก Wisdom Keepers ของเธอ เนื่องจากฉันเข้าใจ Earth-as-Gaia อย่างลึกซึ้ง การรวบรวม Sacred Earth จัดขึ้นในขณะที่การประชุมระดับโลกของชนเผ่าพื้นเมืองกำลังสรุปคำประกาศ (ดูด้านล่าง) ใน Kari-Oca ซึ่งอยู่ไม่ไกล ทันทีที่เสร็จสิ้น Oren Lyons ก็นำมันมาที่การชุมนุมของเรา เราประชุมกันในห้องอารามขนาดใหญ่ นั่งตามโต๊ะโค้งเกือกม้าคู่หนึ่งโดยมีผู้พูดเปิด ขณะที่ Oren พูด ก่อนที่จะอ่านคำประกาศ แมงมุมก็ปรากฏตัวขึ้นบนโต๊ะต่อหน้าฉัน ฉันนึกถึงใยที่เรากำลังสานอยู่และหยิบมันออกมาที่หน้าต่างที่เปิดอยู่เพื่อปลดปล่อยมัน ขณะที่ฉันดื่มไปกับทิวทัศน์ของต้นไม้ดอกสีส้มที่สวยงามในสวนเหนือทิวทัศน์อันงดงามของป่าลึกลงไปที่มหาสมุทร

ขณะที่ฉันหันกลับมาที่ห้อง Oren เริ่มอ่านคำประกาศ และเพียงคำแรกฉันก็รู้สึกถึงลมเย็นกระโชกที่หลังของฉันและได้ยินเสียงฝนห่าใหญ่ตามหลังฉัน ฉันหันกลับไปที่หน้าต่างด้วยความประหลาดใจ ฝนเทลงมาจากที่เมื่อครู่ก่อนหน้านี้มันแห้งจนแทบเป็นกระดูก! ฝนหยุดตกอย่างรวดเร็วเมื่อ Oren อ่านคำสุดท้ายของคำประกาศ Leon Shenandoah หัวหน้าผู้อาวุโสของ Oren บอกฉันในภายหลังว่าแมงมุมเป็นลางดี บางที ฉันคิดว่าฉันคงไม่ได้สังเกตเห็นเวลาที่แน่นอนของฝนหากไม่มีมัน ฉันรู้แล้วว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังเกิดขึ้นในระดับที่เราไม่อาจหยั่งรู้ได้ ความสัมพันธ์ของชนเผ่าพื้นเมืองกับโลกอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขายังคงชัดเจน มันแสดงให้เห็นในการเต้นรำของ Davi ในการอ่านของ Oren และรู้สึกดีมาก […]

Sapain (Sa-pah-een) คือ Xingu (Sing-goo) pajay (pah-zhay) ซึ่งเป็นหนึ่งในหมอยาที่เหลืออยู่ไม่กี่คนใน Amazon ของบราซิล ส่วนใหญ่เสียชีวิตในการต่อสู้เพื่อผืนป่า เราพบกันที่ Sacred Earth Gathering ที่ Oren อ่านคำประกาศ […] เขาเป็นผู้รักษาที่ทำงานผ่านพืช ทั้งหมดที่เขารู้มาจากคำสอนทางวิญญาณโดยตรง ไม่ใช่จากศาสนาอื่น นั่นทำให้เขาเป็น "pajay of pajays" ในคำพูดของเขาเอง ผู้ชายตัวเล็กผิวคล้ำที่มีโหนกแก้มกว้างและดวงตาสีดำเข้ม เขาแสดงออกถึงจิตวิญญาณที่อ่อนโยนแต่หลงใหลในผืนป่า ฉันรู้สึกว่าเขาอยู่ที่บ้านกับต้นไม้มากกว่าอยู่กับผู้คนและสิ่งประดิษฐ์ของโลกที่ศิวิไลซ์ของเรา […]

ทั้งหมดที่ฉันสามารถให้เขาเป็นของขวัญได้คือแท่งไวท์เซจเปื้อนฝุ่นที่ฉันรวบรวมได้บนเกาะกรีกที่ฉันเคยอาศัยอยู่เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว มันเป็นครั้งสุดท้ายของฉันและฉันถามว่าเขาสามารถใช้มันได้หรือไม่หรืออยากจะเอาไปให้คนของเขา Sapain ยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อเขารับมันและบอกว่าเขาจะบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากนอนหลับและฝันกับมัน วันต่อมาเขาพูดอย่างฉุนเฉียว ฉันจึงวิ่งไปหาล่าม เขากล่าวว่าโรงงานของฉันและโรงงานของเขาคุยกันตลอดทั้งคืน พวกเขาทั้งสองมาไกลมากเพื่อมาพบกันและมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน พวกเขามีเรื่องต้องพูดมากมายและบทสนทนาที่มีชีวิตชีวายังไม่จบ Sapain และฉันกอดกันในความสุขของผู้คนของเราที่ทำให้พวกเขามารวมกัน ฉันถามว่าพืชในป่าฝนพูดถึงการทำลายอย่างต่อเนื่องหรือไม่ “เรื่อยๆ” เขาตอบ “พวกเขาพูดมากเกี่ยวกับกลยุทธ์การเอาชีวิตรอด” “พวกเขาจะรอดจากการทำลายล้างหรือไม่” ฉันถาม. “ใช่” เขาพูดอย่างจริงจัง รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของพวกเขา

ในวันที่สาม ช่วงบ่ายแก่ๆ ขณะที่ฉันนั่งคุยกับ Sapain มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวพร้อมกับทีมงานกล้องและพาเขาไปถ่ายทำรายการสัมภาษณ์ จู่ๆ ก็มีผู้คนพลุกพล่านและให้ความสนใจไปที่ซาเปน พวกเขาเบียดเสียดรอบตัวเขาอย่างตื่นเต้น “เขาเป็นชาวปาเจย์ เป็นหมอ” “เขาเป็นผู้รักษาที่น่าทึ่ง!” “เขารักษาหัวหน้าเชนันโดอาห์!” “เขารักษาไหล่ของฉันได้ไหม”–“เนื้องอกของฉัน?”–“หลังของฉัน?” ในระหว่างนั้น สตรีผู้นี้กำลังอธิบายอย่างรวดเร็วว่าเขาจะถูกนำตัวไปพูดในการชุมนุมพิเศษที่นี่ในริโอกับดาไลลามะและบุคคลสำคัญอื่นๆ จากนั้นเธอจะพาเขาไปที่อเมริกาเหนือ เขาต้องจัดการทุกอย่างให้เสร็จโดยเร็ว เขาต้องการอะไร เขาจะไปได้เมื่อไหร่?

ความตื่นเต้น ความเข้มข้นของการ "ค้นพบ" แพทย์คนใหม่ในอเมริกาเหนือ การกำหนดชีวิตของเขาที่น่าทึ่งนี้ ทำให้ฉันต้องการปกป้องเขา ฉันพยายามขยับเข้าไปใกล้เพื่อพูดกับผู้หญิงคนนั้น เธอปัดฉันออกอย่างหยาบคาย “นี่ไม่ใช่ธุรกิจของคุณ โปรดหลีกทาง ฉันรับผิดชอบที่นี่ กล้อง…” ฉันลองอีกครั้ง: “ฉันเพิ่งใช้เวลาสามวันกับผู้ชายคนนี้ คุณไม่เข้าใจ…” […]

แพทย์คนใหม่ในนิวยอร์กสามารถสร้างชื่อเสียงได้ ฉันพยายามปิดหูไม่ฟังเสียงที่ฉันได้ยินในสำเนียงแมนฮัตตันของพวกเขา: "ฉันมีหมอพลังจิตคนใหม่ที่ยอดเยี่ยมแล้ว!" “รอจนกว่าคุณจะได้ยินเกี่ยวกับ MY XinGU paJAY!!” ข้างในฉันกรีดร้องว่า "ข่มขืน!" การข่มขืนของวัฒนธรรมอื่นด้วยวิธีที่ไม่ได้ตั้งใจของเรา ในช่วงสุดท้ายของเทศกาลศิลปะที่อยู่เหนือเมืองริโอ ฉันพบต้นยางขนาดใหญ่เพื่อแบ่งปันความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้งของฉัน ฉันไม่เคยพูดกับต้นไม้ด้วยสิ่งใดเลยนอกจากการรับรู้และการทักทาย ฉันกระซิบกับคนๆ นี้ผ่านน้ำตา เป็นภาษากรีก ภาษาที่ฉันมักจะพูดกับสัตว์ ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดและอ้อนวอนให้บอกข่าวกับต้นไม้ทุกต้นที่มันไปถึงได้ ให้กระจายข่าวไปทั่วป่าอะเมซอน ขอให้ป่าปกป้องซาเปนทุกวิถีทางที่ทำได้

ต้นไม้ใหญ่หยั่งรากลึกลงไปต่ำกว่าระดับหินที่ฉันยืนอยู่ ดังนั้นฉันจึงสามารถสัมผัสใบไม้ที่มันวาวของมันได้ ขณะที่ฉันพูดกับมัน กิ่งก้านหนึ่งก็เคลื่อนเข้ามาหาฉัน ลูบฉันแรงๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นเดียวกับ Sapain เมื่อเราอยู่ในป่าด้วยกัน การสื่อสารก็เปลี่ยนไปอีกระดับหนึ่ง ซึ่งฉันจะพูดอย่างไรดี เราไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน แต่เป็นชนิดเดียวกันในการรับรู้ซึ่งกันและกัน มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยาวนานและลึกซึ้ง”

บทวิจารณ์: Rio Times 1992 (แปลจากภาษาโปรตุเกส):

คอนเสิร์ตที่การประชุมสุดยอด Rio Earth ปี 1992: Dada Nabhaniilananda ได้รับแฟนใหม่จำนวนมากในริโอเมื่อคืนนี้ กำลังติดตามของจอห์น เดนเวอร์การแสดงเดี่ยวของนักร้อง/นักแต่งเพลงจากนิวซีแลนด์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักดนตรีบราซิลสุดฮ็อต ขึ้นเวทีเป็นเวลานานหนึ่งชั่วโมง ไม่มีใครรู้ว่าจะคาดหวังอะไรจากพระยิ้มในชุดคลุมสีส้มนี้ แต่พวกเขาก็ไม่สงสัยนาน ภายในชั่วพริบตาเขาก็มีพวกเขาอยู่ข้างกาย เสียงไพเราะที่ชัดเจนของเขาอยู่เหนือช่องว่างทางภาษา ชาวบราซิลรู้จักความเป็นนักดนตรีที่มีคุณภาพเมื่อพวกเขาได้ยิน และพวกเขาแสดงความชื่นชมของพวกเขาด้วยความเงียบงัน ฝูงชนกว่า 5,000 คนพร้อมฟังอย่างที่ฉันไม่ค่อยได้เห็นพวกเขาทำ หากมีบรรยากาศพิเศษเกิดขึ้น ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของการเฝ้าระวังทางจิตวิญญาณที่ยาวนานตลอดทั้งคืนที่รวมเอากลุ่มศาสนาและจิตวิญญาณที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน เพลงของ Dada นั้นสมบูรณ์แบบสำหรับโอกาสนี้ …นี่เป็นส่วนหนึ่งของ “Earth Summit” ซึ่งเป็นการรวมตัวระหว่างประเทศที่มีผู้คนกว่า 30,000 คนรวมตัวกันโดยคำนึงถึงความยุติธรรมทางสังคมและอนาคตที่ยั่งยืนของโลก เมื่อวงแสดงเพลง “Warriors of the Rainbow” ซึ่งเป็นเพลงไตเติ้ลของอัลบั้มล่าสุดของ Dadas ซึ่งเป็นเพลงประเภทหนึ่งสำหรับการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อถึงจุดไคลแมกซ์ของเพลง ผู้ชมจะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ซึ่งในบราซิลหมายถึงความดุร้ายอย่างแน่นอน! ตามมาด้วยเพลงรักทางจิตวิญญาณ เรื่องราวการต่อสู้กับการกดขี่ เพลงแห่งความหวังและความเห็นอกเห็นใจ - สิ่งที่เคลื่อนไหว…. ส่วนหนึ่งของความสวยงามของประสบการณ์ทั้งหมดคือ แม้ว่านี่จะเป็นเพลงที่มีข้อความอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็นำเสนอด้วยความซื่อสัตย์ที่เรียบง่ายและพรสวรรค์พื้นเมืองที่ชัดเจนจนฉันอยากฟังเท่านั้น มันจบลงเร็วเกินไป แต่ฉันมีอัลบั้มแล้ว ดังนั้นฉันจึงสามารถระลึกถึงได้ การเฝ้าระวังยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งคืนด้วยการสวดมนต์ เต้นรำ ทำสมาธิ และเมื่อรุ่งเช้าเวทีก็เปิดขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ดาไลลามะ แขกผู้มีเกียรติจะขึ้นกล่าวปาฐกถา ดาดาก็อยู่บนเวทีอีกครั้งพร้อมกับพอล วินเทอร์ในการสวดมนต์ทางจิตวิญญาณ ซึ่งมีฝูงชนมากกว่า 10,000 คนเข้าร่วม มายากล!

นี่คือบางอย่างเกี่ยวกับ Paul Winter (ที่กล่าวถึงในย่อหน้าด้านบน) และ "มวลโลก" ของเขาหรือที่รู้จักในชื่อ: Missa Gaia:

มวลโลกมีวิวัฒนาการในอีกสี่เดือนข้างหน้า เพื่อนของเรา Mary Schoonmaker เสนอชื่อทางเลือก MISSA GAIA โดยใช้ชื่อภาษากรีกสำหรับ Mother Earth และยอมรับสมมติฐาน Gaia ของนักวิทยาศาสตร์ James Lovelock และ Lynn Margulis ผู้เสนอว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก ตั้งแต่วาฬไปจนถึงไวรัส และจาก ต้นโอ๊กจนถึงสาหร่ายอาจถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถจัดการกับชั้นบรรยากาศของโลกให้เหมาะกับความต้องการโดยรวมและกอปรด้วยความสามารถและพลังที่เหนือกว่าส่วนประกอบของมัน

“หาก 'สมมติฐานของไกอา' เกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน กระบวนการสร้างมวลโลก/มิสซา ไกอาของเราก็เป็นการแสดงให้เห็นของไกอาอย่างแท้จริง สำหรับสิ่งที่พัฒนาขึ้นคือการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์จากสมาชิกทั้งหมดของพระสวามี และกระบวนการของเราคือการสร้างสมดุลในตัวเอง โดยอาศัยสัญชาตญาณร่วมของชนเผ่าดนตรีเล็กๆ ของเรา ในขณะที่พวกเราไม่มีใครรู้ว่าอะไรเหมาะสมสำหรับดนตรีสำหรับพิธีมิสซานี้ แต่เราพบว่าเรารู้ด้วยกัน”

(พอล วินเทอร์คือผู้ชายในวิดีโอ YouTube ตัวแรกที่หอนเหมือนหมาป่า)

กลับไปที่ Dada Nabhaniilananda:ดาด้าเป็นครูสอนสมาธิด้วยการเคลื่อนไหวทางจิตวิญญาณ Ananda Marga (เส้นทางแห่งความสุข) เป็นเวลาสามสิบปี เขาเล่นและเขียนเพลงมาตั้งแต่เด็ก และเพิ่งตีพิมพ์หนังสือเล่มแรกของเขาจากคลังข้อมูล Deseret News: การประชุมทางเลือกเปิดในริโอ:

นักร้อง จอห์น เดนเวอร์, ส.ว. อัล กอร์ และทะไลลามะวันศุกร์เปิดการประชุมทางเลือกของผู้นำทางการเมืองและจิตวิญญาณโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างการประชุมสุดยอดอย่างเป็นทางการของ Earth กับผู้คนในโลก เป็นเวลาสามวัน ผู้นำทางธุรกิจ ศิลปิน นักวิทยาศาสตร์ นักการเมือง และหน่วยงานทางศาสนาจะถกเถียงกันถึงวิธีการป้องกันภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก” หากเราดำเนินธุรกิจในแบบที่อารยธรรมมนุษย์ขับเคลื่อนโลก เราคงต้องบอกว่าเรากำลังอยู่ในกระบวนการชำระบัญชี” กอร์ สมาชิกพรรคเดโมแครตของรัฐเทนเนสซี กล่าวในการแถลงข่าว

“เราแสร้งทำเป็นว่าทรัพยากรธรรมชาตินั้นไร้ขีดจำกัด และธรรมชาติก็มีความสามารถไร้ขีดจำกัดในการดูดซับสิ่งใดก็ตามที่เราสะสมไว้ในทางที่ผิด” เขากล่าวก่อนพิธีเปิดการประชุมที่เรียกว่าการประชุมสุดยอดโลกของรัฐสภา (Parliamentary Earth Summit) รัฐสภาเปิดด้วยเพลงโดยเดนเวอร์ ซึ่งจะเป็นผู้ดำเนินรายการในการประชุมองค์ทะไลลามะ,ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตเริ่มสวดมนต์โดยผู้นำทางศาสนา รัฐสภานอกรีตจะได้รับการกล่าวถึงโดยเด็ก ๆ และทุกเซสชั่นจะเริ่มต้นด้วยเพลง
ดาไลลามะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการไปเยี่ยมโรงเรียนสอนเต้นแซมบ้าในริโอ ซึ่งพบเด็กในสลัมเต้นรำ และชาวอินเดียนในอะเมซอนสวมมงกุฎให้เขาด้วยผ้าโพกศีรษะแบบดั้งเดิม…”

อย่าละเลยที่จะกล่าวถึงคริสเตียนฝ่ายซ้ายในการประชุมสุดยอดเช่นสภาคริสตจักรแห่งชาติ:

…แม้ว่าสนธิสัญญาสองฉบับ ฉบับหนึ่งว่าด้วย “ความหลากหลายทางชีวภาพ” ซึ่งพยายามปกป้องชีวิตพืชและสัตว์ของโลก และอีกฉบับว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งพยายามจำกัดสาเหตุของภาวะโลกร้อน — ลงนามโดย 153 ประเทศสมาชิกของหญ้า- องค์กรรากเหง้าและตัวแทนจากประเทศกำลังพัฒนาอ้างว่าสนธิสัญญาอ่อนแอและจะไม่นำไปสู่การดำเนินการระดับโลก “การลดทอนสนธิสัญญาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกด้วยการวางตัวที่ผิดศีลธรรมและการบิดเบือนความจริง [โดยรัฐบาลสหรัฐฯ] นั้นเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้” รายได้วิลเลียม ซอมพลาตสกี้-จาร์มัน ประธานคณะทำงานเพื่อความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อมของสภาคริสตจักรแห่งชาติกล่าว […]

รายได้แฟรงคลิน วิลาส ประธานคณะกรรมาธิการด้านสิ่งแวดล้อมสังฆมณฑลนวร์กเปรียบเทียบอิทธิพลของ UNCED ต่อการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมกับอิทธิพลของวอชิงตันต่อการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2506: “สำหรับบางคน ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเหตุการณ์จริง แต่แต่ละคนจะมีผลอย่างลึกซึ้งแม้ว่าจะมีจิตสำนึกเพิ่มขึ้นก็ตาม” “ประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าสิ่งนี้เป็นจุดเปลี่ยนในการปฏิบัติต่อโลก หากเราจะทิ้งอะไรไว้ให้กับคนรุ่นหลัง” ศาสนาจารย์เจมส์ อี. แมคจุนคิน ซีเนียร์ ศาสนาจารย์ชาวอเมริกันจากเชคเกอร์ไฮต์ส รัฐโอไฮโอ กล่าวเสริม .

ชุมชนทางศาสนาให้ความสำคัญกับ 'ความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม' เสียงของชุมชนทางศาสนาได้รับการสวดอ้อนวอนและสนับสนุนตลอดการประชุมต่างๆ ในเมืองริโอ การเฝ้าระวังระหว่างศาสนาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนดึงดูดผู้เข้าร่วมมากกว่า 10,000 คน ซึ่งบางทีอาจเป็นการชุมนุมครั้งเดียวที่ใหญ่ที่สุดระหว่างการประชุมสุดยอดในริโอ และเป็นหนึ่งในไม่กี่กิจกรรมที่จะต้อนรับชาวท้องถิ่น ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังเจรจาสนธิสัญญาด้านสิ่งแวดล้อม ผู้สนับสนุนจากชุมชนศรัทธาได้นำคุณภาพทางจิตวิญญาณที่ไม่เหมือนใครและการเรียกร้องอย่างเร่งด่วนสำหรับ "ความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม" แนวคิดที่ว่าความกังวลเกี่ยวกับระบบนิเวศและความยุติธรรมทางเศรษฐกิจนั้นเกี่ยวพันกัน นักเคลื่อนไหวทางศาสนายืนยันว่าจิตสำนึกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมจะต้องนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาเผชิญหน้ากับรูปแบบการบริโภคที่มากเกินไปในสหรัฐอเมริกา “หากข้อความในริโอคือ 'เราจะรักษาสถานะที่เป็นอยู่ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม' ผู้คนจะไม่ตกต่ำลงอย่างสง่างาม โดยเฉพาะคนจน” สาธุคุณอัลโคเฮน รัฐมนตรีสหคริสตจักรแห่งพระคริสต์จากพาซาดีนากล่าว ,แคลิฟอร์เนีย.

ภาระหน้าที่ทางศีลธรรมในการบอกความจริง: ชุมชนศาสนาในสหรัฐฯ ออกจากเมืองริโอโดยมุ่งมั่นที่จะจัดการกับการบริโภคที่บ้านมากเกินไป “คริสตจักรในสหรัฐอเมริกามีพันธะทางศีลธรรมที่จะต้องบอกความจริงเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริงที่ UNCED” ดร. ฌอง ซินดับ ผู้อำนวยการโครงการความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจของ National Council of Churches กล่าว “ไม่ใช่งานเทียบกับสิ่งแวดล้อม อย่างที่บริษัทข้ามชาติและรัฐบาลบุชอยากให้คุณเชื่อ มันเป็นการผลิตมากเกินไปและการบริโภคมากเกินไปในส่วนของประเทศที่พัฒนาแล้ว” เธอกล่าว “เราจำเป็นต้องทำให้ UNCED มีชีวิตขึ้นมาในคริสตจักรของเรา เพื่อให้ผู้คนเริ่มเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคของเรากับความยากจนทั่วโลก” ดอน คลาร์ก ตัวแทนจาก United Church of Christ กล่าว “เราเลยจุดที่จะกล่าวได้ว่าฉลาดในการใช้ชีวิตของเราก็เพียงพอแล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนวิถีชีวิต ใช้พลังงานน้อยลง ใช้ชีวิตเรียบง่าย และกินอาหารที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารน้อยลง” คนผิวสีสองคนจากชุมชนศาสนาในสหรัฐฯ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันดำเนินการส่วนตัว “เมื่อคุณชี้นิ้วไปที่คนอื่น คุณกำลังชี้สามนิ้วมาที่ตัวคุณเอง คุณกำลังชี้ไปที่ใครจริงๆ?” หัวหน้าจอห์นสันแห่ง Onondaga Nation กล่าว

“พระเจ้าไม่ได้ตรัสว่า 'ขอบคุณ' ความยุติธรรมหรือ 'สนับสนุน' ความยุติธรรม เขากล่าวว่าทำความยุติธรรม หากความยุติธรรมเกิดขึ้น หากมัน 'ไหลเหมือนแม่น้ำอันยิ่งใหญ่' ตามที่กล่าวไว้ในหนังสือของอามอส พวกเราไม่มีใครสามารถมองดูสภาพแวดล้อมของเราและไม่ถูกเรียกให้กระทำ” ผู้นำศาสนาชาวแอฟริกัน-อเมริกันกล่าว ผู้จัดงานถนนซึ่งพูดในการประชุมสุดยอดโลกของรัฐสภาเรียกร้องให้คริสตจักรเป็นผู้นำในการบูรณาการศาสนาและประเด็นทางสังคม “เราต้องการระเบียบศาสนาใหม่” เขากล่าว “โดยถือคัมภีร์ไบเบิลในมือข้างหนึ่ง และหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์การเมืองในอีกข้างหนึ่ง”

ผู้นำทางศาสนาเสนอการดำเนินการเฉพาะ ร. สาธุคุณซิดนีย์ รุยซ์บิชอปสังฆมณฑลแห่งบราซิลตอนกลางสนับสนุนการเรียกนี้โดยอ้างคำพูดของนักศาสนศาสตร์ Nicolas Berdyaev ว่า “ถ้าคุณหิว นั่นเป็นปัญหาทางวัตถุของคุณ แต่ถ้าน้องชายของคุณหิว นั่นเป็นปัญหาทางวิญญาณของคุณ บุคคลทางศาสนาตัดสินใจที่จะติดตามประเด็นและการโต้วาทีจาก UNCED ในสี่วิธีที่เฉพาะเจาะจง ประการแรก พวกเขาตั้งใจที่จะดำเนินการต่อและเพิ่มเสียงทางศาสนาในการเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น การประชุมเชิงปฏิบัติการทางศาสนาที่มุ่งเน้นเรื่องจิตวิญญาณและความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อมกำลังมีการวางแผนสำหรับการประชุมติดตามผล UNCED ในวันที่ 24-27 กันยายนในอีสต์แลนซิง รัฐมิชิแกน ประการที่สอง ผู้นำศาสนาตั้งใจที่จะมีบทบาทเป็นผู้นำในการจัดการสนทนาระหว่างกลุ่มศาสนา ผู้แทนฝ่ายนิติบัญญัติ และองค์กรระดับรากหญ้า ในการประชุมสุดยอดโลกของรัฐสภา พวกเขาสนับสนุนความพยายามในการจัดการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น “ฉันต้องการให้เรามีการประชุมรัฐสภาแบบรัฐต่อรัฐที่เกี่ยวข้องกับผู้นำทางจิตวิญญาณ รัฐบุคคล ผู้หญิง เยาวชน นักวิทยาศาสตร์ นักเคลื่อนไหวระดับรากหญ้า” รายได้จากซูซาน ดูลานี ผู้จัดการประชุมในสังฆมณฑลจอร์เจียกล่าว

ประการที่สาม ผู้นำทางศาสนาตั้งใจที่จะสนับสนุนกฎหมายที่จะเพิ่มความตระหนักรู้และปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ข้อเสนอหนึ่งที่กำลังเสนอต่อสภาคองเกรสในปัจจุบันเรียกว่า“พระราชบัญญัติความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535”จะอนุญาตให้มีการศึกษา 100 เคาน์ตีในสหรัฐอเมริกาที่มีไซต์ขยะพิษอันตราย และเรียกร้องให้ท้องถิ่นป้อนข้อมูลเกี่ยวกับวิธีทำความสะอาดไซต์ดังกล่าว ประการที่สี่ ผู้นำศาสนาตั้งใจที่จะกดดันสหประชาชาติให้รับรอง “กฎบัตรโลก” ภายในปี 1995 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 50 ปีของสหประชาชาติ กฎบัตรจะร่างความรับผิดชอบส่วนบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม แม้ว่าตัวแทนของ UNCED จะรับรองถ้อยแถลงที่เรียกว่า “ปฏิญญาริโอ” ในช่วงท้ายของการประชุม แต่ผู้นำศาสนาหลายคนกล่าวว่าคำแถลงดังกล่าวขาดความเรียบง่ายและมิติทางจิตวิญญาณที่จำเป็นในกฎบัตร ปฏิญญาริโอ “ไม่ใช่กฎบัตรเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่รักโลกใบนี้” Rt. กล่าว ศาสนาจารย์พอล รีฟส์ ผู้สังเกตการณ์แองกลิกันแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้มีการผ่านกฎบัตรโลก...

ข้อความที่ตัดตอนมาเล็กน้อยจากสำนักงานโทรเลขของชาวยิว:

ชาวยิวท่ามกลางการปะติดปะต่อของศาสนาที่นำเสนอ ณ การประชุมสุดยอดโลกในริโอ เซาเปาโล บราซิล 10 มิถุนายน (JTA)–แรบไบและนักเคลื่อนไหวชาวยิวเป็นแนวหน้าของกิจกรรมเผยแพร่ศาสนาทั่วโลกที่จัดขึ้นเพื่อให้การสนับสนุนทางศีลธรรมแก่การประชุม Earth Summit ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในริโอ เดอ จาเนโร เมื่อวันอังคาร รับบีเฮนรี โซเบล แรบไบหัวโบราณชั้นนำในบราซิล เข้าร่วมพิธีสวดมนต์ระหว่างศาสนาที่จัดขึ้นที่อาสนวิหารเซในเซาเปาโล ร่วมกับดาไลลามะจากทิเบต พระคาร์ดินัลเปาโล เอวาริสโต อาร์นส์แห่งเซาเปาโล และศาสนาจารย์ไจม์ ไรท์ ของคริสตจักรอิสระเพรสไบทีเรียน…

จาก rainlightgroup.com:

Kamal Benjelloun เกิดที่เมืองคาซาบลังกา ประเทศโมร็อกโก ในปี พ.ศ. 2508การวิจัยภาคสนามของ Benjelloun กับชาวอินเดียนพื้นเมืองอเมริกันเริ่มต้นระหว่างการศึกษาของเขาที่ L.I.U. โดยมีการศึกษาวิจัยภาคสนามอิสระนอกสถานที่เป็นเวลาหนึ่งเดือนในปี 1986 ของชาวอินเดียนแดง Huichol บนเทือกเขา Sierra Madre ของเม็กซิโก ที่ซึ่งเขาได้พบกับแนวทางการรักษาแบบชามานิสต์เป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2530 ภายใต้การอุปถัมภ์ของ FUNAI (มูลนิธิแห่งชาติสำหรับชาวอินเดีย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐภายใต้กระทรวงยุติธรรม) ในบราซิล และร่วมกับมหาวิทยาลัยบราซิเลีย Benjelloun ได้ดำเนินการสำรวจเป็นเวลา 21 เดือนไปยังพื้นที่ห่างไกลของอเมซอน เบซินซึ่งเขาอาศัยอยู่กับชาวอินเดียนแดง Awaruna บนแม่น้ำ Iriri และชาวอินเดียนแดง Xingu ในหมู่บ้าน Kamayura และ Yawalapiti ในบรรดา Xingu นั้น Benjelloun ได้รับการฝึกฝนที่หายากในศิลปะชาแมนในสมัยโบราณ หลังจากได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มข้นในการรักษาแบบพื้นเมืองโดยใช้พืชสมุนไพรในท้องถิ่น เขาได้รับการประกาศให้เป็น Master Healer (Paje) โดยหัวหน้าหมอ Tacuma และ Sapaim นับตั้งแต่เขากลับมานิวยอร์กในปี 1989 Benjelloun ได้ดำเนินโครงการมากมายเพื่อนำประสบการณ์หมอผีอเมซอนของเขาใน Brasil และเปรูมาใช้กับสถานการณ์ของสังคมร่วมสมัย

โครงการสำคัญในปัจจุบันของเขามีอยู่และยังคงเป็น: Sapaim, Tacuma และ Sydney - การจัดทัวร์ในสหรัฐอเมริกาในปี 1992 โดยหมอ Xingu ในตำนานสองคนและประธาน FUNAI (มูลนิธิแห่งชาติสำหรับชาวอินเดีย) เพื่อแบ่งปันมุมมองของพวกเขา ของวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและชนพื้นเมืองในบราซิลกับสาธารณชนชาวอเมริกันและประชาคมโลก Sapaim และ Tacuma เข้าร่วมในสัปดาห์แห่งการเริ่มต้นกิจกรรมที่องค์การสหประชาชาติประกาศให้เป็นปีแห่งชนเผ่าพื้นเมืองระหว่างการเยือนนิวยอร์ก

ด้วยความพยายามของ Benjelloun Sapaim เป็นตัวแทนของชนพื้นเมืองในอเมริกาใต้ในระหว่างการประชุมสุดยอด Earth ของรัฐสภาในบราซิลในการประชุมสามวันของผู้นำทางศาสนาและรัฐสภาในริโอในเดือนมิถุนายน 1992 งานของ Benjelloun ได้รับการบอกเล่าอย่างละเอียดจากการศึกษาตำราศักดิ์สิทธิ์โบราณกว่า 100 เล่มรวมถึง Vedas, Upanishads, Lao Tzu, The Bible, Coran, Popol Vuh, Chilam Balam และอื่น ๆ อีกมากมาย ข้อความโบราณเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจในวิสัยทัศน์ระยะยาวของเขาในการทำให้เกิดความเข้าใจที่สูงขึ้นเกี่ยวกับความรับผิดชอบของมนุษย์ในจักรวาลสำหรับทุกแง่มุมของชุมชนมนุษย์ทั่วโลก...

คำตอบจาก Akio Matsumura:

“วุฒิสมาชิกสหรัฐ 12 คนและสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐ 16 คน รวมทั้งวุฒิสมาชิกอัล กอร์ วุฒิสมาชิกแคลร์บอร์น เพลล์ สมาชิกสภาคองเกรสแฮมิลตัน และอื่น ๆ อีกมากมาย เข้าร่วมการประชุม Parliamentary Earth Summit ที่ริโอเดจาเนโรในปี 2535 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐสภาบราซิล ตเขาถ่ายรูปเด็ก ๆ จากสลัมของริโอที่พูดจากระเบียงที่รัฐสภา ถามเราว่าเราได้บรรลุมติของเราตั้งแต่นั้นมา ให้เราใคร่ครวญถึงสิ่งที่เราหารือกันในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นั้นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกที่เราจะต้องเผชิญในศตวรรษที่ 21 วุฒิสมาชิกอัล กอร์ หนึ่งในสมาชิกสภานิติบัญญัติด้านสิ่งแวดล้อมระดับแนวหน้าของรัฐสภาสหรัฐฯ ในขณะนั้น และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหาร Global Forum ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษและกำหนดทิศทางด้วยจิตวิญญาณที่ดึงดูดใจซึ่งไม่ปกติสำหรับนักการเมือง เขาสอบถามว่า “ผู้คนทั่วโลกรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเดียวทั่วโลก เหตุใดผู้นำทางจิตวิญญาณจึงไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกรัฐสภาในบทสนทนานี้” นายสเตฟาน ชมิดไฮนี ประธานสภาธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน กล่าวว่า การพัฒนาที่ยั่งยืนที่แท้จริงท้ายที่สุดต้องคำนึงถึงจริยธรรม ศีลธรรม และจิตวิญญาณ เราทุกคนต้องกลายเป็นผู้ดูแล ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของมนุษย์ในอนาคตและผลประโยชน์ของ สายพันธุ์อื่นที่เราอยู่ร่วมโลกด้วย

เราเชื่อว่าโลกคือของขวัญที่พระเจ้ามอบให้เรา: ผู้จัดพิมพ์และบรรณาธิการของ HINDUISM TODAY ได้พบกับนานา (ซึ่งแปลว่า "ราชินี") ที่การประชุมสุดยอดรัฐสภาโลกในริโอเดจาเนโร เธอเป็นโอห์มาอาหรือนักบวชหญิงของชนเผ่า Akuapem (ส่วนหนึ่งของ Akan) และวัฒนธรรมของกานา แอฟริกา เธอนำเสนอให้เห็นถึงศาสนาแอฟริกันดั้งเดิมและความเชื่อเกี่ยวกับพระเจ้าและโลก ขณะนี้มีการฟื้นฟูศาสนาดั้งเดิมของชาวแอฟริกันอย่างมาก และชาวแอฟริกันก็นับถือศาสนาอย่างฉาวโฉ่ กุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจเขาคือผ่านศาสนาของเขา เขาถือว่าพระเจ้าเป็นพระบิดาสากลของเรา สำหรับชาวอะกันแห่งกานา พระองค์ยังทรงเป็นพระแม่ของเรา Nyame Obaatan Pa ผู้ให้การดูแลเป็นอย่างดี พระเจ้าทรงมีอำนาจทุกอย่าง Gye Nyame ผู้ทรงรอบรู้ อยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง และเป็นผู้ค้ำจุนโลกทั้งใบ ในวัฒนธรรมแอฟริกัน ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวข้องกับศาสนาซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อการใช้ชีวิตและความคิดของชายหญิงทั่วไป อันที่จริงแล้ว ศาสนาของชาวแอฟริกัน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีความรู้ความสามารถหรือการศึกษาในระดับใด แทรกซึมอยู่ในทุกแง่มุมของชีวิตของเขา ตั้งแต่เวลาเริ่มต้นไปจนถึงการเก็บเกี่ยว ผ่านพิธีกรรมทาง การเกิด การเข้าสู่วัยแรกรุ่น การแต่งงาน การตาย และต่อจากนี้ไป เราไม่มีหลักความเชื่อใดให้เล่าขาน เพราะสิ่งเหล่านี้ฝังแน่นอยู่ในหัวใจ และแต่ละลัทธิก็เป็นตัวเขาเองที่เป็นลัทธิที่มีชีวิต

ทั่วทวีปแอฟริกา แผ่นดินโลกถือเป็นวิญญาณหญิง อาเสสยะ พระแม่ธรณี คนหนึ่งถูกคาดหวังให้ดูแลเธอ พยาบาล ทะนุถนอมและรักเธอ โดยทั่วไปแล้ว คนๆ หนึ่งจะไม่ไถพรวนดินโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเธอก่อน เราขออนุญาตเธออีกครั้งก่อนที่จะขุดเพื่อฝังศพเพื่อให้ลูกของเธอกลับเข้าไปในครรภ์ของเธอ วันพฤหัสบดีถูกจัดไว้สำหรับเธอ และในวันนั้นชาวอะคังจำนวนมากจะไม่ไถพรวนดิน Asase Yaa เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ยึดมั่นในความจริง และเมื่อใดก็ตามที่คำพูดของใครบางคนมีข้อสงสัย เขาจะถูกขอให้แตะริมฝีปากของเขากับดินเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือ

ก่อนงานและพิธีใดๆ จะมีการบำเพ็ญกุศลด้วยการกรวดน้ำหรือวิญญาณลงสู่พื้นดิน เรียกพระนามพระเจ้า พระแม่ธรณี และบรรพบุรุษ และขอพรจากสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน บางคนวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัตินี้ แต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าทุกการกระทำหรือท่าทางของ Akan มีความสำคัญ ท่าทางและสัญลักษณ์มีส่วนสำคัญในพิธีกรรมของชาวแอฟริกัน เมื่ออยู่ในงานเต้นรำ นักบวชหญิงยกมือขึ้น เธอกำลังส่งข้อความว่า “ฉันฝากทุกอย่างไว้ในอำนาจของพระเจ้า”

ศาสนาฮินดูในปัจจุบัน: ใครสามารถพูดได้ว่าอะไรควรเป็น UNCED?:

“ในขณะที่คุณอ่านฉบับของเดือนนี้ ผู้จัดพิมพ์และบรรณาธิการของคุณจะอยู่ในริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เราได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วมกับผู้นำทางจิตวิญญาณของศาสนาหลักของโลกและกับสมาชิกรัฐสภาที่สำคัญในต้นเดือนมิถุนายนเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ของสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ครอบครัวมนุษย์ต้องเผชิญ

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า Earth Summit แต่เป็นที่รู้จักอย่างเป็นทางการจากชื่อ UNCED ซึ่งเป็นตัวอักษรที่ไม่ค่อยสร้างแรงบันดาลใจ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา คุณอาจเคยเห็นใน CNN เนื่องจาก Ted Turner ใช้แหล่งข่าวของเขาในการโปรโมต เท็ดและคนอื่นๆ จำนวนมากรู้สึกถึงความสำคัญของการชุมนุมครั้งประวัติศาสตร์ที่อาจเกิดขึ้นนี้ การประชุมทั้งสิบสองวันคาดว่าจะมีชายและหญิงจำนวน 70,000 คน ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพื่อมุ่งเน้นจิตสำนึกต่อโลกและผู้อยู่อาศัยที่ถูกคุกคาม ผู้นำของ 60 ประเทศจะอยู่ที่นั่น

นี่อาจเป็นการเผชิญหน้ากันในลุ่มน้ำ บรรพบุรุษของสภาดังกล่าวหลายแห่ง ที่ซึ่งเผ่ามนุษย์ทั้งหมดนั่งลงด้วยกัน และอย่างที่เราพูดกันในฮาวายว่า “talk story” ข้อเท็จจริงของการประชุมดังกล่าวเป็นสัญญาณแห่งความหวัง การที่มันดึงดูดนักข่าว ศิลปิน นักเคลื่อนไหว ประธานาธิบดี ลามะ พระแม่มารี และสวามี นั้นเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของปาฏิหาริย์ ถึงกระนั้น ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ “เจ็ดหมื่นคน! น่าขัน. คนเจ็ดสิบไม่สามารถตกลงกันได้ว่าต้นไม้คืออะไร นับประสาอะไรกับการรักษาต้นไม้” คุณพูดถูก และเป็นหนึ่งในความกลัวที่ยิ่งใหญ่ของผู้จัดงานว่าการประชุม United Nations Earth Summit อาจเทอะทะเกินไป ทะเยอทะยานเกินไป มีการกำหนดทางการเมืองล่วงหน้าเกินไป และพูดได้ว่าใหญ่เกินไป

นั่นคือที่มาของ Global Forum on Human Survivalนี่เป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าการแก้ปัญหาทางการเมืองและวิทยาศาสตร์อย่างหมดจดต่อเมทริกซ์ของปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมนุษย์นั้นไม่เพียงพอ พวกเขาถือว่านักการเมืองจำเป็นต้องได้รับการบอกกล่าวจากผู้นำทางจิตวิญญาณ และผู้นำทางจิตวิญญาณจะได้รับประโยชน์จากการตรวจสอบความเป็นจริงของการนั่งลงกับนักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน และนักการเมือง พวกเขาทราบว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เนื่องจากทั้งสองกลุ่มมีความไม่ไว้วางใจในโดเมนของกันและกัน ใคร ๆ ก็คิดว่านักการเมืองเป็นพวกฉวยโอกาสที่เห็นแก่ตัว ไร้ความคิด ไม่สนใจความต้องการที่แท้จริงของมนุษยชาติแม้แต่น้อย สงสัยเล็กน้อยที่พวกเขาไม่ได้นั่งด้วยกันมากนัก

Global Forum คิดว่าพวกเขาควรนั่งด้วยกันอย่างเปิดเผยและบ่อยครั้ง แนวคิดนี้เป็นความฝันของนักใจบุญชาวญี่ปุ่น อากิโอะ มัตสึมูระ นั่นคือเราต้องการให้ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับประเด็นเหล่านี้ สมาชิกรัฐสภานำเสนอข้อกังวลเชิงปฏิบัติเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่ดีทางโลก ร่างกาย วัตถุ และสังคม ผู้นำทางวิญญาณช่วยให้เข้าใจความต้องการนิรันดร์ เลื่อนลอย นอกโลก และวิญญาณของเรา ไม่มีสิ่งใดที่ปัญหาที่คุกคามโลกได้มาจากการพังทลายในทั้งสองด้านของการดำรงอยู่ของเรา คุณมัตสึมูระสรุปว่าโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ปัญหาคือการพิจารณาทั้งสองอย่าง

เมื่อ Global Forum ได้ยินเกี่ยวกับ Earth Summit พวกเขาเห็นว่าผู้นำระดับโลกละเลยมิติทางจิตวิญญาณของปัญหา จึงจัดงานเล็กๆ สามวันเพื่อเติมเต็มช่องว่าง สิ่งหนึ่งที่สมเหตุสมผลที่สุดเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดมินิของ Global Forum ในริโอคือเป็นเรื่องส่วนตัว นักวิทยาศาสตร์ นักธุรกิจ ศิลปิน ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ นักการเมือง และชายหญิงทางศาสนาจำนวนหนึ่งจะได้พบปะกันเป็นการส่วนตัว ทำให้พวกเขามีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดมากกว่าปกติในการประชุมดังกล่าว สุนทรพจน์ยาว ๆ จากแท่นจะถูกแทนที่ด้วยโอกาสสำหรับผู้เข้าร่วมแต่ละคนที่จะได้ยิน คำถามจากพื้นถึงผู้ดูแลจะถูกแทนที่ด้วยคำให้การส่วนตัว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีความหวังในการสื่อสารที่แท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่ามีประโยชน์ในการกอบกู้โลก ในบรรยากาศเช่นนั้น เราหวังว่าปัญญาอันล้ำเลิศแห่งสันติธรรมบางอย่างอาจแสดงออกและเข้าใจได้ อย่างมีความสุข ศาสนาฮินดูจะถูกนำเสนออย่างมากในริโอ ดังที่ผู้อ่านทราบมาเป็นเวลานาน เรารู้สึกอย่างยิ่งว่าภูมิปัญญาโบราณของอินเดียมีมากมายที่จะมอบให้กับมนุษยชาติ ณ สี่แยกแห่งประวัติศาสตร์นี้ หากอุดมคติของธรรมะ อหิงสา ความสมบูรณ์ของครอบครัว ความเรียบง่าย ความเอื้ออาทร ความอดทนต่อวิถีทางของผู้อื่น และจิตวิญญาณรายชั่วโมงต่อชั่วโมงที่ส่องสว่างวิถีของชาวฮินดูมานับพันปี สามารถแบ่งปันกับนักการเมืองที่แสวงหาวิธีแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ อาจพบวิธีแก้ปัญหาใหม่ พวกเขาอาจยอมค้นหาการแก้ไขทางเทคโนโลยีด้วยใบหน้าที่เป็นมนุษย์มากขึ้น พวกเขาอาจพยายามปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องให้กับโลกของเรา ค่านิยมที่เปลี่ยนทัศนคติ ซึ่งเปลี่ยนการกระทำ ท้ายที่สุดนั่นคือวิธีแก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์ อย่างอื่น ทุกๆ ความก้าวหน้าทางวิศวกรรม จะทำงานเฉพาะกับอาการเท่านั้น ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ความเชื่อพื้นฐาน ค่านิยม และทัศนคติ เราเข้าใกล้สาเหตุและมีความหวังในการรักษา…”

จากศาสนาฮินดูวันนี้: คำอธิษฐานสำหรับเด็ก:

การประชุมผู้นำทางศาสนาและการเมืองแต่ละครั้งที่เราเข้าร่วมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีในโลก การประชุมสุดยอดรัฐสภาโลกในริโอก็ไม่มีข้อยกเว้น จริงๆแล้วมันเป็นศาสนาที่เคร่งศาสนาที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด เป็นไปได้อย่างไร? คุณอาจถาม ส่วนการประชุมอื่นๆ การประชุมที่ออกซ์ฟอร์ดในปี 1988 และการประชุมระดับสูงในมอสโกในปี 1990 ได้วางรากฐานสำหรับการประชุมทางความคิดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กลุ่มฟอรัมระดับโลกที่รวมตัวกันในริโอมีจิตวิญญาณเดียวกันจำนวนมากที่เริ่มแสวงหาคำตอบร่วมกันในสองครั้งแรก มันกลายเป็นการประชุมของหัวใจ

ในช่วงสามวันที่เราอยู่ด้วยกันในริโอ ฉันสังเกตเห็นบางสิ่งที่น่าสนใจมาก ล้วนเป็นมืออาชีพ เป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในสายงานของตน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ศิลปะ หรือการเมือง โดยธรรมชาติแล้วพวกเขามีความรู้ดีมาก ในขณะที่ทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้น ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกกลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างแตกต่างออกไป เหล่านี้คือลามะ สวามี อาจาริยะ โรชิส และผู้มีฌาน ส่วนใหญ่พวกเขาฟังอย่างเงียบ ๆ และคุณอาจคิดว่าพวกเขาไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากเท่ากับพี่น้องที่พูดกันมากกว่า อย่างไรก็ตาม นั่นจะเป็นข้อสันนิษฐานที่ผิดอย่างมาก ในสมัยก่อน แค่มีวิญญาณแบบนี้อยู่ในหมู่บ้านก็ถือเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว การปรากฏตัวของเขาหรือเธอเพียงพอที่จะทำให้ฝนตก ให้ผลผลิตเป็นของขวัญ ทำให้ชุมชนมีความสามัคคี

วิญญาณส่วนลึกเหล่านี้เป็นแบบนั้นในริโอ พูดน้อยก็เห็นมาก การมีอยู่อย่างสงบของพวกเขามีผลสะสมต่อทุกคนในปัจจุบัน ในขณะที่คนอื่น ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณเหล่านี้ยังคงเป็นพยานอย่างเงียบ ๆ พวกเขาเอาใจใส่มาก มีสติมาก สงบในตัวตนของพวกเขามากจนทำให้คนอื่น ๆ ในห้องมีมุมมองใหม่ ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งว่าความยากลำบากของเราบนโลกจะเข้าใกล้ได้อย่างไร พวกเขาพูดมากโดยไม่มีคำพูดซึ่งจะแสดงออกได้อย่างสมบูรณ์น้อยกว่าหากพวกเขากล่าวสุนทรพจน์ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะนิ่งเฉยได้ เพราะสุดท้ายแล้วเราจะต้องเปลี่ยนพระราชวังให้กลายเป็นอาราม เราต้องการผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก และเราต้องการผู้เชี่ยวชาญจากภายใน ข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งสองอยู่ที่นั่นอธิบายให้ผมฟังถึงความสำเร็จอย่างมากในการทำงานร่วมกันในริโอ

ในวันที่สอง ฉันถูกขอร้องให้สวดมนต์พร้อมกับสมาชิกจากศาสนาอื่น เราขอแบ่งปันกับคุณได้ไหม “ทุกคนที่นี่ในอาคารเก่าแก่แห่งนี้และในการประชุมอื่น ๆ อีกมากมายที่จัดขึ้นในริโอกำลังพยายามมองไปในอนาคตและเห็นชะตากรรมของลูกหลานของโลก วิธีเดียวที่จะมองอนาคตได้คือดวงตาที่สาม วิธีที่ดีที่สุดที่จะอธิษฐานเผื่อเด็กๆ คือย้อนเวลากลับไปในอดีต ตอนที่เราอายุทั้งหมด 5 ขวบ ห้าสิบปี ห้าสิบห้าปีที่อากาศบริสุทธิ์และคุณสามารถดื่มน้ำจากลำธารใดก็ได้ […]

“การสวดมนต์ในวันนี้เป็นการสวดมนต์สากล มีไว้สำหรับลูกหลานของโลก ดังที่มีคนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า เด็กคือ 50% ของประชากรมนุษย์ แต่เป็น 100% ของอนาคตของเรา การดูแลพวกเขาทำให้เราดูแลตัวเองในอนาคต ด้วยการรักพวกเขา เราส่งความรักของเราไปสู่อนาคต และเราละเลยอนาคตด้วยการเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านั้น” มันคือเสียงแห่งจักรวาล โอม โอมคือเสียงแห่งจักรวาล อั้มปลุกพลังชีวิตในตัวเราทุกคน ความรู้สึกของพลังชีวิตทำให้เรารู้ว่าเราเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน พลังงานในตัวฉัน พลังงานในตัวคุณแต่ละคน พลังงานในตัวฉัน พลังงานในตัวคุณแต่ละคน พลังงานภายในสัตว์ นก และปลา ความฉลาดทางกล้องจุลทรรศน์เป็นพลังงานเดียวกัน บางคนเรียกว่าพระเจ้า บางคนเรียกว่าพลังชีวิต แต่ไม่ว่าชื่อจะเหมือนกันในเราทุกคน เมื่อฉันมองไปรอบๆ ห้องเหล่านี้ ฉันไม่เห็นผู้นำศาสนา ฉันไม่เห็นผู้นำทางการเมือง ฉันเห็นพลังงานสากลหนึ่งเดียวในพวกเราทุกคนที่มุ่งไปในทิศทางที่ถูกต้อง เรามาร่วมกันสวดมนต์เพื่อลูกหลานของโลกด้วยการสวดมนต์เป็นเสียงเดียวกัน” อั้ม อั้ม อั้ม ร้องดังลั่นทั้ง 3 ครั้งเลย”

จากศาสนาฮินดูวันนี้: Rio-lizing God's Presence in Brazil:

(Video) Expert guide to conspiracy theories part 1 – how to spot one

“กลับไปที่ริโอเดจานิเอโร มีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่นในต้นเดือนมิถุนายนซึ่งอาจทำให้คุณมีความหวังสำหรับอนาคตที่ความเชื่อทั่วโลกมีความอดทนอย่างแท้จริง ดังที่คุณทราบจากโทรสารของฉัน Sivaya Subramuniyaswami และฉันอยู่ที่นั่นเพื่อเข้าร่วมกับผู้นำศาสนาประมาณเจ็ดสิบห้าคนในการสนทนากับสมาชิกรัฐสภาสามร้อยคน อย่าเข้าใจสักครู่ว่านักการเมืองต้องการความพิการเช่นนี้ เป็นเรื่องสำคัญมากที่นักการเมืองทุกคนบนโลกใบนี้จะเข้าร่วมการประชุม Earth Summit ที่ริโออยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมีจำนวนมากกว่าเราโดยธรรมชาติ นอกเหนือจากสิ่งปกติที่คุณคาดหวังจากการชุมนุมดังกล่าวแล้ว ยังมีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา บางทีก็ไม่ธรรมดาเกิดขึ้นที่นั่น ฉันไม่ได้เตรียมตัวมาจริงๆ และไม่ได้อยู่ในวาระการประชุมของใครด้วย แต่มันเกิดขึ้น จากคำปราศรัยเปิดโดยวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ไปจนถึงการกล่าวปิดโดยผู้นำทางศาสนาในอีก 3 วันต่อมา แทบทุกคนยอมรับความศักดิ์สิทธิ์ของการดำรงอยู่ ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ “เรื่องใหญ่ หลักการนี้มีมาเพียงหนึ่งร้อยศตวรรษเท่านั้น คุณยายของฉันเองสอนฉันด้วยหัวเข่าของเธอ” แน่นอนว่าเธอทำ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น คุณยายของคุณเป็นชาวฮินดู และการสถิตอยู่ของพระเจ้าในธรรมชาติ – ภายในต้นไม้ แม่น้ำ หรือหินขรุขระ – เป็นวิถีของชาวฮินดู ในริโอ ไม่ใช่แค่ชาวฮินดู เชน และซิกข์เท่านั้นที่พูดสิ่งเหล่านี้ มันเป็นทุกคน นักการเมืองเสนอมัน นักธุรกิจยอมรับมัน พระสงฆ์เทศนามัน กวีดนตรียกย่องมัน มันไหลเหมือนสายใยที่มองไม่เห็นผ่านทุกคำพูด ผ่านการเรียกร้องให้เปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ทุกครั้ง

สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในการประชุม Global Forum ครั้งก่อนๆ มันไม่ได้เกิดขึ้นในอ็อกซ์ฟอร์ดในปี 1988 แน่นอน; อาจเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ไม่ได้พูดในมอสโกวในปี 1990 แต่ในริโอ มีการกล่าวอย่างชัดเจน ธรรมชาติเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชีวิตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การทำลายสิ่งสร้างอันล้ำค่าและศักดิ์สิทธิ์นี้ถือเป็นความอัปยศ เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามซึ่งหากทำต่อไปก็จะจบลงด้วยความตายของเราเป็นแน่ วุฒิสมาชิกอัลกอร์พูดถึง "ข้อสันนิษฐานที่ผิดพลาดว่าเราแยกจากธรรมชาติ" คามารา อาร์ชบิชอปชาวบราซิลผู้วิเศษกล่าวถ้อยแถลงที่ค่อนข้างน่าทึ่งว่า “เราอยู่ในพระเจ้า ฉันจะเกลียดได้อย่างไรถ้าฉันเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า? นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่เป็นเรื่องจริง ถ้าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง แสดงว่าเราอยู่ในพระเจ้า และเรามีพระเจ้าอยู่ในตัวเรา” บิชอปเกรกอเรียสของอินเดียพูดถึง นักบวชหญิงชาวแอฟริกันแบ่งปันวิสัยทัศน์ว่าชีวิตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พืชเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สัตว์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้นำศาสนาเชนเรียกร้องให้ “เคารพชีวิตทุกรูปแบบ” ดร. ซูซานนาห์ เฮสเชล นักเทววิทยา J ewish ตั้งข้อสังเกตว่า “ผู้นำทางศาสนาจำนวนมากเกินไปมองว่าพระเจ้าเป็นสิ่งห่างไกลและเหนือธรรมชาติ” อัจฉริยา สุชิล กุมาร นำสมาธิ “จงดำดิ่งลึกลงไป รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสัตว์” มีพลังในเสียงทางวิญญาณเหล่านี้ มีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตของเราได้

การแสดงออกอีกอย่างหนึ่งของการโอบกอดสากลจักรวาลอันศักดิ์สิทธิ์นี้พบได้ในคำประกาศ พันธสัญญา และการวิงวอนอันไพบูลย์ที่กลุ่มผู้กระตือรือร้นจำนวนมากได้ผลักดันออกมา คำประกาศของการรวบรวมโลกศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “เราเชื่อว่าจักรวาลเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียว เราเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และความสมบูรณ์ของทุกชีวิตและรูปแบบชีวิต” กฎบัตรโลกเสนอว่า “ชีวิตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ละรูปแบบชีวิตที่หลากหลายล้วนมีคุณค่าในตัวมันเอง มนุษย์ไม่ได้อยู่นอกหรืออยู่เหนือชุมชนแห่งชีวิต เราไม่ได้สานสายใยแห่งชีวิต เราเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งภายในนั้น” The Earth Covenant สนธิสัญญาพลเมืองเพื่อความมั่นคงทางนิเวศวิทยาร่วมกันใช้คำที่คล้ายกันว่า “สิ่งมีชีวิตทุกชนิดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์แต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนแห่งชีวิตของโลก และมีหน้าที่รับผิดชอบพิเศษในการดูแลสิ่งมีชีวิตในทุกรูปแบบที่หลากหลาย”

มันเป็นมนต์เสมือนในริโอ “พระเจ้าอยู่ทุกที่ ชีวิตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์” สิ่งนี้จะดูเหมือนเป็นข้อมูลเชิงลึกทั่วไปสำหรับคุณ และในระดับปัจเจกบุคคลก็เป็นเช่นนั้น แต่การมาจากทุกซอกทุกมุมในริโอทำให้ภาพลักษณ์ของการเปิดเผยทั่วโลกเป็นจริง พระกิตติคุณตามทุกคนเห็นพ้องต้องกันทางจิตวิญญาณใหม่ ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ฉันได้ยินมา และมีนักข่าวเจ็ดพันคนพร้อมที่จะคุ้ยเขี่ยข่าว มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ชัดเจนเกินไปที่จะพูดถึง เช่นเดียวกับอากาศ มันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

หากนิมิตนี้ไม่ได้เป็นเพียงความผิดปกติของชาวบราซิล และถ้ามันเป็นที่นิยมอย่างที่ดูเหมือนจะเป็น และถ้ายังคงดำเนินต่อไปอย่างที่ฉันสงสัยว่ามันอาจแพร่กระจายไปในฐานะส่วนหนึ่งของเทววิทยานิเวศวิทยา เมื่อนั้นมนุษย์อาจพบสิ่งที่เหมือนกัน พื้นศาสนา ไม่ใช่ศาสนาใหม่ จำไว้ แต่เป็นบทความแห่งความเชื่อซึ่งทุกศาสนาสามารถยืนยันได้ ลองนึกดูว่าหากประเพณีทางจิตวิญญาณสอนเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของจักรวาล แรงกระตุ้นที่เป็นอันตรายของเราก็จะถูกควบคุมอย่างแน่นอน หากพระเจ้าได้รับการยอมรับว่าไม่มีตัวตนในทุกสิ่งและสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ผู้นับถือศาสนาที่กระตือรือร้นอาจกระตือรือร้นน้อยลงที่จะดำเนินการในสงครามครูเสดและการพิชิตซึ่งทำลายวัฒนธรรมและชุมชนที่แตกแยก การเห็นพระเจ้าในทุกหนทุกแห่งไม่จำเป็นต้องลดทอนความมีชัยเหนือของพระองค์ แม้ว่ามันอาจจะลดความชอบของเราที่มีต่อคนขี้ขลาดและการฆ่าคนก็ตาม

นั่นเป็น "ifs" จำนวนมากและมุมมองที่ร่าเริงน้อยลงจะสารภาพว่าโลกเป็นสิ่งที่ทุกความเชื่อมีค่าและไม่มีใครดูหมิ่นหรือครอบงำเมื่อกฎทองถูกนำมาใช้แม้แต่กับคนที่ไม่เหมือนเรา แต่คุณไม่คิดหรือว่าการค้นพบการทรงสถิตของพระเจ้าบนโลกนี้ ในชีวิตและรอบตัวเราจะเป็นแหล่งของความก้าวหน้าครั้งใหม่ไปสู่ความเป็นพหุนิยมที่แท้จริง ความฉับไวอันสูงส่งเช่นนี้ช่วยไม่ได้นอกจากเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมของพวกหัวรุนแรงที่ชอบต่อสู้ เช่น พี่น้องที่ทะเลาะเบาะแว้งกันซึ่งประพฤติตัวดีขึ้นเมื่อพ่อกับแม่อยู่ในห้อง

ริโอมีข้อความปิดท้ายที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ ศิลปะ การเมือง วิทยาศาสตร์ และศาสนา ซึ่งยึดมั่นในวิถีทางของฉันคือเส้นทางเดียว มันมาจากแหล่งข่าวที่ไม่น่าเป็นไปได้ สเตฟาน ชมิดไฮนี มหาเศรษฐีชาวสวิส “กลุ่มคนที่เชื่อต่อไปว่าพวกเขาเป็นแหล่งเก็บความจริงเพียงแห่งเดียวจะกลายเป็นคนซ้ำซ้อน”

จากศาสนาฮินดูวันนี้: การประชุมชนเผ่าในริโอช่วยโลกได้จริงหรือ:

…การประชุมสุดยอดริโอสามครั้ง: มีการประชุมสุดยอดโลกสามครั้งในบราซิล สื่อมวลชนทั่วโลกส่วนใหญ่มุ่งความสนใจไปที่ 2 ประเด็นนี้ 1. การประชุมประมุขแห่งรัฐและคณะกรรมการสหประชาชาติที่ริโอ เซ็นเตอร์ ระหว่างวันที่ 1-13 มิถุนายน และแน่นอนว่าจอร์จ บุช ซึ่งกล่าวในริโอว่า "สิ่งเดียวที่สิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับชายคนนี้คือนามสกุลของเขา” และ; 2. Eco-Woodstock ยาว 2 ไมล์ (อ้างอิงถึงเทศกาลดนตรีลุ่มน้ำของสหรัฐฯ ในยุค 60) ซึ่งมีกลุ่มรากหญ้าอิสระหลายพันกลุ่ม ตั้งแต่ Sierra Club ไปจนถึง Rajneesh's OSHO Spiritual Health Organisation กล่าว ของพวกเขาและแจกจ่ายวรรณกรรมมากพอที่จะสร้างความกังวลให้กับป่าไม้ของโลก (UN คนเดียวผลิตกระดาษ 24 ล้านแผ่นสำหรับงานนี้)

สื่อแทบไม่สนใจเลยคือการชุมนุมครั้งที่สาม ซึ่งเป็นการประชุมสามวันซึ่งในระยะยาวอาจเป็นคำมั่นสัญญาเพื่อความอยู่รอดของโลกมากพอๆ กับการประชุมระดับรากหญ้าและการประชุมของรัฐบาลหลายร้อยครั้ง เรียกว่าการประชุมสุดยอดโลกของรัฐสภา (PES) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลบราซิลและ Global Forum of Spiritual and Parliamentary Leaders for Human Survival ซึ่งมีฐานอยู่ในนิวยอร์ก ตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 7 มิถุนายน ผู้นำทางศาสนาและการเมืองสามร้อยคนพบปะกันหลังประตูปิดเพื่อไม่เน้นเรื่องนกอินทรีหัวล้าน การปล่อย CO2 ความไม่เท่าเทียมทางเหนือ-ใต้ หรือนโยบายด้านประชากร แต่สนใจเรื่องพื้นฐานมากกว่านั้น นั่นคือการเปลี่ยนแปลงคุณค่าและผลกระทบที่มีต่อพฤติกรรมมนุษย์ […]

Gore Gets it Going: มีผู้นำทางจิตวิญญาณประมาณ 75 คนและผู้นำรัฐสภา 225 คนที่ PES ทุกคนรวมตัวกันภายใต้การรักษาความปลอดภัยทางทหารอย่างแน่นหนาในอาคารเก่าแก่ที่สุดของบราซิล Palacio Tiradentes ที่สง่างาม ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบคลาสสิกที่สร้างขึ้นในปี 1926 วุฒิสมาชิกสหรัฐ Al Gore กล่าวคำปราศรัยเปิดงาน โดยกำหนดโทนเสียงให้ดึงดูดทางจิตวิญญาณอย่างน่าประหลาดใจ “ผู้คนทั่วโลกรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเดียวทั่วโลก Earth Summit นี้เป็นการสนทนาครั้งแรกในหัวข้อนี้ เหตุใดผู้นำทางจิตวิญญาณจึงเข้าร่วมเป็นสมาชิกรัฐสภาในบทสนทนานี้ เป็นเพราะวิกฤตการณ์ทางนิเวศวิทยาเป็นปัญหาพื้นฐานทางจิตวิญญาณ วิกฤตเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับโลก” กอร์เน้นสามสาเหตุ: 1. การระเบิดของประชากร; 2. การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทำให้เรามีอำนาจในการทำลายล้างมากขึ้น และ 3. วิธีคิดของเรา สมมติฐานว่าเราแยกออกจากธรรมชาติ “ความคิดนี้นำไปสู่การแสวงประโยชน์ – สิ่งนี้ต้องเปลี่ยนแปลง” เขาตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากการอยู่อาศัยของมนุษย์ 10,000 รุ่น มีประชากรเพียง 2 พันล้านคนบนโลกในปี 1945 ห้าสิบปีต่อมามี 5.5 พันล้านคน!

เสียงอื่น ๆ: บราห์มา กุมารีที่ทำงานใกล้ชิดกับสหประชาชาติอยู่ในริโอ แต่ไม่ได้เป็นผู้แทนของ PES (พวกเขาลังเลที่จะเข้าร่วมกับศาสนาฮินดู) การปรากฏตัวอย่างไม่เป็นทางการอีกประการหนึ่งคือพระอานนท์ มาร์กิส บางทีอาจมีแซนเนียซินในชุดสีส้มสดใสจำนวนหนึ่งโหลเข้ามาปะปนกับแขกที่มาเยี่ยมเยียนและแบ่งปันกีร์ตานที่มีพลังของพวกเขา

นักร้อง จอห์น เดนเวอร์ นำเพลงน่ารักๆ เพลงที่แต่งขึ้นสำหรับโอกาสนี้ชื่อว่า "One World" การแต่งเพลงของ Paul Winter นั้นยอดเยี่ยมมาก เขาบันทึกเสียงของสามสายพันธุ์ที่ถูกคุกคาม ได้แก่ หมาป่าขอนไม้ วาฬ และนกที่ขับขานอเมซอน จากนั้นเล่นเพลงที่มีเสน่ห์ของพวกมันด้วยแซกโซโฟนของเขา นักธุรกิจพูดถึงความจำเป็นในการเป็นคนรับใช้ของชุมชน ละทิ้งความโลภ และดำเนินกิจการของตนเพื่อให้สะท้อนถึงคุณค่าทางมนุษยธรรมและจิตวิญญาณมากขึ้น เด็กๆ ก็เป็นเสียงที่ทรงพลังใน PES เช่นกัน เด็กเร่ร่อนอายุ 8-17 ปีถูกพาเข้าไปในห้องประชุมในชุดขาดรุ่งริ่ง พวกเขาพูดถึงการถูกทหารบราซิลทุบตี การหันไปค้าประเวณีเพื่อความอยู่รอด ความหวาดกลัวที่เห็นเพื่อนพิการและแม้แต่ถูกฆาตกรรม ประจักษ์พยานของพวกเขาทำให้ผู้แทนหลายคนน้ำตาไหล ซึ่งนั่งฟังการเรียกร้องความรักและชีวิตของเด็กอย่างช่วยไม่ได้

ต่อไปนี้คือถ้อยคำแห่งปัญญาจากเด็กๆ ชาวบราซิลอายุ 6-15 ปี ที่สามารถพูดกับผู้แทนด้วยคำพูดและวิธีของตนเองได้อย่างน่าทึ่ง:

“ฉันชอบธรรมชาติเพราะมันให้อะไรเราหลายอย่าง” “โลกไม่ต้องการเงิน มันต้องการความสงบและความรัก โลกก็เหมือนชีวิต หากคุณทำมันหาย คุณจะไม่สามารถเอามันกลับมาได้อีก” “ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าให้มนุษย์ทำลายสิ่งที่พระองค์สร้างด้วยความรักอันมากมาย” “วันหนึ่งมนุษย์จะเห็นว่าไม่มีสัตว์และพืชอีกต่อไป และเขาจะส่องกระจกและเห็นสัตว์ประหลาด” “ช่วยโลกของเราและหัวใจของเรา”

ผู้นำทางจิตวิญญาณพูด: ดาไลลามะมีการแสดงตนที่แข็งแกร่งในริโอ โดยสื่อมวลชนมืออาชีพกว่า 7,000 คนที่มากดดันอยู่เสมอ ผู้นำชาวทิเบตยืนอยู่ในเสื้อคลุมสีแดงและสีเหลือง พูดเบา ๆ แทบไม่ได้ยิน กระตุ้นให้ผู้ที่อยู่ ณ ที่นี้เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันและให้ความร่วมมือ สาธุคุณเจมส์ พาร์คส์ มอร์ตัน ประธานร่วมของ Global Forum ขอให้ผู้เข้าร่วมงานตรวจสอบภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่ที่วาดใต้โดมกลางของพระราชวัง ที่นั่นเขาสังเกตเห็นผู้พิชิตชาวโปรตุเกสผิวขาว ถือไม้กางเขนของคริสเตียนขึ้นสูง เดินทัพเข้าสู่บราซิล ตั้งใจแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนใจเลื่อมใสและครอบงำชนเผ่าพื้นเมืองที่ตกตะลึง นั่นเป็นเพียงคุณค่าอีกประการหนึ่ง สาธุคุณมอร์ตันกล่าวไว้ ซึ่งนำเราไปสู่จุดที่เราอยู่และนั่นต้องได้รับการประเมินใหม่หากเราต้องการก้าวไปข้างหน้าในฐานะเผ่าพันธุ์มนุษย์เดียวกัน แต่ละศาสนาเสนอการสวดมนต์หรือทำสมาธิ และศิวายา สุพรหมมุนิยาสวามีขอให้แต่ละศาสนาทบทวนความห่วงใยและช่วยเหลือเด็กอีกครั้ง เขากระตุ้นให้ผู้ร่วมงานระลึกถึงตอนที่พวกเขายังเด็กและเปราะบางและต้องการความช่วยเหลือ และจบลงด้วยการขอให้ทุกคนที่มาร่วมงานร้องเพลงสากล Divine Sound ด้วยกัน และโอมก็ดังลั่นฮอลล์ถึงสามครั้ง

ข้อความของสวามี: สวามี Paramananda Bharati แห่ง Sringiri Mutt ที่มีชื่อเสียงของอินเดียให้คำปราศรัยที่สำคัญของชาวฮินดูที่ PES โดยเน้นย้ำถึงคุณค่าเวท สวามียืนยันว่าวิทยาศาสตร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกเผชิญอยู่ในขณะนี้: "เมื่อห้าศตวรรษที่แล้วผู้นำศาสนาคิดว่าเป็นสิทธิ์ของพวกเขาที่จะบอกว่าโลกกำเนิดขึ้นเมื่อใดและทำงานอย่างไร จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ก็เริ่มแสดงให้เห็นว่าความเชื่อในเรื่องเหล่านี้ไม่มีเหตุผล เมื่อคำยืนยันของพวกเขาพังทลายลงทีละข้อ ความศรัทธาของคนทั่วไปค่อยๆ เปลี่ยนจากศาสนาเป็นวิทยาศาสตร์ ในศตวรรษปัจจุบัน คนทั่วไปหมดศรัทธาในศาสนาโดยสิ้นเชิง ด้วยความสำเร็จของพวกเขา ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์เริ่มจินตนาการว่ามันเป็นสิทธิ์ของพวกเขาที่จะพูดว่าอะไรคือพระเจ้าและอะไรคือวิญญาณ - ยอมรับทัศนคติที่ไม่ถูกต้องแบบเดียวกับที่แบ่งกลุ่มนักบวชเมื่อห้าศตวรรษก่อน ตามที่นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้ไม่มีพระเจ้า พวกเขากล่าวว่าสิ่งที่เรียกว่า "พระเจ้า" เป็นเพียงชุดของพลังธรรมชาติ ในทำนองเดียวกันก็ไม่มีวิญญาณเช่นกัน พวกเขากล่าวว่าสิ่งที่เรียกว่า "วิญญาณ" นั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าร่างกาย ซึ่งตัวมันเองเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของจักรวาลทางวัตถุทั้งหมด

“คนทั่วไปที่อาจไม่เข้าใจวิทยาศาสตร์หรือศาสนา ประทับใจในความสำเร็จของวิทยาศาสตร์ จึงหมดศรัทธาในพระเจ้าหรือจิตวิญญาณ และตอนนี้เชื่อเพียงในร่างกายและจักรวาลทางวัตถุหรือสิ่งแวดล้อมเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มปรนนิบัติร่างกายและใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับร่างกาย ดูเหมือนว่าพวกเขาได้ข้อสรุปว่าคุณภาพชีวิตจะเพิ่มขึ้นหากปริมาณของการปรนเปรอและการแสวงประโยชน์นี้เพิ่มขึ้น ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระเจ้าและจิตวิญญาณนี้เป็นต้นเหตุของความเสื่อมโทรมของค่านิยม ร่างกาย และสิ่งแวดล้อมของเราในปัจจุบัน” สวามีตั้งข้อสังเกตว่าการแก้ปัญหาวัตถุนิยมอย่างต่อเนื่องจากวิทยาศาสตร์นั้นไม่มีวิธีแก้ปัญหาเลย ทางออกเดียวที่แท้จริงและถาวร “อยู่ที่การเดินทางกลับไปสู่พระเจ้าและจิตวิญญาณ และดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายขึ้นโดยสอดคล้องกับธรรมชาติ สิ่งนี้เป็นไปได้บนพื้นฐานของศาสนาทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ซึ่งเหตุผลไม่ได้อยู่ภายใต้ความเชื่อ ในศาสนาฮินดู พื้นฐานนี้เรียกว่าธรรมะ ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์และศาสนาในเวลาเดียวกัน”

ในการพูดถึงธรรมชาติที่แพร่หลายของพระเจ้า Swami Bharati ตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งสำคัญคือต้องมองโลกในฐานะพระกายของพระเจ้า และด้วยเหตุนี้จึงต้องปฏิบัติต่อโลกด้วยความเป็นมนุษย์และความเคารพ เขาสรุปว่า “เพื่อนที่รัก นี่คือธรรมะที่ควรเป็นรากฐานของจริยธรรมด้านสิ่งแวดล้อมและหล่อเลี้ยงชีวิตที่มีคุณภาพสูงและชีวิตที่เรียบง่ายขึ้น ฉันไม่เห็นด้วยที่การบริโภคสูงหมายถึงคุณภาพชีวิตที่ดี เราทุกคนต่างชื่นชมเครื่องจักรที่กินไฟน้อยลงและทำงานได้มากขึ้น แต่ช่างตลกเสียจริงที่เรายกย่องผู้ชายหรือสังคมที่บริโภคมากขึ้นและทำงานน้อยลง! คุณภาพชีวิตที่ดีจึงหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่มีพื้นฐานทางปรัชญาคือสันติธรรมโดยอัตโนมัติ”

ระหว่างการประชุม Swami และผู้ช่วยที่มีความสามารถของเขา Mohit Daswami น้องใหม่ของ Columbia College ได้ไปเยี่ยมกลุ่มโยคะและชาวฮินดูหลายแห่งในและรอบๆ ริโอ จากการเผชิญหน้าเหล่านั้น Swami กล่าวว่า "การนั่งร่วมกับชาวฮินดูในบราซิลทำให้ฉันรู้สึกว่าวิธีแก้ปัญหาทั้งหมดในปัจจุบันอยู่ในความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณของ Sanatana Dharma" เสียงของแรบไบและอิหม่าม บิชอปและโรชิ มารดาของราชินีแอฟริกัน และชาวอเมริกันอินเดียนล้วนได้ยินในริโอ เป็นเสียงของเราซึ่งเป็นเสียงของมนุษย์คนเดียวที่พูดผ่านผู้นำหลายคน

Dalai Lama: เราจะบอกอะไรกับเด็กๆ ได้บ้างเกี่ยวกับความสบายใจเมื่อพวกเขาเห็นการสูญเสียชีวิตครั้งใหญ่ในป่า การดำรงอยู่ของชีวิตคือความหวัง เมื่อสูญเสียความหวัง การฆ่าตัวตายก็จะตามมา เป้าหมายของชีวิตคือความสุข เพื่อป้องกันอารมณ์ด้านลบคือวิธีการบรรลุความสงบของจิตใจ ฉันอยากจะบอกคนเหล่านี้ว่าพวกเขาไม่ควรหมดหวัง กุญแจสำคัญคือการศึกษา เราต้องการความเห็นอกเห็นใจจากมนุษย์มากขึ้น

ฮาคุยุ ไทซัน มาเอซึมิ:วันแรกตอนเย็นฉันกับพี่ๆไปเดินเล่นกัน เราข้ามสะพานไปที่สวนสาธารณะและเดินไปรอบ ๆ ข้างในและสังเกตเห็นว่ามีรั้วกั้นทั้งหมด เช้าวันรุ่งขึ้นเราไปที่สวนสาธารณะ สิ่งแรกที่ฉันสังเกตเห็นซึ่งทำให้หัวใจของฉันเจ็บปวดคือหญ้าถูกเหยียบหลายครั้ง ที่นี่เรากำลังมีการประชุมเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับวิธีการไม่ก่อมลพิษ แต่ดูว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ข้าพเจ้าขอเรียนให้ทราบโดยทั่วกัน มีสติ คิด. แต่ละคนควรมีความรับผิดชอบ

อัจฉริยา สุชิล กุมาร:เงียบ. นั่งสมาธิ การทำสมาธิแบ่งออกเป็นสองส่วน อันแรกคือการสวดมนต์ อีกอันคือการทำสมาธิ สวดมนต์ AUM เสียงเทพ มันจะให้การสั่นสะเทือนมาก มีผลดีมาก หลับตา ผ่อนคลาย ค้นหาตัวเอง ตระหนักถึงตนเองของคุณ ร่างกายจะไม่เครียด จิตใจจะไม่คิดมาก ลงลึกขึ้นเรื่อยๆ คุณสามารถละลายความคิดทั้งหมดเป็นความคิดเดียว ลงลึกขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสัตว์ พูดว่า “พระเจ้า ฉันรักคุณ ผมเคารพคุณ." ผ่อนคลายและทำสมาธิ

เอ็น.พี. เชน:ศาสนาเชนมีการแสดงความเคารพต่อชีวิตทุกรูปแบบ การกินเจ ความกลมกลืนกับธรรมชาติ Acharya Sushil Kumar ได้เปิดตัวการเคลื่อนไหวเพื่ออหิงสา สันติภาพด้วยการไม่ใช้ความรุนแรงเป็นทางออกเดียวที่ได้ผล – ไม่ทำร้ายผู้อื่นด้วยการกระทำ ความคิด และการกระทำของเรา ให้ทุกศาสนาและผู้นำทางจิตวิญญาณรวมกัน เชนในอินเดียได้อาสาเป็นผู้ช่วยเหลือในการจัดตั้งโครงการสีเขียว เช่น คลินิกสัตว์และแมลง

ชามัน ซาแปม คาไมอุระ:ฉันเป็นคนปรุงยารายใหญ่ คนปรุงยาที่ใหญ่ที่สุด ไม่มีใครทัดเทียมฉันได้ ฉันได้รับเลือกจากวิญญาณแห่งป่าอเมซอนตอนอายุสิบขวบ พวกเขาสอนให้ฉันมีความรู้เรื่องพืช ฉันรู้จักพืชทั้งหมด ฉันสามารถรักษา ฉันคุยกับต้นไม้และพวกมันก็คุยกับฉัน ยาของคนผิวขาวอ่อนแอมาก เราไม่ได้ใช้มัน เราใช้สมุนไพรและพืช ชาวอินเดียเงียบและไม่ใส่ใจ เขาไม่เคยประหม่า เขาไม่เคยปวดหัวเหมือนที่คุณทำในเมือง

หัวหน้า Oren Lyons:สวมพลังพี่หมีคล้องคอ ฉันถือขนของน้องชายของฉัน นกอินทรี ฉันเป็นหมาป่า… เราจะไม่รอดหากเราไม่ดูแลโลก บางทีทางเลือกอื่นคือเราจะไปและโลกจะฟื้นฟู – ชำระแม่น้ำ ชำระลำธารและบ่อน้ำให้บริสุทธิ์ ฉันขอให้ธุรกิจต่างๆ อย่าคิดถึงตัวเอง ประเทศชาติ หรือแม้แต่ครอบครัวของพวกเขาเอง แต่ให้คิดถึงคนรุ่นต่อไปอีก 7 ชั่วอายุคน ให้นึกถึงคนที่มองขึ้นมาจากโลก คนที่กำลังรอเวลาที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่

นานา อาเปียดู:มีผู้ลี้ภัย 17 ล้านคนในกานา แอฟริกา - 80% เป็นผู้หญิงและเด็ก พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม – ผู้หญิงเหล่านี้อาศัยอยู่กลางแจ้ง อาศัยอยู่ในเต็นท์ พวกเขาทำงานเช้าจรดค่ำในธรรมชาติ หาฟืน ขนน้ำ อย่าลืมพวกเขา […]

มหานครเกรกอเรียส:“ศาสนาในช่วง 200 ปีที่ผ่านมาได้ผลักดันออกจากศูนย์กลางของชีวิตสาธารณะไปสู่ชายขอบ แต่เรากลัวสถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่ศาสนาหนึ่งกลับมาที่ศูนย์กลางและเน้นย้ำถึงความเป็นอมตะและวิชชา”

รับบี มาร์แชล เมเยอร์:ศาสนาหนึ่งจะแสดงออกในโลกพหุนิยมได้อย่างไร? ต้องมีการตรวจสอบหลักคำสอนดั้งเดิมอีกครั้ง

ฟรานซ์ คราจเบิร์ก:หลังสงคราม ฉันหนีไปบราซิล และพบบ้านบนต้นไม้อายุ 2,000 ปีใกล้ทะเล ฉันรู้สึกได้เกิดใหม่ในธรรมชาติ จากธรรมชาติฉันเรียนรู้มากกว่าจากมนุษย์ ฉันได้ค้นพบอาชญากรรมที่กระทำต่อป่าไม้ แทบไม่เหลือต้นไม้ในที่ที่ฉันอาศัยอยู่เลย ยกเว้นต้นเล็กๆ ที่เป็นของฉัน ความรังเกียจ ความขุ่นเคืองของฉันแสดงออกมาในรูปปั้นของฉัน มันทำให้คุณร้องไห้ มันเจ็บปวดมาก ที่ดินหลายล้านเอเคอร์ถูกทิ้งร้าง และพื้นที่ทั้งหมดเป็นของชายคนหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากมัน ในขณะที่ชาวนายากจนทำงานบนผืนดินเล็กๆ ทุกวันนี้ทุกอย่างเป็นธุรกิจ - ศิลปะและตอนนี้แม้แต่นิเวศวิทยา แม้แต่บุชยังเสนอเงิน ให้ทิปแก่ UNCED เพื่อปิดปากพวกเรา และส่วนใหญ่จะไม่ไปถึงคนจน

JUPITER – ซานต้าในท้องฟ้า โดย Gururattan Kaur Khalsa, Ph.D.

ดาวพฤหัสบดีฉันตามธรรมเนียมแล้วเรียกกันว่าเป็นดาวเคราะห์ที่ให้ประโยชน์ – เป็นดาวที่นำโชคลาภมาให้เราและให้พรแก่เรา ดาวพฤหัสบดีเป็นเพื่อนที่ใจดีของเราที่ทำให้เราหยุดพักในโลกเย็นของดาวเสาร์และโลกที่วุ่นวายของดาวพลูโต คำขวัญของดาวพฤหัสบดีอาจเป็น "ท้องฟ้าเป็นขีด จำกัด หากคุณยังคงติดดินและเชื่อมต่อกับวิญญาณ"

การแสดงออกของผู้หญิง

ราศีธนูมักจะเป็นเด็กวัยรุ่นนิรันดร์ที่ปฏิเสธที่จะเติบโต ชาวราศีธนูที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมักหลงระเริงไปกับพฤติกรรมแบบเด็กๆ ความโรแมนติกเกินจริง การพูดเกินจริง และการประกาศข่าวประเสริฐ เขาเป็นคนดื้อรั้น ไม่น่าเชื่อถือ และบ้าบิ่น เขาสามารถมีความกระตือรือร้นมากเกินไปและหยิ่งยโส เอาแต่ใจ และมั่นใจในตนเองผิดๆ เป้าหมายสูงสุดของดาวพฤหัสบดีคือการขยายจิตสำนึกของเราเพื่อให้เรามีประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับความรักสากลและขยายความคิดของเราเพื่อให้เราเป็นช่องทางที่ชัดเจนสำหรับภูมิปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ หน้าที่เฉพาะของดาวพฤหัสบดีคือการปลุกเราให้ตื่นขึ้นสู่ความรักในทุกประสบการณ์และแก่นแท้ของความรักในทุกรูปแบบ ประสบการณ์ตรงของการมีอยู่ของความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ซ่านไปทั่วนี่แหละที่นำเราออกจากการยึดติดและความปรารถนาทางวัตถุ เป็นจิตสำนึกแห่งความรักที่ช่วยแก้ไขความเป็นสองด้านของจิตใจของเราและนำจิตใจที่ไม่สงบของเราไปสู่ความมั่นคงที่สงบสุข เรายังตระหนักรู้และดึงดูดพรอันไร้ขอบเขตของจักรวาลในจิตสำนึกที่ตื่นขึ้น ดาวพฤหัสบดีเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่สังเคราะห์ขั้วเพื่อที่จะแสดงให้เห็นในความเป็นจริงทางกายภาพของเราความสามัคคีสากลและความอุดมสมบูรณ์

ตัวอย่างส่วนบุคคล

ผมขอยกตัวอย่างเป็นการส่วนตัวว่าพลังงานของดาวพฤหัสบดีทำงานอย่างไร ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1991 ระหว่างการโคจรของดาวพฤหัสบดีในแผนภูมิเกิดของฉัน ฉันประสบกับแรงกระตุ้นที่แสดงออกมาเป็นความปรารถนาที่จะเข้าร่วมการประชุมที่มีชื่อเสียงในอีกรัฐหนึ่ง เนื่องจากฉันไม่มีโอกาสเข้าร่วม ฉันจึงคิดหาวิธีที่จะเข้าร่วมได้ฟรี ความคิดหนึ่งที่ฉันมีคือถามว่าฉันจะไปเป็นนักข่าวของนิตยสารยุคใหม่ในท้องถิ่นได้ไหม แต่เมื่อฉันคิดถึงความคิดนี้ ดูเหมือนจะไม่เข้าเป้า ทำไมต้องใช้เวลาเขียนเกี่ยวกับการประชุมของคนอื่น ฉันตัดสินใจแทนที่จะเขียนและส่งบทความเรื่อง “กระบวนทัศน์ใหม่สำหรับโลกที่ยั่งยืน” ทุกเดือน บทความนี้ได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นและตีพิมพ์เป็นเรื่องราวปกในฉบับถัดไป บทความนี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญสำหรับฉัน ด้วยเหตุนี้ ฉันจึงได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุม Sacred Earth ในบราซิลในปี 1992 ซึ่งจัดขึ้นพร้อมๆ กับการประชุม Earth Summit บทความนี้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ขยายไปสู่หนังสือของฉัน “นิเวศวิทยาภายในและภายนอก – การเปลี่ยนผ่านสู่โลกทัศน์ที่ยั่งยืน” ฉันแบ่งปันหนังสือเล่มนี้ในทั้งสองงานและยังคงใช้เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณและนิเวศวิทยา ต่อมาในช่วงที่ดาวพฤหัสบดีโคจรผ่านจุดเดียวกัน ฉันตัดสินใจว่าฉันต้องการใช้ประโยชน์จากพลังงานนี้ และส่งเอกสารไปยังนิตยสารอื่น ๆ หลายฉบับ ซึ่งไม่ตอบสนอง การกระทำนี้ถูกคำนวณมากเกินไปสำหรับปรมาจารย์จูปิเตอร์ อดีตเป็นการกระทำจากใจจริงที่ต้องการแบ่งปันตัวเอง ประเด็นก็คือการจัดการกับพลังงานของดาวพฤหัสบดีนั้นต้องการการกระทำที่เป็นธรรมชาติโดยสัญชาตญาณซึ่งนำทางโดยหัวใจ ไม่ใช่อัตตา

Gururattan Kaur Khalsa, Ph.D. เป็น "ผู้เขียนและครูชั้นนำของ Kundalini Yoga" และผู้ก่อตั้ง "Yoga Technology":

ผ่านการเดินทาง การศึกษา การสอน และการเดินทางภายในของเธอเอง คุรุรัตนาได้เตรียมพร้อมอย่างมีสติสำหรับช่วงเวลานี้ในประวัติศาสตร์ ตั้งแต่อายุ 26 ปี เธอได้ดำเนินตามเส้นทางจิตวิญญาณที่มุ่งมั่น เธอเรียนหฐโยคะเป็นเวลา 8 ปี ฝึกกับโยคีบาจันเป็นเวลา 26 ปี และได้เรียนไทชิ กังฟู และชี่กง เธออาศัยอยู่ที่ Palo Alto ระหว่างปี 2537-2541 ที่นั่นเธอได้รับเชิญให้สอนโยคะ Kundalini และการทำสมาธิ 2 หลักสูตร ได้แก่ Your Life Is In Your Chakra และ Balancing Male-Female Polarities ที่ Institute of Transpersonal Psychology เธอยังได้รับเชิญให้สอน Kundalini Yoga ที่ Stanford University ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Health Improvement คุรุรัตนาสอนที่ค่ายฝึกสตรี Khalsa และงานฉลองครีษมายัน 3HO ในนิวเม็กซิโก S เขาอาศัยและสอนในซานดิเอโกตั้งแต่ปี 1999 คุรุรัตนาเชื่อว่าสติสัมปชัญญะที่สูงขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นในการค้นหาวิธีแก้ปัญหาของโลกทั้งหมด เมื่อเราเปลี่ยนจิตสำนึกและกลายเป็นพลังส่วนตัว เราก็เปลี่ยนโลก ชีวิตของเธออุทิศให้กับการช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามความหวังและความเชื่อไปสู่ประสบการณ์แห่งความปีติยินดีแห่งตนเองและพระเจ้าในทุกชีวิต และเพื่ออุทิศตนให้กับโลกใบนี้

จาก Philly.com:

อดีตประธานาธิบดีโซเวียต มิคาอิล กอร์บาชอฟ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้า International Green Crossถูกจัดตั้งขึ้นตามคำแนะนำของเขาเพื่อต่อสู้กับความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม การประชุมสุดยอดรัฐสภาโลกของผู้นำทางจิตวิญญาณและสมาชิกสภานิติบัญญัติจากทั่วโลกลงมติเป็นเอกฉันท์ในวันเสาร์สำหรับกอร์บาชอฟ โฆษกของงานกล่าวเมื่อวานนี้ ฟอรัม - การรวบรวมที่หลากหลายรวมถึงผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตที่ถูกเนรเทศดาไลลามะ; อัลเบิร์ต กอร์ วุฒิสมาชิกสหรัฐ ดี-เทนน์; และนักร้องจอห์น เดนเวอร์ - กำลังจัดขึ้นควบคู่ไปกับการประชุมสุดยอดอย่างเป็นทางการของผู้นำโลกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและความท้าทายด้านการพัฒนาที่นี่ โฆษก Tarzie Vittachi กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่าเป้าหมายของ International Green Cross คือการทำเพื่อโลกและทรัพยากร "สิ่งที่สภากาชาดก่อตั้งขึ้นเพื่อทำเพื่อผู้คนในสนามรบ" แนวคิดนี้เสนอโดยกอร์บาชอฟเองในการประชุมรัฐสภาและผู้นำทางศาสนาในกรุงมอสโกเมื่อปี 2533 เขากล่าว

John Denver ที่การประชุมสุดยอด Earth:

05/30/92 ถึง 06/12/92 Brazil, Earth Summit – ไม่มีวันที่ว่างสำหรับการแสดงคอนเสิร์ตของเขาในบราซิล

สติง จอห์น เดนเวอร์ และวง Beach Boys ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีแก่คณะผู้แทนที่แห่กันไปที่บราซิลและความสนุกสนานของชายหาดโกปากาบานาสำหรับการประชุม Earth Summit ครั้งแรกในปี 1992

จอห์น เดนเวอร์ ร้องเพลงเพื่อรัฐสภาฝ่ายวิญญาณ

บางส่วนของการประชุม Earth Summit ที่จอห์นเข้าร่วม:

5 มิถุนายน 2535 การประชุมสุดยอดรัฐสภาโลก
พิธีเปิด ดาไลลามะ จอห์น เดนเวอร์ อุลเลา เนย์ ลอยส์
6 มิถุนายน 2535 รัฐสภา การประชุมสุดยอด EARTH: เซสชัน PARL & PANEL
จอห์น เดนเวอร์ ; อากิโอะ มัตสึมูระ; เอริก้า เทอปสตรา
PARL .EARTH SUMMIT: ศาสนาและสิ่งแวดล้อม
ดาไลลามะ; จอห์น เดนเวอร์ ; เด็กเร่ร่อน
7 มิถุนายน 2535 รัฐสภา การประชุมสุดยอดโลก: พิธีปิด
จอห์น เดนเวอร์ ; พอล วินเทอร์; มิชิโอะ โอกามาตะ ฯลฯ
การประชุม KARI-OCA WORLD ของชนพื้นเมืองในดินแดน สิ่งแวดล้อม และการพัฒนา

ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในโลกแบ่งปันมุมมองมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (UNCED) ที่เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2535 ผู้นำและผู้แทนจากชนพื้นเมืองที่หลากหลายเช่นชาวเอสกิโมก็เช่นกัน ชาว Onondaga ชาว Aymara ชาวเมารี และชาว Nisga'a ได้กำหนดวาระการประชุมของพวกเขาในการประชุมระดับโลกของชนเผ่าพื้นเมืองเกี่ยวกับดินแดน สิ่งแวดล้อม และการพัฒนา ซึ่งจัดขึ้นที่ Kari-Oca หมู่บ้านนอกเมืองริโอ นักรบ Xingu จำลองวิถีชีวิตของพวกเขาในริโอโดยสอดคล้องกับธรรมชาติ พวกเขาตั้ง Kari-Oca เพื่อเฉลิมฉลองการประชุมสุดยอดชนพื้นเมืองโลก Tucanos จาก Amazon มีส่วนร่วมในการก่อสร้างหมู่บ้านด้วย พวกเขาได้นำสถาปัตยกรรมทางเหนือ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างชนพื้นเมือง….

Marcos Terena นำเสนอปฏิญญา Kari-Oca ต่อการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (UNCED) Rio, 1992

ประธาน:

มร. มาร์กอส เตเรนา เป็นผู้บรรยายรายต่อไป เขาเป็นตัวแทนขององค์กรพัฒนาเอกชน คณะกรรมการระหว่างเผ่า เขามีพื้น

มาร์โก เทเรน่า:

ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาครั้งนี้ ฉันเป็นชาวอินเดียนแดงชาวบราซิล และได้รับคำขอจากองค์กรชนพื้นเมือง 92 แห่งจาก 5 ทวีปของโลกนี้ให้พูดคุยกับคุณในบ่ายวันนี้ พวกเราชนพื้นเมืองของโลก เราไม่มีเวที ไม่มีเวทีสนทนา เราไม่มีที่ที่จะได้ยินเสียงของเรา ดังนั้นเราจึงพยายามสร้างฟอรัมของเราเอง ตามเทคโนโลยีของเราเอง ตามภูมิปัญญาและวิทยาศาสตร์ของเราเอง ตามสถาปัตยกรรมของเราเอง และเราได้ตั้งหมู่บ้านชนพื้นเมืองขึ้นที่นี่ในริโอเดจาเนโร เมื่อเราคิดที่จะทำอย่างนั้น มีคนจำนวนมากที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในประเด็นชนพื้นเมือง ซึ่งเริ่มพูดว่าสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่เป็นเพียงนิทานพื้นบ้าน มันจะเป็นสิ่งที่ทำให้ UN มีความสุข แต่นั่นไม่เป็นเช่นนั้น วิหารแห่งภูมิปัญญาเก่าแก่หลายศตวรรษ รหัสชีวิตที่ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนใดสามารถเปิดเผยได้ อาศัยอยู่กับชนพื้นเมือง และนั่นคือสิ่งที่คุณกำลังมองหา ที่นี่ ในการประชุมครั้งนี้

คุณไม่จำเป็นต้องดูเพิ่มเติมหรือค้นคว้าเพิ่มเติม หรือใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ในการวิจัยใหม่ พวกเราชนพื้นเมืองต้องการเสนอวิทยาศาสตร์ของเรา ภูมิปัญญาของเรา เพื่ออารยธรรมของคุณ และอีกครั้งที่เราต้องถามคุณว่า “คุณพร้อมสำหรับสิ่งนั้นหรือยัง” “โลกร่วมสมัยพร้อมที่จะรับฟังสิ่งที่เราต้องการจะสื่อหลังจาก 500 ปีแห่งความเงียบงันหรือไม่? ความเงียบที่ถูกบังคับโดยชาวอาณานิคม นักบวช และคำสอน นี่คือเหตุผลที่เรามาที่นี่ที่ริโอและหมู่บ้านคาริ-โอคาแห่งนี้” เราพยายามเขียนปรัชญา ความคิดของเราลงกระดาษ เพราะเรารู้จักธรรมชาติ เราฝึกฝนการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับเรา นี่เป็นกิจวัตรประจำวันในชีวิตของเรา ไม่ใช่แนวทางอื่นอย่างที่ทราบกันดี เราได้ร่างกฎบัตรโลกของเราเอง

คุณไม่สามารถเสียเงินหลายล้านดอลลาร์ไปกับการประชุมเช่นนี้ได้ หากคุณไม่ต้องการฟังสิ่งที่โลกบอกเล่าให้คุณฟัง ธรรมชาติกำลังถูกทำลายทุกนาที เครื่องบินไอพ่นแต่ละลำที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกำลังทำลายธรรมชาติ การระเบิดของปรมาณู นิวเคลียร์ในมหาสมุทรแปซิฟิกหรือมหาสมุทรใดๆ แต่ละครั้งกำลังทำลายธรรมชาติ ทุกครั้งที่จัดสรรเงินเพื่อการวิจัยภายใต้การอุปถัมภ์ของสันติภาพสำหรับอาวุธนิวเคลียร์ใหม่ เรากำลังทำลายธรรมชาติอีกครั้ง เรากำลังทำลายชีวิตของเราเอง ฉันไม่ใช่แค่ชีวิตของชนพื้นเมืองเท่านั้นที่ถูกทำลาย แต่นี่คือเหตุผลที่เราสงสัยว่าทำไมเราถึงมีเวลาห้าถึงเจ็ดนาทีในการพูดหลังจาก 500 ปีแห่งความเงียบงัน แต่เราจะได้ยินไหม

และเราอาจพูดถึงหลายสิ่งหลายอย่างจากตำนานของชนพื้นเมือง ปรัชญาและภูมิปัญญาของชนพื้นเมือง แต่คงไม่มีประโยชน์อะไรเว้นแต่ท่านพร้อมที่จะฟังสิ่งที่เราจะพูดเกี่ยวกับวาระที่ 21 เป็นต้น เกี่ยวกับธุรกิจที่ไม่บรรลุฉันทามติเกี่ยวกับความหมายของความหลากหลายทางชีวภาพ เรามีความหลากหลายทางชีวภาพของเราเองและเรากำลังต่อสู้เพื่อแบ่งดินแดนของเราด้วยเหตุผลนี้ เพราะเบื้องหลังการต่อสู้เพื่อดินแดนนั้นมาจากมรดกของเรา มรดกเพื่อความอยู่รอดของเรา ยาที่ธรรมชาติมอบให้เรา อาหารที่มอบให้เรา โดยแม่ธรรมชาติ นี่คือเหตุผลที่เรากำลังบอกว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาของ UNCED นี้ คุณควรลองฟังสิ่งที่เราสามารถสื่อถึงคุณในบทความนี้ผ่านคำเหล่านี้บนกระดาษ เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเราที่จะพูดกับคุณที่นี่เป็นการส่วนตัว เพราะคุณ คุณเป็นตัวแทนของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง และเรา เราคืออะไร? เราเป็นตัวแทนอะไรของคุณ? ฉันไม่ต้องการที่จะไปต่อว่าภูมิปัญญาของชนพื้นเมืองที่นี่ แต่ฉันต้องการขอให้คุณเปิดใจ

แต่ความจริงที่ว่าคุณแต่ละคนฟังฉันไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็มีความสำคัญมากกว่าประเด็นทางการเมืองซึ่งอาจพาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ในวันพรุ่งนี้ เพราะเราต้องการบอกคุณว่าเป็นเวลา 500 ปีแล้วที่เราถือครองความหลากหลายทางชีวภาพ ความมั่งคั่งของประชาชนของเราไว้ในมือของเรา เราไม่ต้องการทำอย่างนั้นคนเดียวอีกต่อไป เราต้องการแบ่งปันสิ่งนี้กับคุณเพราะคุณเป็นเจ้าของเทคโนโลยี เพราะคุณเป็นเจ้าของเครื่องจักร และเพราะเรามีภูมิปัญญาแห่งธรรมชาติ

โดยสรุป ประธานและผู้แทนผู้มีเกียรติซึ่งกำลังฟังฉันในบ่ายวันนี้ ฉันต้องการอ่านปฏิญญาที่เราร่างขึ้นที่หมู่บ้าน Kari-Oca ให้คุณฟัง

พวกเราชนพื้นเมืองกำลังเดินไปสู่อนาคตตามรอยเท้าของบรรพบุรุษของเรา ตั้งแต่ผู้ยิ่งใหญ่ไปจนถึงผู้มีความสำคัญน้อยที่สุด จากทิศทั้งสี่ อากาศ ลม ดิน และภูเขา พระผู้สร้างได้วางเราซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองไว้บนแผ่นดินของเราซึ่งเป็นแผ่นดินแม่ของเรา รอยเท้าของบรรพบุรุษของเราอยู่ที่นั่นตลอดเวลา พวกเขาตราตรึงในแผ่นดินของเราตลอดไปและนี่คือเหตุผลที่เราต่อสู้เพื่อแผ่นดินของเรา ไม่ใช่แค่เพื่อกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่เราต่อสู้เพื่อแผ่นดินในฐานะแม่พระธรณี พวกเรา ชนพื้นเมือง ตั้งใจที่จะรักษาสิทธิของเราในการกำหนดใจตนเอง การตัดสินใจด้วยตนเองที่ผู้คนจำนวนมากกลัวว่าชนพื้นเมืองอาจบรรลุผลสำเร็จในสักวันหนึ่ง เช่นเดียวกับที่คุณทุกคนมีในความสัมพันธ์กับชนชาติอื่น

เราต้องการมีสิทธิตัดสินใจเลือกรูปแบบการปกครองของเราเอง เราต้องการใช้และบังคับใช้กฎหมายของเราเอง เราอยากให้ลูกเรียนเอง เราต้องการมีสิทธิในเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเราเองโดยปราศจากการแทรกแซงและไม่มีการแทรกแซงจากภายนอก เราจะต่อสู้ต่อไปเพื่อสิทธิที่ไม่อาจแบ่งแยกได้บนที่ดินและผู้คนของเรา และทรัพยากรของเราเองด้วย จากดิน จากพื้นที่ใต้ดิน และจากน้ำของเรา และเราขอยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบของเราที่จะแบ่งปันสิทธิเหล่านี้ ไม่ใช่กับคนอื่น แต่กับลูกหลานของเรา กับคนรุ่นอนาคตของเรา เราไม่สามารถถูกขับออกจากดินแดนของเราได้ เพราะเราซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองรวมกันเป็นหนึ่งโดยวงจรชีวิตที่คนขาวไม่เข้าใจ เป็นวัฏจักรแห่งชีวิตที่หมุนวนเป็นวงกลม ดิน น้ำ อากาศ ที่ท่านเรียกในที่นี้ว่า สิ่งแวดล้อม

พวกเราชนพื้นเมืองกำลังก้าวไปสู่อนาคตตามเส้นทางที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ คุณเชื่อสิ่งนี้หรือไม่? คุณช่วยคิดเรื่องนี้ได้ไหม เมื่อคุณลงนามในการประชุมที่นี่ เราอาจไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่คุณจะอยู่ที่นั่น เมื่อคุณลงนามในอนุสัญญาที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของโลกใบนี้ พวกเราที่เชื่อว่าคุ้นเคยกับธรรมชาติมากที่สุดจะไม่ได้นั่งอยู่ท่ามกลางพวกคุณที่นี่ แต่คุณจะอยู่ที่นี่ และคุณต้องมาเป็นพันธมิตรของเรา คุณต้องเป็นพันธมิตรกับอนาคต นี่คือเหตุผลที่เราพูดเสมอว่า “นี่คือกฎบัตรโลก” ง่ายมาก. ตรงไปตรงมา มันชัดเจนพอ ๆ กับชีวิตของคุณเช่นเดียวกับชีวิตของเรา มันตรงไปตรงมาและเรียบง่ายเหมือนเด็กๆ และเหมือนสีของรุ้ง โปรดเชื่อสิ่งนี้ พวกคุณ เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้นำทุกคน อย่ากลัวเรา เพราะอนาคตของชนเผ่าพื้นเมืองก็คืออนาคตของคุณเช่นกัน และมันก็เป็นอนาคตของโลกของเราด้วย

Courtney Milne ช่างภาพในฐานะ Mystic:

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2535 ฉันได้เข้าร่วมการประชุมของ Wisdom Keeper ในการประชุม Earth Summit ในริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิลขณะที่อยู่ในริโอ ฉันได้เห็นการลงนามในกฎบัตรของชนพื้นเมืองของโลกและมีส่วนร่วมในการจุดไฟตามพิธี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังทางจิตวิญญาณจากทั่วโลก หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้รับแนวคิดในการถ่ายภาพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในทวีปอเมริกาเหนือโดยกำเนิด สิ่งนี้ดึงดูดใจฉันทันทีเพราะฉันรู้สึกผูกพันกับคุณค่าทางจิตวิญญาณของชนพื้นเมืองมานานแล้ว

เครือข่าย RIO DE JANEIRO INTERFAITH:

ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นสามเดือนก่อนการประชุม “Earth Summit” ของสหประชาชาติที่จัดขึ้นที่เมืองริโอในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2535 สถาบันเพื่อการศึกษาศาสนา (ISER) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรขนาดใหญ่ในริโอ ได้รับอนุญาตให้จัดเฝ้าตลอดคืนที่ โกลบอล ฟอรัม พาร์ค

Global Forum เป็น "เหตุการณ์ของผู้คน" คู่ขนานกันในช่วงสองสัปดาห์ของการประชุมสุดยอดโลก แนวคิดคือการรวบรวมกลุ่มศาสนาให้ได้มากที่สุดเพื่อเฉลิมฉลองความศักดิ์สิทธิ์ของโลกตลอดทั้งคืน

การประชุมวางแผน 8 ครั้งนำ 25 ศาสนาและแนวทางจิตวิญญาณมารวมกันเพื่อให้ทุกกลุ่มสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่รู้สึกว่าถูกดูหมิ่น ทั่วสวนสาธารณะริมอ่าวขนาดใหญ่ แต่ละกลุ่มได้รับมอบหมายเต็นท์นัดพบซึ่งสมาชิกจะปฏิบัติตนตลอดทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นพิธีมิสซาโดยชาวคาทอลิกหรือสวดมนต์โดย Hari Krishnas ทุกชั่วโมง พิธีเปิดและปิดร่วมกัน รวมถึงบุคคลสำคัญอย่างองค์ทะไลลามะ ถูกวางแผนไว้สำหรับหอประชุมกลางแจ้งขนาดใหญ่ ในการประชุมวางแผนครั้งแรก ผู้เข้าร่วมรู้สึกประหม่าและเย็นชา แต่ทุกคนก็อบอุ่นขึ้นเมื่อการวางแผนดำเนินต่อไป ในท้ายที่สุด ประชาชนประมาณ 25,000 คนเข้าร่วมการเฝ้าซึ่งกลายเป็นเทศกาลศิลปะ ดนตรี การแบ่งปัน และการมีส่วนร่วมทางจิตวิญญาณที่มีชีวิตชีวาและสร้างแรงบันดาลใจตลอดทั้งคืน นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้คนจำนวนมากจากชุมชนศาสนาต่างๆ มาร่วมงานเฉลิมฉลองร่วมกัน สื่อบราซิลและสื่อต่างประเทศตีข่าว "วันเพื่อโลก" ว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญของการประชุมสุดยอดโลก ผู้นำทางศาสนาให้ความสนใจกับด้านจิตวิญญาณของวิกฤตการณ์ทางนิเวศวิทยา โดยนำแนวคิดของนิเวศวิทยาภายใน “หากปราศจากความสัมพันธ์ที่สมดุลและดีต่อสุขภาพกับธรรมชาติภายในของเรา เราจะไม่สามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสิ่งแวดล้อมได้” เป็นความคิดเห็นที่มักถูกสะท้อนออกมา

การเฝ้าระวังระหว่างศาสนามีผลอย่างมากต่อชุมชนทางศาสนาของริโอ ในสัปดาห์ต่อมา ISER ได้รับโทรศัพท์และจดหมายจำนวนมากที่ขอให้มีการชุมนุมระหว่างศาสนามากขึ้น

ISER (เกี่ยวกับเรา):

เป็นเวลาสามสิบแปดปีแล้วที่ ISER (สถาบันการศึกษาทางศาสนา) มีบทบาทอย่างแข็งขันในด้านขององค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรภาคประชาสังคมของบราซิล โดยยังคงยึดมั่นในพันธกิจในการส่งเสริมการพัฒนาด้วยความยุติธรรมทางสังคมและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
จุดเด่นของ ISER อยู่ที่การปกป้องคุณค่าพื้นฐาน ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม และพหุนิยมทางศาสนาและการเมือง การวิเคราะห์ที่เราเผยแพร่และการดำเนินการทางสังคมที่เราทำล้วนแสดงถึงการพิจารณาถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม นอกเหนือจากการมีมิติทางจิตวิญญาณ

ทศวรรษที่ 1990: ISER ยืนยันรูปแบบการกระทำที่สร้างสรรค์และสร้างสรรค์ ด้วยการทำงานนี้ พยายามสร้างสายสัมพันธ์ใหม่แห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างความเป็นพลเมืองกระแสหลักและภาคส่วนชายขอบที่เพิ่มขึ้นของสังคมบราซิล ในช่วงเวลานี้เช่นกัน ระหว่างการประชุมสหประชาชาติปี 1992 ที่เมืองริโอ ISER เป็นผู้นำการเฝ้าระวังระหว่างศาสนาครั้งใหญ่เพื่อสันติภาพ รวมผู้นำโลกและชุมชนท้องถิ่นที่เป็นตัวแทนของประเพณีทางศาสนาต่างๆ ความคิดริเริ่มนี้ยังก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวหลักและโครงการเพื่อสันติภาพ โดยมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มความเป็นพลเมืองและสิทธิมนุษยชนในบราซิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในริโอเดจาเนโร

กรณีศึกษาพิธีสวดทั่วโลก:

พิธีสวดระดับโลกเป็นต้นแบบในการสร้างประชาคมโลก Celebration for the Children of the World จัดทำขึ้นโดย Virginia Swain และคณะกรรมการขับเคลื่อนสำหรับชุมชนแห่งสหประชาชาติ เป็นโครงการวิทยานิพนธ์ปริญญาโทของเธอเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2535 เป็นผลให้เธอได้รับ ปริญญาโทสาขาการสร้างชุมชนในองค์กรจาก Lesley College, Cambridge, MA. ในเดือนพฤษภาคม 2536 วิทยานิพนธ์ปริญญาโทของเธอจัดทำเอกสารงานนี้และสามารถรับได้ที่ Lesley College, Cambridge, MA 02138 (พฤษภาคม 2536) พิธีสวดได้รับแรงบันดาลใจจากการเข้าร่วมของเวอร์จิเนียในการเฝ้าระวังศาสนาของโลกที่การประชุมสุดยอดโลกในเดือนมิถุนายน 1992 ในบราซิล ผู้คนจากหลายชาติที่ก้าวข้ามอำนาจอธิปไตยทางศาสนา วัฒนธรรม และชาติของตน มารวมตัวกันที่บราซิลเพื่อเฉลิมฉลองร่วมกัน ประสบการณ์การสวดอ้อนวอนของครอบครัวมนุษย์ครอบครัวเดียวจากทุกศาสนาในโลก เด็กเร่ร่อนในรีโอเดจาเนโรมีส่วนในการแสดงความรักและความสุขอย่างชัดเจนในการเฉลิมฉลองการประชุม Earth Summit หลายครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ตอบสนองความต้องการด้านอาหารและที่พักในทันทีก็ตาม

ในนิวยอร์ก รัฐเวอร์จิเนียได้จัดทีมวางแผนและสร้างแนวร่วมของหน่วยงานสหประชาชาติ รัฐสมาชิก องค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรด้านศาสนา สิ่งแวดล้อม และสันติภาพกว่าหกสิบแห่ง เพื่อต่อยอดจากการประชุม Earth Summitการสนับสนุนทางการเมืองสำหรับบทที่ 24-26 ของวาระที่ 21 เพื่อเสริมสร้างบทบาทของชนเผ่าพื้นเมือง เด็ก และองค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อการรักษาความสัมพันธ์ของเรากับโลกในศตวรรษที่ 21 ได้รวมอยู่ในพิธีสวด เหตุการณ์ในปี 1992 รวมถึงขั้นตอนสู่ประชาคมโลกที่ออกแบบมาเพื่อนำประชาชนและกลุ่มผู้มีอำนาจอธิปไตยมารวมกันเพื่อบรรเทาความขัดแย้งของอำนาจอธิปไตยของประชาชนที่เป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือและความสามัคคีของโลก เทคนิคที่ใช้ได้แก่ การสอนเด็กๆ ศิลปะ การสวดมนต์ภาวนา และการเฉลิมฉลอง โปรแกรมตลอดวันประกอบด้วยการเฝ้าตอนเช้าในโบสถ์ Church Center ตรงข้ามกับองค์การสหประชาชาติ ซึ่งศิลปินนิวยอร์กห้าสิบคนตีความปฏิญญาโลกที่เขียนโดย Virginia Swain และ Barbara Wheeler (1989) ซึ่งเสนอการสอนว่ามนุษยชาติสามารถ คืนดีกันและโลกเป็นหุ้นส่วนกับพระวิญญาณสากลของพระเจ้า จากนั้น หลังจากการตระหนักรู้และความสุขจากการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมนุษย์ ขบวนแห่เฉลิมฉลองไปยังองค์การสหประชาชาติได้แสดงออกถึงประสบการณ์ของชุมชนทั่วโลกในการเฝ้ายามยามเช้า เด็ก ๆ ต้อนรับผู้เฉลิมฉลองที่สหประชาชาติซึ่งพวกเขาร้องเพลงและเต้นรำในฐานะครูแห่งสันติภาพของโลก

ทีมวางแผนงานฉลองวันเด็กโลกสร้างโมเดล 4 ขั้นตอนในการคลายความขัดแย้งเรื่องอธิปไตยของชาติด้วยประสบการณ์การเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณสากลหนึ่งเดียวของทุกศาสนาในโลกสรุปขั้นตอนของแบบจำลองคือ:

1. อนุญาตและให้อำนาจแก่ผู้ใหญ่และเด็กโดยการยอมรับจุดแข็งและข้อจำกัดของผู้คนผ่านการแสดงปฏิภาณโวหารอย่างมีศิลปะของปฏิญญาโลก (Swain and Wheeler, 1989) สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ไม่ตัดสิน และยอมรับได้ถูกสร้างขึ้นสำหรับการตอบสนองแบบโต้ตอบและมีส่วนร่วมของทั้งนักแสดงและผู้ชม ซึ่งผู้คนสามารถยอมรับและยอมรับขีดจำกัดของพวกเขา การคาดคะเน และการตำหนิต่อความอยุติธรรมในอดีตของกันและกันที่ขัดขวางพวกเขาจากการรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเขา รวมทั้งช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในจิตสำนึกและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นและมีความมุ่งมั่นมากขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวมที่จะได้รับการพัฒนา การเฉลิมฉลองทำให้เกิดประสบการณ์แห่งความสามัคคีและพลังอำนาจเมื่อผู้คนเปิดกว้าง ศิลปินมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงจิตสำนึก ดาไลลามะกล่าวว่าผู้คนต้องการประสบการณ์ที่พวกเขาสามารถค้นพบ "ความรู้สึกเห็นแก่ผู้อื่นที่สดใส" เป็นไปได้ในประสบการณ์การเฉลิมฉลอง (2534, น.14)

2. ตระหนักถึงความไร้อำนาจของเราในการแก้ปัญหาของโลก และค้นหาพลังที่ไม่มีใครสงสัยในความเป็นเอกภาพซึ่งเป็นผลมาจากการอธิษฐานต่อพระวิญญาณสากลของพระเจ้า จากนั้นพระวิญญาณสากลของทุกศาสนาในโลกก็อนุญาตให้มีการเรียก "การเคลื่อนไหวอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความรักคืนดี" (Gallagher, 1982, p. 2) เพื่อช่วยให้ผู้คนก้าวข้ามความจงรักภักดีต่อชาติไปสู่ความภักดีต่อระเบียบโลกและประชาคมโลก

3. ส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมรับความเสี่ยงในการเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ยอมรับ และครอบคลุม การยอมรับความเสี่ยงส่วนบุคคลรวมถึงความเต็มใจที่จะมองหน้ากันเพื่อรับรู้และรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวของเรา กล้าที่จะรู้สึกและเรียกร้องความรู้สึกเชิงลบโดยไม่โทษผู้อื่น ปล่อยให้การควบคุมเพื่อไว้วางใจผู้อื่นนอกเหนือจากความภักดีต่อชาติ

4. กระชับความสัมพันธ์เพื่อสร้างประชาคมโลกเพื่อดำเนินการทางการเมือง กลุ่มวางแผนติดตามผลสำหรับการดำเนินโครงการครั้งต่อไปประกอบด้วยบุคคลที่มีการขยายอัตลักษณ์นอกเหนือจากบทบาทของปัจเจกบุคคลและความร่วมมือในระดับชาติเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม เพื่อดำเนินการทางการเมืองต่อระเบียบโลกและความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย

ผลของการสวดมนต์ทั่วโลก

ผู้คนจำนวนมากประสบกับการเปลี่ยนแปลงจากสำนึกในอำนาจอธิปไตยของตนเองไปสู่ประสบการณ์ส่วนตัวของประชาคมโลก สิ่งนี้แสดงให้เห็นโดยการเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้: ทัศนคติของความรักและการยอมรับ การขจัดอุปสรรคที่มากเกินไปของความภักดีในชาติและศาสนา การตรวจสอบความถูกต้องของประโยชน์ส่วนรวมของชุมชนโลก แนวทางใหม่ในการรับฟังเด็กและกันและกัน และการขยายตัวของ เอกลักษณ์เหนือความต้องการของแต่ละบุคคล ดังที่ไมเคิล คอลลินส์ ที่ปรึกษาด้านทรัพยากรระดับโลกและในประเทศเพื่อการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ กล่าวถึงการดำเนินการพิธีสวดสากลเพื่อเด็กแห่งโลกว่า "อำนาจทางการเมืองเติบโตจากการร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการอย่างสันติ นักการเมืองเป็นผู้รับใช้และเครื่องมือแห่งสันติภาพ”

โดนัลด์ คลาร์ก ตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งสหประชาชาติ (NGO) จาก Network of Environmental and Economic Responsibility of the United Church of Christ กล่าวว่า:“การติดตามผล Earth Summit ที่น่าทึ่งและน่าตื่นตาตื่นใจ… ดำเนินการด้วยความสง่างามโดยไม่มีข้อผูกมัด… มหกรรมที่ละเอียดอ่อน โอบรับประเพณีมากมาย…”

รายได้ Dr. Jeffrey Golliher ตัวแทนด้านสิ่งแวดล้อมของ Anglican Observer (NGO) ประจำสหประชาชาติ เขียนว่า “…ตามจิตวิญญาณแห่งความหวังของการประชุม Earth Summit การเฉลิมฉลองที่ประสบความสำเร็จนี้ทำให้ศิลปิน ผู้นำทางจิตวิญญาณ และเด็ก ๆ มารวมตัวกัน — เป็นการเตือนใจผู้แทนของสหประชาชาติถึงความสำคัญของวาระที่ 21 และให้เกียรติบทบาทของชนเผ่าพื้นเมืองสำหรับอนาคตของโลก…”

จาก “โลกแห่งการประมวลผล” (PDF):

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน: เราได้จับจ่ายเพื่อโลกที่ดีกว่า อนาคตของระบบนิเวศน์อยู่เคียงข้างกันที่ Global Forum ซึ่งเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ที่นำเสนออุปกรณ์เชิงนิเวศน์และอุดมการณ์ นอกสวนสาธารณะฟลาเมงโก พ่อค้าแม่ค้าเร่ขายทุกอย่างตั้งแต่ถุงไนลอนไปจนถึงผ้าขนหนูชายหาดที่ประดับด้วย Eco 92 และรูปภาพนกแก้วและผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อย ภายในองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมขายทุกอย่างตั้งแต่เสื้อยืด หนังสือ ไปจนถึงคริสตัลและผงป่าฝน เราหลบหลังอาหารกลางวันและไปดูพิธีเปิด Global Forum ที่ชายหาด เราได้พบกับเพื่อนจากธนาคารโลกซึ่งมีบูธเล็กๆ อยู่ที่นี่เช่นกัน “นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก มันวิเศษมาก” เขากระตือรือร้น “กลุ่มเล็ก ๆ เหล่านี้รวมตัวกัน” แต่เขาไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจหรือถูกคุกคามหรือว่าเดินถือป้ายชื่อธนาคารโลกอยู่ที่หน้าอก? “ฉันยังไม่โดนโจมตี” เขาตอบอย่างร่าเริง "คุณมาทำอะไรที่นี่?" เขาถาม. “ฟังดูเหมือนชีสแปรรูป” เขาหัวเราะเมื่อฉันบอกเขาเกี่ยวกับงานมอบหมายของเรา

เฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่เหนือศีรษะขณะที่เรารอการมาถึงของ Gaia เรือไวกิ้งจำลองที่ส่งสารจากเด็กๆ ทั่วโลก แต่ไกอาดูเหมือนจะติดอยู่นอกชายฝั่ง ลูกเสือหญิงชาวบราซิลคร่ำครวญผ่านเพลงที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับโลก เมื่อฝูงชนเริ่มเกเร กลุ่มนักข่าวรุมคนดังบนเวที ฉันผลักดันตัวเองผ่านความโกลาหล

วันพุธที่ 3 มิถุนายน: วันแห่งเหตุการณ์อย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นในความมืดที่รัฐสภาของโลก ใครบางคนกำลังเป่าปี่ในขณะที่เสียงเดียวกลบเสียงบางอย่างเกี่ยวกับแผ่นดินแม่ของเขา และอีกร่างหนึ่งเต้นรำอยู่ในเงามืด นี่คือการแสดงที่ Darrell Posey จัดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของชนเผ่า โพซีย์ได้รับเครดิตจากการชี้ให้เห็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่าความรู้ของชนพื้นเมืองนั้นถูกต้องพอๆ กับวิทยาศาสตร์ตะวันตก แต่ดูเหมือนว่าการแสดงนี้ออกแบบมาเพื่อเบลอความคิดให้เป็นการผสมผสานที่จืดชืดของจิตวิญญาณยุคใหม่...

ซีซาร์ มอนเตซ: ผู้ร่วมก่อตั้ง/ระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์/บริหารธุรกิจ/ผู้พัฒนาเว็บไซต์/นาวาโฮซีซาร์อาสาไปที่เว็บไซต์เพื่อช่วยเหลือผู้คน ฉันเป็นอาสาสมัครเสมอตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อตอนที่ฉันอายุยังน้อย ฉันต้องการนำเกียรติมาสู่ผู้อาวุโส องค์กรระดับรากหญ้านี้ได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือผู้อาวุโส Hopi ในการเผยแผ่ข้อความสำคัญของคำพยากรณ์ที่องค์การสหประชาชาติ ฉันได้เห็น Hopi Elders และเรียนรู้มากมายจากพวกเขาเกี่ยวกับข้อความสำคัญ

1992 – เมื่อฉันอายุ 22 ปี ฉันตัดสินใจเป็นอาสาสมัครกับ Apache Coaltion เพื่อบินไปยัง Earth Summit ในปี 1992 ที่เมืองริโอ เด จาเนียโร ประเทศบราซิล ที่นั่นฉันได้พบกับชาวอะเมซอนและซาร่าห์ เจมส์ ซึ่งเธอได้พูดคุยเกี่ยวกับชาวกวิชินในอลาสก้า ฉันได้รับการขอให้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมความตระหนักด้านวัฒนธรรมในขณะที่อยู่ที่องค์การสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2535 ประสบการณ์นี้ทำให้ฉันได้นำเสนอผลงานเกี่ยวกับองค์การสหประชาชาติที่มหาวิทยาลัย Northern Arizona มหาวิทยาลัย John Hopkins เพื่อให้ความรู้แก่ชาวพื้นเมืองและผู้ที่ไม่ใช่ชาวพื้นเมืองเกี่ยวกับวิธีการที่วัฒนธรรมที่น่ารังเกียจเกิดขึ้นเพื่อรักษาวัฒนธรรมของพวกเขา

การทำให้ถูกต้องตามกฎหมายของ Santo Daime:

สัญญาณเพิ่มเติมของการเพิ่มความชอบธรรมอย่างเป็นทางการของ Santo Daime มาพร้อมกับการประชุม Earth Summit ในริโอในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2535 การเฝ้าระวังระหว่างศาสนาจัดขึ้นพร้อมกับศาสนาหลักทั้งหมดของโลก Santo Daime จัดพิธีกรรมตลอดทั้งคืนโดยมีผู้เข้าร่วม 600 คนและ Daime ได้รับการปรนนิบัติ

โบสถ์ซานโตไดเม:

โบสถ์ Santo Daime ก่อตั้งขึ้นในบราซิล แต่ปัจจุบันกระจายไปทั่วโลก เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับการใช้ยาจากพืชที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ayahuascaส่วนผสมที่ Santo Daime ใช้ประกอบด้วยเปลือกของเถาวัลย์ Banisteriopsis caapi ซึ่งมีฮาร์มีน และใบของพืชที่เรียกว่าPsychotria viridis ซึ่งมีไดเมทิลทริปทามีน (DMT) หรือที่เรียกว่า yage, 'vine of the soul' และ caapi, ayahuasca สามารถสร้างวิสัยทัศน์และข้อมูลเชิงลึก และในบริการของ Santo Daime สิ่งเหล่านี้จะรวมเข้ากับประสบการณ์ทางศาสนาโดยรวมหลักคำสอนของ Santo Daime รวมถึงความเชื่อจากทั้งศาสนาคริสต์และศาสนาธรรมชาติ และบริการต่างๆ อย่างน้อยก็ในบราซิล เป็นกิจกรรมของชุมชนที่เข้มแข็ง

มันเริ่มต้นอย่างไร

โบสถ์ Santo Daime ก่อตั้งขึ้นในปี 1930 โดย Raimundo Irineu Serra คนกรีดยางชาวบราซิล Ireneu เกิดในบราซิลในปี 1902 เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ในช่วงเวลาที่ยางพาราของบราซิลเฟื่องฟู เขาอพยพในปี พ.ศ. 2465 พร้อมกับชาวบราซิลวัยหนุ่มสาวอีกหลายคน จากพื้นที่แห้งแล้งทางตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิลไปยังป่าฝนอะเมซอนที่การค้ายางเฟื่องฟู เขาใช้เวลาหกปีในเมืองใหม่ Xapuri ใน Acre โดยทำงานเป็นคนกรีดยาง ในขณะที่เรียนรู้การค้ายาง เขายังได้ฝึกงานด้านจิตวิญญาณกับชาวอินเดียนแดงชาวเปรูที่เขาทำงานด้วย Ireneu ถูกเลี้ยงดูมาแบบคาทอลิก แต่ตอนนี้เขาได้สัมผัสกับลัทธิผีปิศาจ (ศาสนาที่อิงกับวิญญาณของพืชและสัตว์) และความเชื่อพื้นเมืองของอินเดีย เขาได้ทดลองดื่มชา Ayahuasca อันศักดิ์สิทธิ์และได้รับการแสดงวิธีชงชาที่ถูกต้อง เขาได้รับการสอนวิธีการเดินทางสู่สภาวะแห่งความสุข และเรียนรู้วิธีบูรณาการวิสัยทัศน์และความรู้ที่เขานำกลับมาจากการเดินทางเหล่านั้น

นิมิตแรกที่สำคัญของ Ireneu คือภาพ Divine Lady ซึ่งนั่งอยู่บนดวงจันทร์ ผู้ซึ่งบอกเขาว่าเขาต้องล่าถอยเข้าไปในป่าเป็นเวลาแปดวันโดยมีเพียง ayahuasca ให้ดื่มและมีเพียง macacheira (manioc ต้ม) เท่านั้นที่จะกิน ในระหว่างการล่าถอยครั้งนี้ Ireneu ได้นิมิตเกี่ยวกับ 'Forest Queen' ซึ่งบอกเขาว่าเขาต้องเริ่มต้นความเชื่อใหม่โดยให้เครื่องดื่ม ayahuasca (เรียกว่า 'daime' ซึ่งแปลว่า 'ให้ฉัน' ในภาษาโปรตุเกส) จะเป็นหัวใจสำคัญ เธอจะแสดงให้เขาเห็นว่าควรใช้ Daime เป็นพิธีศีลระลึกอย่างไร และแนะนำเขาผ่านสงครามครั้งแรกที่เขาและผู้ติดตามจะต้องเผชิญ Ireneu เริ่มคริสตจักรใหม่ของเขาใน Rio Branco เมืองหลวงของ Acre ในปี 1930 เขายังคงได้รับนิมิตจาก Forest Queen และเขายังร้องเพลงสวดอีกด้วย การรวบรวมเพลงสวดเหล่านี้กลายเป็นหลักการชี้นำของคริสตจักร

Ireneu เสียชีวิตในปี 1971 แต่งานของเขายังคงดำเนินต่อไปโดยหนึ่งในผู้ติดตามหลักของเขา Sebastiao Mota de Melo (ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ Padrinho Sebastiao) เขาทำงานให้ Daime กับครอบครัวและเพื่อน ๆ จนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2533 ความเป็นผู้นำส่งต่อไปยังลูกชายของเขา Padrinho Alfredo Gregorio de Melo ซึ่งยังคงเป็นประธานขององค์กรและผู้นำทางจิตวิญญาณหลัก

ความเชื่อ

พื้นฐานของระบบความเชื่อของ Santo Daime คือคริสเตียน และเพลงสวดกว่าร้อยเพลงที่ Ireneu ได้รับในช่วงชีวิตของเขาถือเป็นพันธสัญญาที่สามของข่าวประเสริฐของพระคริสต์ อย่างไรก็ตาม ศาสนศาสตร์ซานโต ดาเม่ มีความสอดคล้องกันอย่างมากและรวมถึงความเชื่อจากศาสนาอื่นในบราซิลด้วย สมาชิกรู้สึกผูกพันกับป่าฝน ธรรมชาติโดยทั่วไปเป็นที่เคารพนับถือ และมีรูปลักษณ์โดยราชินีแห่งป่าหรือพระแม่มารี

วิญญาณของเถา ayahuasca เป็นครู เถาวัลย์ให้ 'กำลัง' และใบไม้ให้ 'แสง' หรือความสามารถในการมองเห็น แนวคิดเหล่านี้มักปรากฏชัดในเพลงสวดของ Ireneu: “daime forca, daime amor, daime luz” (“ให้พลังแก่ฉัน ให้ความรัก ให้แสงสว่างแก่ฉัน”) ศาสนจักรเชื่อว่านิมิตที่ Daime สร้างขึ้นนั้นไม่ใช่ 'ภาพหลอน' ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง แต่แท้จริงแล้วคือสิ่งนำทางที่แท้จริงที่สุดสู่ความเป็นจริง ชายังถูกมองว่ามีความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบด้วยเถาวัลย์ที่แสดงถึงความเป็นชายและใบไม้ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิง ความสำคัญของ Daime ต่อหลักคำสอนของศาสนจักรไม่สามารถเน้นย้ำมากเกินไป Alex Polari de Alverga ผู้นำของ Santo Daime กล่าวว่า "หลักคำสอนของ Santo Daime วิวัฒนาการโดยตรงจากการมีส่วนร่วมกับศีลศักดิ์สิทธิ์ที่มีชีวิตนี้" (1) ศาสนจักรอธิบายหลักคำสอนของตนว่าเน้นไปที่การอุทิศถวายของ Daime “ในบริบทของวัฒนธรรมคริสเตียนและสัญลักษณ์และการใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญาเหนือธรรมชาติของชาวอเมริกันอินเดียน บราซิล แอฟริกา และตะวันออก”

การใช้ Ayahuasca ในบราซิลโดยศาสนา Santo Daime

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2535 CONFEN มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ทำให้เรื่องนี้ยุติลงโดยระบุว่าการใช้ Daime นั้นถูกต้องตามกฎหมายอย่างสมบูรณ์ Domingo Bernardo Da Silva ประธานของ CONFEN ได้ไปเยี่ยมชุมชน Mapia ในรัฐ Amazonas และมีส่วนร่วมในพิธีกรรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาของเขา ในระหว่างการประชุม Earth Summit ที่ริโอในเดือนมิถุนายน มีการประชุมเกี่ยวกับพืชสมุนไพรของ Amazonia ซึ่งสมาชิกสามคนของ CONFEN รวมถึง Domingos Bernardo ได้เข้าร่วมในการอภิปรายและอธิบายการศึกษาเกี่ยวกับ Daime และข้อสรุปของพวกเขา พวกเขามีส่วนร่วมในพิธีกรรมและแสดงความเคารพอย่างสูงต่อการไม่ยอมรับทางศาสนาและวัฒนธรรม และย้ำว่าไม่มีหลักฐานใดที่แสดงถึงผลกระทบที่เป็นอันตรายหรือศักยภาพในการใช้ ayahuasca ในทางที่ผิด

การศึกษาได้รับการตีพิมพ์ในเอกสารรายละเอียดพร้อมข้อมูลเชิงลึกที่รอบคอบมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า “สภาวะการรับรู้ที่เปลี่ยนไปไม่จำเป็นต้องบ่งชี้ถึงสถานการณ์เชิงลบหรือเป็นอันตรายเสมอไป” – ในทางกลับกัน ผลกระทบเหล่านี้สามารถนำไปสู่ผลประโยชน์ของสังคมและปัจเจกชนได้ ในฐานะเอกสารของรัฐบาล มีคำพูดมากมายในการศึกษานี้ซึ่งสมควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจังในประเทศนี้

ในเวลาเดียวกันกับที่สิ่งนี้ได้เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อีกครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อคริสตจักร Daime ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการเฝ้าระวังระหว่างศาสนาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมในส่วน Global Forum ของการประชุม Earth Summit มีการนำเสนอศาสนาหลักทั้งหมดของโลก Santo Daime ซึ่งปัจจุบันถือเป็นศาสนาหลักในบราซิล มีเต็นท์ของตัวเองและผู้คน 600 คนเข้าร่วมในพิธีกรรมตลอดทั้งคืน Daime ได้รับใช้และผู้คนมีส่วนร่วมในการเต้นรำอันศักดิ์สิทธิ์ตามจังหวะเพลงสวดของ Daime สำหรับฉันแล้ว การยกย่องอย่างเป็นทางการถือเป็นการยกย่องที่เหมาะสมสำหรับการครบรอบร้อยปีของปรมาจารย์ Irineu ในปีนี้ จะมีการเฉลิมฉลองครบรอบร้อยปีเพิ่มเติมในเดือนธันวาคมปีนี้ เมื่อผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกจะมารวมตัวกันในเมืองริโอ บรังโก เอเคอร์ เพื่อเฉลิมฉลองวันเกิดของท่านอาจารย์

การขยายตัวของหลักคำสอนของ Santo Daime ได้สร้างการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยผู้คนใน Amazonia ในการปกป้องป่าฝนซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของเถาวัลย์และใบไม้ที่ใช้ใน Daime ในความเป็นจริง Mapia เป็นศูนย์กลางของเขตสงวนคุ้มครองหนึ่งล้านเอเคอร์ งานด้านนิเวศวิทยาของชาวมาเปียเป็นส่วนขยายตามธรรมชาติของศาสนาที่เกิดในป่าฝน และได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Friends of the Amazon Forest ในสหรัฐอเมริกา

โอเรน ลียง:

Oren Lyons เป็นผู้รักษาศรัทธาของกลุ่ม Turtle, Onondaga Council of Chiefs of the Hau de no sau nee (ho dee noe sho nee) ของ Onondaga Nation of the Hau de no sau nee (หมายถึงคนสร้างบ้านหลังยาว) ในฐานะผู้รักษาศรัทธา เขาได้รับความไว้วางใจให้รักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี ค่านิยม และประวัติศาสตร์ของกลุ่มเต่า และรักษา Gai Eneshah Go' Nah กฎอันยิ่งใหญ่แห่งสันติภาพของ Hau de no sau nee ในขณะที่เป็นตัวแทนข่าวสารของผู้คนจาก Hau de no ต่อประชาคมโลกในทุกด้านตามที่ชาว Onondaga เห็นว่าจำเป็น ในปี พ.ศ. 2535 เขาได้รับเชิญให้กล่าวสุนทรพจน์ในสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติและเปิดปีสากลแห่งชนพื้นเมืองของโลกที่ United Nations Plaza ในนิวยอร์ก ในช่วงปีนั้น เขาได้จัดคณะผู้แทนของ Hau de no sau nee เข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (UNCED) ที่เมืองรีโอเดจาเนโร และได้รับเชิญจากเลขาธิการ UNCED Maurice Strong เพื่อกล่าวปราศรัยกับคณะผู้แทนระดับชาติ

บิล มอยส์:คุณเป็นศิลปินและนี่คือรูปวาดของคุณใช่ไหม

โอเรน ลียง:ใช่. มันเป็นภาพวาด เป็นภาพของต้นไม้ใหญ่แห่งสันติภาพและบุคคลสองคนที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้นี้มากที่สุด ผู้สร้างสันติที่ยิ่งใหญ่ (ซึ่งอยู่ทางซ้ายขณะที่เรามองดู) และฮายันวาตาห์ (ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนของเขา) แน่นอนว่าต้นไม้แห่งสันติภาพเป็นกฎทางจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่และตั้งอยู่บนหลังเต่าซึ่งเป็นอุปมาของเราสำหรับเกาะนี้ เราเรียกอเมริกาเหนือว่า Great Turtle Island ประจวบและเกี่ยวเนื่องกันในใบของต้นไม้และรอบ ๆ ต้นไม้ รวมกันเป็นหมู่ ๆ เป็นตระกูลใหญ่. กลุ่มกวาง (และกวางได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำของสัตว์) เหยี่ยวที่เกาะอยู่บนต้นไม้ หมีที่มีอำนาจลึกลับ และหมาป่าที่เป็นพี่น้องทางวิญญาณของเราในชีวิตนี้ เขาได้รับการยอมรับจากคนพื้นเมืองทั่วโลกว่าเป็นหน่วยงานที่ทรงพลังมาก และด้านซ้ายบนคอของเต่าคือนกปากซ่อมซึ่งเป็นตระกูลใหญ่

บิล มอยส์:ทุกส่วนของภาพวาดนั้นเป็นสัญลักษณ์

โอเรน ลียง:ใช่. เมื่อผู้สร้างสันติได้ปลูกต้นไม้แห่งสันติภาพ เขาวางนกอินทรีไว้บนยอด และนกอินทรีจะเป็นของทุกคน และนกอินทรีจะนั่งเฝ้าดู และจะร้องเมื่อมีสิ่งที่เข้ามาหาต้นไม้ เขาบอกว่าจะมีช่วงเวลาที่ต้นไม้นี้จะถูกโจมตี

เราสามารถดูได้ในเวลานี้หรืออาจดูในปี 1776 หรือเราอาจดูในปี 1620 เมื่อมันถูกโจมตี วันนี้ก็ยังอยู่ที่นี่ ต้นไม้ยังคงยืนต้นอยู่ และพวกเราซึ่งเป็นหัวหน้าของ Long House ทุ่มเทให้กับความต่อเนื่องและเพื่ออนาคตของต้นไม้

บิล มอยส์: Wถ้าบอกว่าต้นไม้ยังอยู่นี่ หมายถึงวิญญาณเหรอ?

โอเรน ลียง:ทางวิญญาณ ใช่. มันเป็นต้นไม้แห่งจิตวิญญาณที่จะเริ่มต้นด้วย เพราะอีกครั้งผู้คนมีตัวอักษรมาก บางครั้งเป็นเรื่องยากที่จะพูดคุยกับคนที่คิดแบบเส้นตรง เพราะเขาพูดว่า “เรามาดูต้นไม้” และเราพูดว่า “มันเป็นต้นไม้ที่ดี มันไปถึงสวรรค์ คุณไม่สามารถมองเห็นได้ คุณไม่เห็นเหรอ เราสามารถเห็นได้” แต่มันอยู่ที่นั่น และมันเป็นเรื่องจริงมาก และอย่างที่เราบอกไป บางครั้งสิ่งจริงที่สุดที่คุณมองไม่เห็น….

บทสัมภาษณ์ของ Davi Kopenawa Yanomami:

"ดาวี โคเปนาวา ยาโนะมามิ...เป็นหมอผีและโฆษกของชนเผ่าอินเดียนแดงเผ่า Yanomami ในบราซิลที่พูดภาษาโปรตุเกสได้”

MM: คุณมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อ Earth Summit

DAVI YANOMAMI: เราได้ขอให้หมอผีติดต่อกับอาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นหมอผีอาวุโส และบอกเขาว่าการประชุมนี้กำลังเกิดขึ้น และบอกเขาว่าเขาควรทำชาแมนพิเศษบางอย่าง เพื่อให้ชาวอเมริกันเห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่นี่. พวกเขากำลังขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสซึ่งเป็นผู้อาวุโสและครู ดังนั้นพวกเขาควรให้กำลังพวกเขามากขึ้นที่นี่ และพูดเพื่อที่พวกเขาจะสามารถสื่อสารกับประธานาธิบดีบุชและโน้มน้าวให้เขาไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ประเทศเพื่อช่วยจักรวาล เราไม่อยากทำร้ายเขา เราอยากขอให้เขาเคารพเรา และเราต้องการขอให้เขาลงนามในสนธิสัญญา [ความหลากหลายทางชีวภาพ] ร่วมกับประเทศอื่น ๆ และคืนสิทธิในการมีชีวิตของเรา ประธานาธิบดี Collor ควรเห็นด้วยกับการอนุรักษ์โลกด้วย ถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เราจะรวบรวมหมอผีทั้งหมดของบราซิลและเราจะทำชาแมนที่แข็งแกร่งมาก ประธานาธิบดีบุชคิดว่าเขาเป็นเจ้าของโลก แต่หมอผีเป็นคนที่มีความรู้ เขาไม่ใช่โลกที่หนึ่ง เราเป็นโลกที่หนึ่ง

ปารี มหินเปย์เป็นผู้ก่อตั้ง COSMIC PEACE 12:12

Divine Healing Center และ Holistic Healing Int.

1 มิถุนายนถึง 12 มิถุนายน 2535 Earth Summit Rio Brazil

ระฆัง Cosmic Peace ดังขึ้น 12 ครั้งในเต้นท์ Global Heart เวลา 12.00 น. ทุกวัน จาก wirebrain.net:

…ในทุ่งเล็กๆ ถัดจากโรงแรมกลอเรีย เต็นท์ทำสมาธิระหว่างความเชื่อถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่หลบภัยทางจิตวิญญาณจากถนนที่มักวุ่นวายของริโอ เนื่องจากการหยุดชะงักของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติเป็นการสะท้อนถึงการหยุดชะงักที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณกับตนเอง เต็นท์นี้จึงถูกมองว่าเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการ Earth Summit น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ใน Rio to save the Earth มองข้ามเต็นท์นี้ไป ในคำพูดของผู้ที่มุ่งเน้นเวลาส่วนใหญ่ในการไตร่ตรองภายใน: "การรักษาภายนอกในขณะที่ความเน่าเฟะภายในเป็นเพียงการเลื่อนการสลายตัวที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของการดำรงอยู่ของมนุษย์บนโลก ก่อนอื่นเราต้องรักษาจิตใจและความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าและเพื่อนบ้าน จากนั้นให้การกระทำของเราได้รับแรงจูงใจจากวิถีชีวิตใหม่นี้”

ในขณะที่การสวดมนต์และการทำสมาธิสามารถทำได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า Global Forum วันละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในเมืองที่เต็มไปด้วยความยากจน ทำให้ผู้คนมากมายอยู่นอกประตูเพื่อหาทางอื่นที่จะเข้าไปได้ ตลาดมืด ในตั๋วปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว และนักข่าวได้รับคำเตือนว่าอย่าทิ้งบัตรผ่านสื่อที่แขวนไว้นอกเสื้อเพราะกลัวว่าจะถูกฉีกออกอย่างแท้จริง วันที่ 1 มิถุนายน เป็นวันเริ่มต้นที่กำหนดไว้สำหรับการเปิดทั้ง UNCED และ Global Forum แต่การประชุมของ UN ต้องเลื่อนออกไปสองสามวันจนถึงวันที่ 3 เนื่องจากการกำกับดูแลเล็กน้อย: ผู้วางแผนของสหประชาชาติไม่ได้คำนึงถึงงานเลี้ยงของชาวมุสลิม ของวันอีดิ้ลอัฎฮา. เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ของโลกเป็นชาวมุสลิม กำหนดการสำหรับการประชุม Earth Summit จึงถูกปรับเปลี่ยนตามไปด้วย

มีผู้คนจากทุกศาสนา เชื้อชาติ วัฒนธรรม และการโน้มน้าวใจทางการเมืองที่ Global Forum มนุษยชาติทั้งหมดอยู่ที่นั่น กระทบไหล่และทำความรู้จักกัน ผู้หญิงจากแอฟริกา ชนพื้นเมืองจากอเมซอน อินเดียตะวันตก อินเดียตะวันออก ชนพื้นเมืองอเมริกันอินเดียน เด็ก ผู้ใหญ่ ตัวตลก และนักดนตรี Hare Krishnas และชาวฮินดูอยู่ที่นั่นกับชาวพุทธและ Bahais คริสเตียนร่วมกับชาวยิวและชาวมุสลิมเพื่อโลกที่ Global Forum แม้ว่าแต่ละกลุ่มจะรักษาความแตกต่าง แต่ความแตกต่างทั้งหมดก็ได้รับการเชิดชู ตรวจสอบ และรวมเป็นหนึ่งเพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่ละกลุ่มมีบูธที่ฟอรัมซึ่งสะท้อนภาพรวมของมนุษยชาติโดยรวม….

การมีส่วนร่วมของ Baha'i ในการประชุมสุดยอดโลก

(ความคิดเห็นของเว็บมาสเตอร์:มอริซ สตรอง, Sec. นายพลแห่งการประชุมสุดยอด UN Rio Earth อ้างว่าเป็นของศาสนา Baha'i อย่างไรก็ตาม คนอื่นๆ ชี้ให้เห็นว่าเขาเป็นชาวยิว)

ชุมชนบาไฮได้มีส่วนร่วมหลายอย่างในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา และการประชุมระดับโลกปี 1992 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองริโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล จากการประชุมเตรียมการที่จัดขึ้นทั่วโลกก่อนการประชุมไปจนถึงการชุมนุมจริงในริโอ ชุมชนบาไฮทั่วโลกพบว่าตนเองมีบทบาทที่แข็งขันและโดดเด่นอย่างน่าประหลาดใจในกระบวนการ UNCED ทั้งหมด อันที่จริง การมีส่วนร่วมของบาไฮใน UNCED และฟอรัมระดับโลกนั้นอยู่ในระดับที่มากกว่าสิ่งอื่นใดที่ชุมชนบาไฮเคยทำในการประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ หรืองานระดับโลกอื่นๆ ที่เทียบเคียงได้

บทบาทของชุมชนมีความสำคัญหลายประการ:

* ในการประชุมเตรียมการสู่ UNCED มีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลบาไฮอย่างกว้างขวาง มีการทำแถลงการณ์ที่เป็นสาระสำคัญต่อหน่วยงาน UNCED; และตัวแทนของ Baha'i มีการติดต่อระดับสูงบ่อยครั้งและมีประสิทธิผลกับตัวแทนหลายคน ขอบเขตของหัวข้อ Baha'i ปรากฏในเอกสารการประชุมครั้งสุดท้ายเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง

* ที่ UNCED เอง ผู้แทนบาไฮเก้าคนได้รับการรับรองให้เป็นตัวแทนองค์กรพัฒนาเอกชน และบาไฮอีกเก้าคนเป็นสมาชิก ซึ่งปกติแล้วเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคของคณะผู้แทนรัฐบาล

* ชุมชนนานาชาติ Baha'i เป็นหนึ่งในองค์กรพัฒนาเอกชนเพียงสิบสามแห่งที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมใหญ่ของ UNCED แถลงการณ์ของชุมชนหัวข้อ "ความท้าทายที่สำคัญที่สุด" เน้นความสำคัญของหลักการทางจิตวิญญาณในการนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่จำเป็นในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน และได้รับเลือกให้สะท้อนมุมมองขององค์กรพัฒนาเอกชนทางศาสนาในการประชุม

* Baha'is ยังมีส่วนร่วมใน Global Forum ชุมชนนานาชาติ Baha'i ร่วมกับชุมชน Baha'i ของบราซิลสนับสนุนกิจกรรมทางศิลปะที่สำคัญหลายงาน รวมถึงการสร้าง "อนุสาวรีย์สันติภาพ" และการจัดพิมพ์หนังสือผลงานศิลปะสำหรับเด็กในหัวข้อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนเบื้องหลังสำหรับกิจกรรมฟอรัมต่างๆ

Lawrence Arturo ผู้อำนวยการสำนักงานกล่าวว่า “การยอมรับที่เพิ่มขึ้นของชุมชนบาไฮนานาชาติ ควบคู่ไปกับการยอมรับหลักการความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติที่มากขึ้น เป็นผลที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งจากการมีส่วนร่วมของเราในกระบวนการ UNCED” Lawrence Arturo ผู้อำนวยการสำนักงาน สิ่งแวดล้อมของชุมชน Baha'i International ซึ่งประสานการมีส่วนร่วมทั่วโลกโดยรวมของ Baha'is ใน UNCED การยอมรับแก่นเรื่องความเป็นเอกภาพ ศูนย์กลางของสาส์นบาไฮที่ริโอคือโลกควรให้ความสำคัญกับหลักการความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติ หัวข้อนี้ค่อยๆ ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยคนอื่นๆ และปรากฏในแถลงการณ์และสิ่งพิมพ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการ UNCED ท้ายที่สุด ในการกล่าวสุนทรพจน์หลายครั้งที่ Earth Summit และ Global Forum องค์กรพัฒนาเอกชนและผู้นำรัฐบาลต่างก็ยอมรับหลักการนี้ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการก่อตั้งการพัฒนาที่ยั่งยืนในโลก

Warren Lindner ผู้ประสานงานระหว่างประเทศของ '92 Global Forum,ได้อ้างถึงคำพูดของพระบาฮาอุลลาห์ระหว่างการอุทิศ “อนุสาวรีย์สันติภาพ” ซึ่งเป็นประติมากรรมสูง 5 เมตรที่ริเริ่มโดยชุมชนบาไฮนานาชาติเพื่อเป็นอนุสาวรีย์ที่ยั่งยืนสำหรับการประชุมสุดยอดโลก “การประชุม Global Forum และ Earth Summit เมื่อปี 92 ไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างแท้จริง” นายลินด์เนอร์กล่าวเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมทั้งสองครั้ง “สิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่คือการพิสูจน์ประเด็นที่สร้างขึ้นบนอนุสาวรีย์ ความจริงที่ว่า `โลกเป็นเพียงประเทศเดียวและมนุษย์เป็นพลเมืองของแผ่นดิน'” เขากำลังอ้างคำพูดของพระบาฮาอุลลาห์ที่จารึกไว้บนอนุสาวรีย์ […]

อนุสาวรีย์สันติภาพ

ในระหว่างพิธีเปิด เด็ก ๆ ในชุดเครื่องแต่งกายของหลายประเทศได้ส่งต่อดินจาก 42 ชาติจากมือหนึ่งไปยังอีกมือหนึ่งเพื่อฝากไว้ในอนุสาวรีย์ซึ่งเป็นโพรง มีการขอบริจาคดินจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก และในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2536 ได้รับตัวอย่างดินจากอีก 10 ประเทศ ทำให้จำนวนประเทศที่บริจาคดินให้กับโครงการมีถึง 52 ประเทศ ตัวอย่างดินจำนวนมากได้มาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือโบราณสถาน ตัวอย่างเช่น ดินจากไอซ์แลนด์ถูกนำมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และประวัติศาสตร์ที่สุดของประเทศ ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐสภาแห่งแรกซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1,100 ปีที่แล้ว ดินจากอินเดียถูกนำมาจาก Shakti Sthal ซึ่งเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ของนายกรัฐมนตรีนางอินทิรา คานธี ผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเป็นประมุขแห่งรัฐเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมการประชุม Stockholm Conference on the Environment ในปี 1972

ตัวแทนของรัฐบาลเอธิโอเปียตั้งข้อสังเกตว่าความตั้งใจของพวกเขาที่จะบริจาคดินให้กับอนุสาวรีย์เป็นสัญลักษณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากลักษณะที่ศักดิ์สิทธิ์ ตัวแทนคนหนึ่งกล่าวว่าเมื่อคณะผู้แทนจากยุโรปไปเยือนเอธิโอเปียเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว จักรพรรดิมีพระราชโองการว่าควรล้างเท้าก่อนออกเดินทาง เพื่อป้องกันไม่ให้ดินศักดิ์สิทธิ์ของประเทศถูกพัดพาออกไป “ในอดีต เราไม่อนุญาตให้ใครนำดินของเราออกจากประเทศด้วยความเต็มใจ” Zegeye Asfaw รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาของเอธิโอเปียกล่าวในการแถลงข่าวก่อนพิธีเปิด “แต่ปณิธานของเราคือต้องการเห็นโลกที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง นั่นคือเหตุผลที่เราส่งมอบดินของเราให้กับอนุสาวรีย์สันติภาพ”

แล้ววิดีโอ YouTube อีกสองสามรายการล่ะ

หนึ่งใน "ฮีโร่" ที่โด่งดังที่สุดตั้งแต่การประชุม Earth Summit ปี 1992 จนถึงชุมชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมคือเวิร์น ซูซูกิ ย้อนกลับไปในปี 1992 เธออายุ 12 ปี และคำพูดที่ดุด่าว่ากล่าวที่ "ผู้กล้า" ของเธอต่อที่ประชุมสุดยอดสามารถดูได้ที่นี่ Severn เป็นลูกสาวของ David Suzuki ซึ่งสามารถเห็นได้ในคลิป YouTube เปรียบเทียบมนุษย์กับหนอน ดังที่ส่วนคำอธิบายของลิงก์ YouTube นั้นกล่าวว่า: หนึ่งในเป้าหมายของการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมคือการทำให้คุณค่าชีวิตมนุษย์ในจิตใจของผู้คนถูกลง ทำให้ผู้คนรู้สึกผิดต่อการดำรงอยู่บนโลกใบนี้ ความสัมพันธ์ของเขากับลัทธิบูชาไกอาในยุคใหม่ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณค่าของธรรมชาติเหนือสิ่งอื่นใด รวมถึงชีวิตมนุษย์ด้วย คติของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหัวรุนแรงคือมนุษย์เป็นปรสิตดังที่เห็นในคลิปของ David Suzuki ที่ไม่เคยอาบน้ำเปรียบเทียบมนุษย์กับแมลงวันผลไม้และหนอน เดวิด ซูซูกิเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่โด่งดังโดยเฉพาะในแคนาดา และเคยเทศนามานานหลายปีว่ามนุษย์เป็นมะเร็งต่อโลกได้อย่างไร

นี่คือบทความชื่อ “โลกมืดมนแห่งความว่างเปล่าของ David Suzuki” จาก LifeSiteNews.com

ฉันจะจบด้วยการอ้างจากไซต์คริสเตียนนี้:

อลัน มอร์ริสัน-หัวหน้าของ Diakisis International (A Christian Apologetics Ministry ในฝรั่งเศส) มีความเห็นว่าปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเจรจาทางศาสนากำลังดำเนินการตามวาระเพื่อการกำจัดพระกิตติคุณของคริสเตียน ตอนนี้เราต้องถามตัวเองว่าเรามองคำพูดของพระเยซูอย่างจริงจังเพียงใด: – “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดา (พระเจ้า) ได้นอกจากมาทางเรา”

แต่ความพิเศษแบบนี้กลับถูกเยาะเย้ยว่าเป็นอคติที่ดื้อรั้น เป็นลัทธิฟันดาเมนทัลลิสม์สุดโต่งที่ต้องเผชิญหน้าหรือพยายามหยุดยั้งมัน ในโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่พึ่งพาอาศัยกัน หลากหลายวัฒนธรรม พหุนิยม หลังสมัยใหม่ การยืนยันของคริสเตียนที่ไม่ยืดหยุ่นไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป

'มนุษย์อาจเกลียดชังท่านเพราะเรา!' พระเยซูตรัสว่า 'แต่จงยืนหยัดจนกว่าชีวิตจะหาไม่แล้วท่านจะรอด' มธ 10:22; “เราบอกสิ่งเหล่านี้แก่เจ้าเพื่อเจ้าจะได้มีสันติสุขในเรา” ……… “ในโลกนี้เจ้าจะมีความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เราชนะโลกแล้ว” [ยอห์น 16:33] ทุกคนที่ต้องการดำเนินชีวิตตามพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกข่มเหง! [2 ทิโมธี 3:12]

อ้างอิง

(Video) Michael Hardt. The Common Wealth in a Just World. 2010 1/11

Dewar, E., 1995, เสื้อคลุมสีเขียว; The Links Between Key Environmental Groups, Government, and Big Business, James Lorimer & Co., Publishers, โทรอนโต, แคนาดา, 497 น.

สอบถามภายใน (Christine Stoddard), 1936, The Trail of the Serpent, Kessinger Legacy Reprints, 325 หน้า

Reed, D., 1956, The Controversy of Zion, Veritas Publishing Company Ltd, Midland DC, Western Australia, Australia, 587 หน้า

Videos

1. Gerhard Richter: Painting After All, a presentation by Regina Mamou • 7 August 2020
(Photographic Arts Council LA)
2. ช่วงที่ 1 บรรยายพิเศษ "ภาพรวมแนวปฏิบัติการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูฯ"
(สำนักงาน ก.ค.ศ.)
3. 2nd international symposium 2023 on social work and social welfare for sustainable development
(RSU Academic)
4. Michael Hardt. The Common Wealth in a Just World. 2010 3/11
(European Graduate School Video Lectures)
5. วิชา การออกแบบเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ 3 (GT/DA393) สัปดาห์ที่ 1 Formstorming
(DAYDEV)
6. พระธรรมเนหะมีย์ บทที่ 10 โดย ศจ.ดร.สุรศักดิ์ DrKerMinistry
(DrKer)
Top Articles
Latest Posts
Article information

Author: Rev. Porsche Oberbrunner

Last Updated: 17/10/2023

Views: 6313

Rating: 4.2 / 5 (53 voted)

Reviews: 92% of readers found this page helpful

Author information

Name: Rev. Porsche Oberbrunner

Birthday: 1994-06-25

Address: Suite 153 582 Lubowitz Walks, Port Alfredoborough, IN 72879-2838

Phone: +128413562823324

Job: IT Strategist

Hobby: Video gaming, Basketball, Web surfing, Book restoration, Jogging, Shooting, Fishing

Introduction: My name is Rev. Porsche Oberbrunner, I am a zany, graceful, talented, witty, determined, shiny, enchanting person who loves writing and wants to share my knowledge and understanding with you.